TH | EN
TH | EN
หน้าแรกTechnology1 ปี ChatGPT … Generative AI ที่ทำให้ทั้งโลกต้องหันมอง

1 ปี ChatGPT … Generative AI ที่ทำให้ทั้งโลกต้องหันมอง

แม้จะไม่เป็นที่พูดถึงมากนัก แต่สำหรับสาวกแฟนคลับ วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา คือวันครบรอบ 1 ปีที่ ChatGPT เดบิวต์ออกสู่ตลาดทั่วโลกอย่างเป็นการ

นับตั้งแต่นั้น ChatGPT มีการเปลี่ยนแปลงไปมากมาย พร้อมด้วยจำนวนผู้ใช้งานที่มากถึง 1.7 พันล้านคนทั่วโลก (ตัวเลขล่าสุด ณ สิ้นเดือนตุลาคม)

ทั้งนี้ ย้อนไปในปี 2022 สตาร์ตอัพภายใต้การสนับสนุนของ Microsoft อย่าง OpenAI ได้เปิดให้สาธารณชนเริ่มปรับแต่ง ChatGPT ทำให้ผู้คนสามารถถามคำถามกับแชทบอตที่จะตอบสนองในลักษณะการสนทนาที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับการพูดคุยกับมนุษย์คนอื่นมากกว่าระบบ AI

ด้วยประสิทธิภาพของเทคโนโลยี generative AI บวกการใช้งานที่ไม่ซับซ้อนและเข้าถึงได้ง่าย ทำให้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ภายในเวลาเพียงไม่นาน ChatGPT จะได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดย เกร็ก บร็อกแมน (Greg Brockman) ซีอีโอของ OpenAI ในขณะนั้นระบุว่า มีผู้ใช้เกิน 1 ล้านคนเพียงแค่ 5 วันหลังจากเปิดตัว ขณะที่อีกสองเดือนต่อมา คือ เดือนมกราคมปี 2023 แอปพลิเคชันนี้มีผู้ใช้งานประมาณ 100 ล้านรายต่อเดือน

เปิดใจซีอีโอ OpenAI ผู้สร้าง ChatGPT ประเด็นน่ากังวลกับศักยภาพของ AI

จับตาสมรภูมิใหม่ ChatGPT vs Bard และ Ernie Bot สงคราม AI Chatbot ดิสรัปยุคชีวิตดิจิทัล

ถามว่าผ่านไปหนึ่งปี ChatGPT ณ วันนั้นจนถึงวันนี้ มีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด

คำตอบก็คือ แทบจะไม่มีวันไหนที่ ChatGPT ไม่เปลี่ยนแปลง

รายงานระบุว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา ผู้คนใช้ ChatGPT สำหรับงานทุกประเภท ตั้งแต่การเขียนอีเมล การจัดเรซูเม่ การแต่งเพลง ไปจนถึงการสร้างธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ตอบแทนเป็นตัวเลขหกหลัก

ขณะเดียวกัน ด้วยวิธีการใช้แชทบอท AI ของคนมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้เทคโนโลยี AI ดังกล่าวเองก็ต้องมีการเรียนรู้พัฒนาเพื่อให้ตอบสนองต่อพฤติกรรมของคนใช้งานเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ ปีที่แล้วมีเพียง ChatGPT เวอร์ชันใช้งานฟรีเท่านั้นที่ให้การตอบกลับแบบข้อความโดยละเอียดสำหรับคำถามและคำขอของผู้ใช้ แต่ตอนนี้ผู้ใช้สามารถสมัครสมาชิก ChatGPT Plus เพื่อเข้าถึงแชทบอท AI ใหม่ล่าสุดของ OpenAI นั่นคือ ChatGPT-4 ที่ OpenAI ระบุว่า เป็นเวอร์ชั่น generative AI ที่ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับข้อมูลมากขึ้น จึงลดการตอบสนองที่ไม่ถูกต้องให้น้อยลง และสามารถเข้าใจ “คำสั่งที่เหมาะสมยิ่งขึ้น” มากกว่ารุ่นก่อนหน้า

ยิ่งไปกว่านั้น ฟังก์ชั่นการทำงานที่มีการปรับปรุงที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ChatGPT รุ่นใหม่สามารถ “มองเห็น ได้ยิน และพูดได้” ( “see, hear and speak”) ซึ่งหมายความว่าสมาชิกสามารถสนทนาด้วยเสียงกับ ChatGPT ผ่านแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ และแชร์รูปภาพเพื่อให้ระบบประมวลผลและตอบกลับได้

ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใช้งานสามารถถ่ายรูปดอกไม้และขอให้ ChatGPT อธิบายว่าเป็นพืชชนิดใดและดูแลรักษาอย่างไร เป็นต้น

นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงด้านประสิทธิภาพการทำงานของเทคโนโลยี generative AI แล้ว การเปลี่ยนแปลงยังลามไปถึงตัวโครงสร้างการบริหารจัดการของ OpenAI ซึ่งรวมถึงดราม่าเรื่องตำแหน่งซีอีโอของ Sam Altman เมื่อไม่นานมานี้

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา คณะกรรมการบอร์ดบริหารของสตาร์ทอัพดาวรุ่งมาแรงแหน่งนี้ ตัดสินใจปลด Sam Altman ออก โดยไม่นานหลังการประกาศฟ้าผ่าดังกล่าว บรรดาพนักงานหลายร้อยคนได้ลงนามในจดหมายขู่ว่าจะลาออกและจะตามไปทำงานกับ Altman ที่ Microsoft ซึ่งเจ้าตัวจะทำงานในฐานะผู้นำทีมวิจัย AI ชุดใหม่ อย่างไรก็ตาม OpenAI ได้จ้าง Altman อีกครั้งภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ต่อมา

ผลกระทบของ ChatGPT ต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี

หนึ่งปีนับตั้งแต่ OpenAI เปิดตัว ChatGPT บริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีต่างทยอยเปิดตัวแอปพลิเคชันการรับส่งข้อความที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของตนเองออกมามากมาย

โดยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เสิร์ชเอ็นจิ้นยักษ์ใหญ่อย่าง Google ได้ประกาศแชทบอท AI ของตัวเองชื่อ Bard ซึ่งขับเคลื่อนโดยโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Google และใช้ข้อมูลจากเว็บของทางค่ายเพื่อตอบสนองต่อคำแนะนำของผู้ใช้ในรูปแบบการสนทนา นอกจากนี้ Bard ยังสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องมืออื่นๆ ของ Google เช่น Gmail, Docs และ YouTube เพื่อสร้างการตอบกลับในปรับให้เข้ากับผู้ใช้งานแต่ละรายโดยเฉพาะ

อีกหลายเดือนต่อมา ในเดือนพฤศจิกายน Amazon เปิดตัวแชทบอท AI ชื่อ Q ซึ่งให้นิยามว่าเป็นผู้ช่วยที่ขับเคลื่อนด้วย Generative AI ที่มุ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานในด้านต่างๆ เช่น การสรุปเอกสาร การทำวิจัย หรือการสร้างฉบับร่างอีเมล ตามบล็อกของบริษัท

เรียกได้ว่า ChatGPT ของ OpenAI ได้เปิดศักราชใหม่ให้เทคโนโลยี AI เข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง และทำให้ภาคธุรกิจมองเห็นความเป็นไปได้ในการสร้างโมเดลใหม่ ๆ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล

เช่นนั้น อะไรคือก้าวต่อไปของ ChatGPT กับ generative AI

สำหรับนักพัฒนา อนาคตของแชทบอท AI อาจหมายความว่า ผู้ใช้งานจะมีแชทบอทส่วนตัวที่สามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะส่วนบุคคลของคนๆ หนึ่งได้

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน OpenAI ได้ประกาศการอัพเดทล่าสุดที่เปิดทางให้ผู้ใช้สามารถสร้าง ChatGPT เวอร์ชันที่กำหนดเองเพื่อตอบสนองความต้องการอย่างใดอย่างหนึ่งของผู้ใช้งานโดยเฉพาะ เช่น การอธิบายเกมกระดาน หรือช่วยพัฒนาทักษะการเขียน เป็นต้น

นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถแชร์แชทบอทที่ตนเองสร้างขึ้นกับผู้ใช้รายอื่นผ่านทาง App Store

ฮอด ลิปสัน (Hod Lipson) ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมศาสตร์และวิทยาศาสตร์ข้อมูลแห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย กล่าวว่า OpenAIกำลังพยายามสร้างมาร์เก็ตเพลสซึ่งจะช่วยให้บริษัทและผู้คนสามารถคิดค้นและเล่นกับรูปแบบ AI ที่แต่ละคนสร้างขึ้นมา

กระนั้น ขณะที่ ChatGPT อาจช่วยให้แชทบอท AI เป็นที่นิยม แต่แชทบอท AI ดังกล่าวก็เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของ generative AI ที่แสดงการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อให้สามารถสร้างเนื้อหาใหม่ เช่น เรียงความหรือรูปภาพได้ โดยนอกจาก ChatGPT แล้ว OpenAI ยังมีการพัฒนาระบบ DALL-E AI ซึ่งสามารถสร้างรูปภาพตามการป้อนข้อความของผู้ใช้งาน

ขณะเดียวกัน แม้ว่าแอปพลิเคชัน generative AI จะมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในปีที่ผ่านมา แต่ จามีน อีดีส (Jamyn Edis) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยนิวยอร์กที่มีประสบการณ์มากกว่า 25 ปีในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสื่อ ตั้งข้อสังเกตว่า ก้าวดังกล่าวอาจไม่ยั่งยืน

อีดีส อธิบายว่าการพัฒนา generative AI จำเป็นต้องมีข้อมูลเพื่อป้อนเข้าระบบและในขณะที่เราพยายามนำเข้าข้อความ รูปภาพ วิดีโอ รวมถึงรูปแบบสื่อและชุดข้อมูลอื่นๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงจุดที่ข้อมูลที่มีอยู่หมดลง ซึ่ง อีดีสชี้ว่า เมื่อถึงจุดนั้น ChatGPT อาจจะกลายเป็นเหมือนสุนัขที่วิ่งไล่วนงับหางตัวเอง เพราะเนื้อหาข้อมูลที่อยู่ในระบบกลายเป็นเนื้อหาเก่าที่ล้าสมัย

สำหรับ OpenAI อ้างอิงตามรายงานที่ปรากฎในบล็อกโพสต์ของบริษัทเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน บริษัทมีเป้าหมายที่จะสร้างชุดข้อมูล (datasets) ของทั้งภาครัฐและอกชน ที่จะช่วยให้โมเดล AI มีความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับวิชา ภาษาและวัฒนธรรมที่หลากหลาย ซึ่งเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว OpenAI กำลังมองหาข้อมูลที่ “สะท้อนถึงสังคมมนุษย์” ในลักษณะที่ไม่สามารถหาได้ทางออนไลน์ เช่น การสนทนาของมนุษย์

โดย OpenAI ระบุว่า บริษัทกำลังมองหาพันธมิตรที่ต้องการช่วยสอน AI ให้เข้าใจโลกของมนุษย์เพื่อเป็นประโยชน์สูงสุดต่อทุกคน

อ้างอิง: CNBC

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ