เทคโนโลยีบล็อกเชนที่เป็นเครือข่ายแบบกระจายศูนย์ และเป็นโครงสร้างพื้นฐานให้กับคริปโทเคอร์เรนซี DeFi, NFT และยังสามารถต่อยอดออกไปได้อีกหลากหลายอุตสาหกรรม เรียกได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่ทรงพลัง และจะมีบทบาทสำคัญอย่างมากสำหรับเศรษฐกิจในอนาคต
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมบล็อกเชนและคริปโทเคอร์เรนซีกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว จึงทำให้เกิดเครือข่ายบล็อกเชนรุ่นใหม่ ๆ ออกมามากมาย นอกจากเครือข่ายที่เราคุ้นเคยกันดีอย่าง Bitcoin หรือ Ethereum
อย่างไรก็ตาม แม้เทคโนโลยีบล็อกเชนจะมีศักยภาพมากมาย แต่บล็อกเชนแต่ละเครือข่ายก็มีความเป็นเอกเทศสูง เนื่องจากระบบการปกครองและโครงสร้างพื้นฐานของแต่ละเครือข่ายมีความแตกต่างกัน ทำให้บล็อกเชนไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ดีนัก
- ล้วงลึกก่อนลงทุน! “Dogecoin” คืออะไร? น่าลงทุนหรือไม่กับเหรียญน้องหมาหน้ากวน
- รู้จัก BNB เหรียญสกุลดัง พร้อมเหตุผลที่ควรจับตามอง!
ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดแนวคิดที่จะเชื่อมต่อเครือข่ายบล็อกเชนมากกว่า 2 เครือข่ายขึ้นไป ให้สามารถทำงานร่วมกันได้ (Interoperable) ซึ่งในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับ Bridge ว่าคืออะไร ทำงานอย่างไร และมีความสำคัญอย่างไรกับอุตสาหกรรมบล็อกเชน
Bridge คืออะไร?
Bridge หรือ Blockchain Bridge คือระบบที่ช่วยให้เครือข่ายบล็อกเชนมากกว่า 2 เครือข่ายที่มีโครงสร้างแตกต่างกัน เช่น Bitcoin (BTC) กับ Ethereum (ETH) ให้สามารถทำงานร่วมกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินข้ามเครือข่าย การส่งต่อข้อมูล และอาจรวมถึงการใช้ Smart contract ร่วมกัน เป็นต้น
Bridge สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ
1) Bridge ที่มีระบบการปกครองแบบรวมศูนย์ (Centralized) โดยจะมีตัวกลางคอยให้บริการดำเนินธุรกรรมข้ามเครือข่าย ผู้ใช้บริการจึงต้องเชื่อมั่นในตัวผู้ให้บริการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
2) Bridge ที่มีระบบการปกครองแบบกระจายศูนย์ (Decentralized) เป็นระบบที่ใช้บล็อกเชนเครือข่ายย่อยและ Smart contract ในการดำเนินธุรกรรมข้ามเครือข่าย ผู้ใช้จึงไม่จำเป็นต้องเชื่อมั่นในตัวกลาง แต่เชื่อมั่นในตัวระบบแทน
Bridge ทำงานอย่างไร?
หลักการทำงานของ Bridge คือการ Lock & Mint (ล็อกและสร้าง) ยกตัวอย่าง Bridge ที่เป็นแบบกระจายศูนย์ เช่น Wanchain (WAN) โดยมีขั้นตอนการทำงานคือ
1.เมื่อผู้ใช้ทำการโอนเหรียญข้ามเครือข่าย เหรียญที่ต้องการโอนจะถูกส่งเข้าไปใน Smart contract ของ Wanchain
2.Smart contract ของ Wanchain จะทำการล็อก (Lock) เหรียญที่โอนเข้าไป
3.จากนั้น Smart contract จะสร้าง (Mint) โทเคนที่ผูกมูลค่ากับเหรียญต้นทางในอัตรา 1:1
4.โทเคนที่ผูกมูลค่ากับเหรียญต้นฉบับจะถูกโอนไปยังเครือข่ายปลายทาง
5.ในกรณีที่โอนเหรียญกลับมาเครือข่ายเดิม เหรียญต้นฉบับที่อยู่ใน Smart contract ของ Wanchain ก็จะถูกปลดล็อก (Unlock) และโอนกลับเครือข่ายต้นทาง ส่วนโทเคนที่สร้างมาใหม่ก็จะถูกทำลาย (Burn)
กระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ Wanchain ใช้ระบบฉันทามติแบบ Proof-of-Stake เพื่อคอยตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมโดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง
ประโยชน์ของ Bridge
การโอนเหรียญข้ามเครือข่ายส่วนใหญ่จะทำไปเพื่อนำเหรียญไปใช้กับ DeFi ของอีกเครือข่าย เช่น นำ Bitcoin ไปใช้กับ DeFi บน Ethereum เนื่องจากเครือข่าย Bitcoin ไม่สามารถใช้ Smart contract ที่มีประสิทธิภาพได้เท่ากับ Ethereum
Bitcoin ที่โอนเข้าไปใน Ethereum จะอยู่ในรูปแบบของ Wrapped Bitcoin (wBTC) วิธีนี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถนำจุดเด่นของ Bitcoin ที่เป็นเหรียญที่มีมูลค่าสูงที่สุดในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ไปใช้บน DeFi เพื่อทำการ Yield Farming ผ่านแพลตฟอร์ม DeFi บน Ethereum ที่รองรับ wBTC เช่น Uniswap (UNI), Maker (MKR), หรือ AAVE เป็นต้น
สรุป
Bridge คือระบบที่ใช้เชื่อมต่อบล็อกเชนมากกว่า 2 เครือข่ายขึ้นไปให้สามารถทำงานร่วมกันได้ โดยมีทั้งบริการแบบรวมศูนย์ (Centralized) ที่มีตัวกลางเป็นผู้ดำเนินธุรกรรมข้ามเครือข่ายให้ และแบบกระจายศูนย์ (Decentralized) ที่ใช้บล็อกเชนและ Smart contract คอยดำเนินธุรกรรมให้โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง
ประโยชน์ของ Bridge ทำให้ผู้ใช้สามารถนำเหรียญจากอีกเครือข่ายหนึ่งไปใช้กับอีกเครือข่ายหนึ่งได้ โดยไม่จำเป็นต้องขายและซื้อเหรียญใหม่ แถมยังเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับเครือข่ายบล็อกเชนที่เกี่ยวข้อง และช่วยให้เครือข่ายเหล่านี้มีการทำงานที่เกื้อหนุนกันได้มากยิ่งขึ้น
อ้างอิง Cointelegraph, Coinmarketcap, Blockchain Simplified
เทรดเหรียญคริปโตที่คุณชื่นชอบกับ Bitkub กระดานซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำโดยคนไทย ได้รับใบอนุญาตอย่างเป็นทางการจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เริ่มเทรดกับ Bitkub วันนี้! คลิกเลย: https://onelink.bitkub.com/aHvr/partnershomepage
*การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ควรศึกษาและทำความเข้าใจก่อนลงทุน*
