TH | EN
TH | EN
หน้าแรกTechnologyจับตาสมรภูมิใหม่ ChatGPT vs Bard และ Ernie Bot สงคราม AI Chatbot ดิสรัปยุคชีวิตดิจิทัล

จับตาสมรภูมิใหม่ ChatGPT vs Bard และ Ernie Bot สงคราม AI Chatbot ดิสรัปยุคชีวิตดิจิทัล

หนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญที่บ่งบอกว่า เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมตัวใหม่กำลังเกิดขึ้น และกระจายเป็นวงกว้างครอบคลุมไปทั่วโลกก็คือการนับจำนวนพาดหัวข่าวเกี่ยวกับเทคโนโลยีนั้น ๆ ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา 

งานนี้ไม่ต้องเดาก็คงจะบอกกันได้ว่า เทคโนโลยีตัวล่าสุดที่กำลังจะแจ้งเกิดแน่นอนแล้วในเวลานี้ ก็คือ แชทบอทปัญญาประดิษฐ์ (AI Chatbot) ที่บรรดาค่ายเทคโนโลยีชั้นนำจำนวนหนึ่งต่างแง้มระบบ AI Chatbot ของตนเองมาเป็นน้ำจิ้มให้ตื่นเต้นกันบ้างแล้ว 

ทันทีที่ไมโครซอฟท์เปิดตัว ChatGPT ครั้งแรกในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ปี 2022 จำนวนผู้ใช้งานก็สูงแตะระดับ 100 ล้านคนทั่วโลกภายในสิ้นเดือนมกราคม ทำสถิติกลายเป็น AI Chatbot ที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในโลก และทำให้ระบบ GPT (Generative Pre-trained Transformer) ของ OpenAI ได้รับการจับตามองอย่างมาก จนกระทั่งไมโครซอฟท์ยอมทุ่ม 10,000 ล้านหนุน OpenAI พัฒนา ChatGPT ต่อ

ChatGPT ปัญญาประดิษฐ์สุดล้ำ พระเอกหรือตัวร้ายของโลกนวัตกรรม

ราว 4 เดือนหลังจากนั้น ซุนดาร์ พิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอัลฟาเบท บริษัทแม่ของกูเกิล ก็ประกาศเปิดตัว Bard แชทบอทสายเลือดกูเกิลที่ซุ่มพัฒนามากว่า 6 ปี ด้วยประสิทธิภาพที่ พิชัย มั่นใจ ว่า เหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็นขีดความสามารถในการประมวลผล ความเร็วในการโต้ตอบ และความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ด้วยระบบ LaMDA (Language Model for Dialogue Applications) ที่วิศวกรของกูเกิลฟูมฟักมากับมือ 

แม้จะยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่า ค่ายไหนจะชนะ แต่อย่างน้อย Bard ของกูเกิลก็ได้เปรียบตรงที่สามารถประมวลผลจากข้อมูลเรียลไทม์ที่มีอยู่บนฐานข้อมูลเสิร์ชเอ็นจินขนาดยักษ์ของตนเอง ขณะที่ ChatGPT ของไมโครซอฟท์ มีข้อมูลอัพเดทจนถึงปี 2021 เท่านั้น 

ขณะเดียวกัน ก็ต้องดูกันต่อไปว่าค่ายที่คิดไว ทำไว และทุ่มเงินไม่อั้นอย่างไมโครซอฟท์ หรือค่ายที่ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ทำ แต่เน้นชัวร์ และคุ้มอย่างกูเกิล ใครจะไปได้ไกลกว่ากัน 

ยิ่งไปกว่านั้น การแข่งขันเทคโนโลยีแชทบอทปัญญาประดิษฐ์ดูจะไม่ได้มีแค่ ไมโครซอฟท์และกูเกิลเสียแล้ว เพราะล่าสุด ทาง Baidu เสิร์ชเอ็นจินยักษ์ใหญ่สัญชาติจีนก็ขอร่วมศึกแข่งขันในครั้งนี้ด้วย โดยระบุว่าบริษัทเพิ่งเสร็จสิ้นการทดสอบระบบการประมวลผลภาษา และเตรียมจะเปิดตัวให้ใช้งานในเดือนมีนาคม ภายใต้ชื่อ Ernie Bot

ซีอีโอกูเกิล เผยวิสัยทัศน์ก้าวสำคัญของ Google บนเส้นทาง AI

เรียกได้ว่า หลัก ๆ ตอนนี้ ที่เปิดให้คนทั่วไปสมัครใช้งานแล้วคือ ChatGPT ของไมโครซอฟท์ที่ให้ทุนสนับสนุนบริษัทนักพัฒนา OpenAI ส่วนกูเกิลอยู่ในระหว่างการทดสอบกับผู้เชี่ยวชาญ ก่อนเปิดให้คนทั่วไปทดลองในอีกหลายสัปดาห์ข้างหน้า และ Baidu จะพร้อมให้บริการในเดือนมีนาคม

อย่างไรก็ตาม คำถามที่สำคัญมากที่สุดคำถามหนึ่งในเวลานี้ก็คือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีความหมายต่อมนุษย์และสังคมของโลกในภายภาคหน้าอย่างไร 

เพราะท่ามกลางความตื่นเต้นต่อประสิทธิภาพของAI ยังคงมีคำถามสำคัญมากมายที่ต้องการคำตอบ เช่น อัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วนี้จะดำเนินต่อไปหรือไม่? ChatGPT จะยังคงเป็นผู้นำในกลุ่มใหม่นี้หรือจะถูกแทนที่ด้วยแชทบอทตัวอื่น? คู่แข่งรายใหม่รายใดที่จะเข้ามาท้าทาย OpenAI? ใครจะเป็นผู้นำในพื้นที่นี้ในระยะสั้นและระยะยาว? การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม AI จะเป็นอย่างไรต่อไป?

ผู้เชี่ยวชาญหลายสำนักยอมรับว่าตอนนี้ยังตอบได้ยาก แต่สถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงที่ Google, Yahoo, Microsoft และ Netscape ต่างช่วงชิงเบอร์หนึ่งในตลาดเสิร์ชเอ็นจิน และเป็น Google ที่คว้าไป

ส่วนในแง่ของการเปลี่ยนแปลง อย่างน้อยตอนนี้ นักการตลาดทั้งหลายต่างมองเห็นช่องทางในการนำ Chatbot AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสบการณ์ของลูกค้า ขณะเดียวกัน การแข่งขันที่ร้อนแรงกลายเป็นตัวดึงดูดเม็ดเงินลงทุนมหาศาล ซึ่งจะเป็นโอกาสเติบโตของระบบเครือข่ายสัญญาณไร้สายอย่าง 5G และ 6G 

จับเข่าคุยกับ ChatGPT แล้วคุณจะรักเขามากกว่าที่คิด

Jeff Kagan คอลัมนิสต์และนักวิเคราะห์อุตสาหกรรมเทคโนโลยีของ RCR Wireless News ระบุว่า ในอนาคต เทคโนโลยี ChatBot ในพื้นที่ AI จะยังคงก้าวหน้าและทำให้สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และเทคโนโลยีไร้สายดีขึ้น เร็วขึ้น และแรงขึ้น

ขณะเดียวกัน ในฐานะผู้บริโภค Chatbot AI อย่าง ChatGPT ของ Open AI ถือได้ว่าเป็นสุดยอดแอป แบบที่ iPhone และ Android เป็นสุดยอดสมาร์ทโฟนที่ชนะการแข่งขันกับผู้นำในอดีตอย่าง Blackberry และ Palm

ดังนั้น การเติบโตจะไม่ได้มาจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีนี้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงวิธีการที่จะรวม Chatbot AI ไว้ในแอป ซอฟต์แวร์ ผลิตภัณฑ์ และบริการอื่น ๆ ในอนาคต ซึ่งหมายความว่าทุกสิ่งที่คนเราใช้ในชีวิตประจำวันจะเชื่อมต่อกับ AI โดยใช้ Chatbot AI แบบไร้สายหรือผ่านบริการผ่านสาย

นอกจากนี้ หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า เทคโนโลยี ChatBot จะถูกนำมาใช้เพื่อทำสิ่งธรรมดาๆ เช่น พูดคุยกับฝ่ายดูแลลูกค้า สั่งอาหารกลับบ้านบน GrubHub จองตั๋วเครื่องบิน โรงแรมและบริการต่าง ๆ อีกมากมาย 

ร้านขายของชำในอนาคตจะปล่อยให้ลูกค้าเดินไปตามทางเดิน ใส่สินค้าในถุงในรถเข็น จากนั้นเดินออกจากร้านโดยไม่ต้องผ่านเครื่องสแกน ส่วนร้านอาหารอย่าง Pizza Hut, Dominos, Papa Johns และอื่น ๆ จะให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมกับการสั่งอาหารของตนเองมากขึ้น 

ด้านโรงพยาบาลและอุตสาหกรรมการแพทย์ทั้งหมดจะใช้ Chatbot AIเพื่อทำสิ่งต่างๆ มากขึ้น รวมถึงการเช็คอิน สแกนบัตรประกัน ตลอดจนอัปเดตข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับผู้ป่วย

Amity เสริมแกร่งบริการแชตบอต เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ใช้เทคโนโลยี ChatGPT เป็นรายแรกของไทย

เรียกได้ว่ายังมีอีกหลายวิธีที่เทคโนโลยี ChatBot ใหม่นี้จะเปลี่ยนแปลงและยกระดับชีวิตของคนในอนาคต ตราบเท่าที่ขอบเขตจิตนาการของมนุษย์จะไปถึง 

อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ย่อมมีสองด้านเสมอ เช่นเดียวกับ เทคโนโลยี Chatbot AI ตัวนี้ โดยผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งเห็นตรงกันว่า ในขณะที่เทคโนโลยีใหม่ตัวนี้มีกรณีใช้งานออกมาเรื่อย ๆ สังคมโลกจะค้นพบประเด็นปัญหาที่ต้องดำเนินการจัดการต่อไป 

ตัวอย่างชัดเจนที่กำลังเป็นประเด็นร้อนก็คือการที่บรรดาครูบาอาจารย์ทั้งหลายในสถานศึกษาต้องหาทางตรวจสอบว่างานที่นักเรียนนักศึกษาส่งมาเป็นงานที่ทำเอง หรือเป็นฝึมือของ Chatbot AI

นอกจากนี้ สิ่งที่ยังน่าเป็นห่วงอีกประการก็คือ ประเด็นอ่อนไหวทางสังคม โดยผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า Chatbot AI แม้จะมีความน่าสนใจและพูดเก่ง แต่ก็มีแนวโน้มที่จะผิดพลาดได้อย่างมาก ความสามารถในการค้นหาอินเทอร์เน็ตแบบเรียลไทม์ รวมถึงเนื้อหา เช่น คำพูดแสดงความเกลียดชัง อคติทางเชื้อชาติและเพศ และการเหมารวม อาจนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ ในภายหลังได้ 

ด้านเว็บไซต์ LatestLY สรุปว่า ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ChatGPT, Bard หรือ Chatbot AI ตัวอื่น จะมีอิทธิพลอย่างมากต่อวิธีการทำงานตั้งแต่ระดับบุคคลไปจนถึงระดับองค์กร โดยแชทบอทหรือโมเดลภาษาที่ขับเคลื่อนด้วย AI เหล่านี้จะส่งผลต่อสิ่งที่มนุษย์ชอบ และเช่นเดียวกับสิ่งประดิษฐ์ทางเทคโนโลยีส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นมา Chatbot AI อาจมีผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบ แต่ในท้ายที่สุดแล้ว เทคโนโลยีใหม่นี้จะเป็นประโยชน์อย่างมาก และเปลี่ยนวิธีที่มนุษย์พึ่งพาแอปพลิเคชันในปัจจุบันอย่างแน่นอน 

ที่มา: rcrwireless, analyticsindiamag, latestly, news18, usnews

ChatGPT กับอนาคตของการลงทุน

ผู้เชี่ยวชาญแนะผู้ใช้ต่อยอด ChatGPT ในการค้นหาคำตอบ เพิ่มศักยภาพการทำงาน

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ