บ้านปู วางเป้าหมายปี 2021 ถึง 2025 จะมีสัดส่วนของพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อมในพอร์ตโฟลิโอ (Greener Portfolio) คือ มีกำไรจากธุรกิจสีเขียวมากกว่า 50%
ยุทธศาสตร์นี้อยู่ภายใต้แผน 5 ปีฉบับใหม่ (2021-2025) ของบ้านปู ที่นำแผน “Greener & Smarter” มาต่อยอดด้วย Faster เพื่อดันนโยบาย “บ้านปู ทรานส์ฟอร์เมชัน” (Banpu Transformation ) ต่อเนื่อง
สมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บ้านปู ทรานส์ฟอร์เมชัน” ให้ความสำคัญกับ 2 เรื่อง คือ การเพิ่มสัดส่วนพอร์ตโฟลิโอพลังงานที่สะอาดและฉลาดให้มากขึ้น ผ่านบริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด และการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่ยุคดิจิทัล หรือ Digital Transformation
การทรานส์ฟอร์มของบ้านปู มาสู่ Greener Portfolio ดิจิทัลเข้ามามีบทบาทอย่างมาก รวมถึงการจัดโครงสร้างองค์กร การทำงานแบบ Alige ทีม และการส่งมอบ Smart Energy for Sunstainability โดยมี “บ้านปู เน็กซ์” เป็นเรือธงในการสร้างและขับเคลื่อนพอร์ตพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงาน และพัฒนาโซลูชันด้านพลังงาน เพื่อตอบสนองเทรนด์พลังงานยุคใหม่
บ้านปูลงทุนไปเกือบ 2,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วงปี 2015-2020 โดย 80% ของงบลงทุนนี้ลงทุนในธุรกิจสีเขียวทั้งหมด อาทิ ธุรกิจแก๊ส และธุรกิจ Renewable Energy
ทั้งนี้ บริษัททำ “บ้านปู ทรานส์ฟอร์เมชัน” มาตั้งแต่ 2015 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ซึ่งเพิ่งจบแผน5 ปี ฉบับแรกไปเมื่อสิ้นปี 2020) ปัจจุบัน บริษัทมีการปรับพอร์ตธุรกิจไปสู่พลังงานแห่งความยั่งยืน เปลี่ยนตัวเองเข้าสู่ Greener & Smarter เพื่อเป็นบริษัทพลังงานที่เป็น Smart Engery Solution for Sustainability
สมฤดี กล่าวว่า พลังงานที่ยั่งยืน คือ พลังงานที่สะอาด พลังงานที่มีความมั่นคงและจัดมาได้ด้วยราคาที่เหมาะสม ทั้งหมดเเป็นไปตาม “3Ds- Mega Trends” คือ
- Decentralization หรือ การจำหน่ายพลังงานแบบกระจายตัวของแหล่งผลิต
- Decarbonization เป็นพลังงานสะอาด
- Digitalization เป็นการนำระบบดิจิทัลเข้ามาบริหารจัดการระบบพลังงาน
บ้านปูมีบริการครบวงจร และเป็นผู้นำที่หลากหลายในระดับนานาชาติ (International Versatile Energy Provider) คือ พลังงานที่ผลิตมีความหลากหลายมากขึ้น และไปสู่นานาชาติที่มากขึ้น
ทั้งนี้ การทรานส์ฟอร์มแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรก คือ การปรับพอร์ตธุรกิจที่ทรานส์ฟอร์มาเป็น Greener&Smarter คือ การเพิ่มธุรกิจที่เป็นสีเขียวมากขึ้น โดยเฉพาะพลังงานสะอาดที่เป็นพลังงานหมุนเวียน บริษัทได้มีการเพิ่มโครงการพลังงานสะอาดมากขึ้นในหลายประเทศ อาทิ เวียดนาม ญี่ปุ่น และจีน
และเพิ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ซึ่งเป็นธุรกิจของบ้านปู เน็กซ์ที่เข้ามาสู่การสร้างแพลตฟอร์มด้านพลังงานที่ครบวงจรมากมาย เป็นพลังงานสะอาดแบบครบวงจร (Smart Energy) นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจก๊าซ ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก ๆ ในอเมริกา ทิศทางของพลังงานในปี 2021 เป็นทิศทางที่ดีขึ้นทั้งหมด
“เรามีบ้านปู เน็กซ์ มีดิจิทัล ทรานส์ฟอร์มเมชัน เราทรานส์ฟอร์มตัวเองเป็น Smart Engery for Sustainability นั่นคืออนาคต คือ พลังงานเพื่อความยั่งยืน และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี”
ส่วนที่สอง คือ การนำดิจิทัลเข้ามาใช้ ซึ่ง 3 ที่ผ่านมาทำงานร่วมกับที่ปรึกษาระดับโลก เพื่อทำ Digital Transformation ของบ้านปู ซึ่งมาทันเวลารับมือกับวิกฤติโควิด-19
ภายใต้ 3 ธุรกิจหลักของบ้านปู คือ ธุรกิจ Energy Resource ธุรกิจ Energy Generation และธุรกิจ Energy Technology สิ่งที่บ้านปูเน้นย้ำ คือ ความยั่งยืน (Energy for Sustainability)
การพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานภายใต้ “บ้านปู เน็กซ์” พร้อมกับการขับเคลื่อนองค์กรด้วยกระบวนการ Digital Transformation ด้วยหน่วยงานใหม่ “Digital Center of Excellence” (DCOE) เพื่อนำเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ
“ตลอดเวลาเกือบ 4 ทศวรรษของการดำเนินงาน หนึ่งในดีเอ็นเอที่แข็งแกร่งของบ้านปูคือ ความยืดหยุ่น (resilience) เราจึงรู้จักตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงอย่างทันท่วงทีเสมอ การเปลี่ยนผ่านของ Banpu Transformation ก็มีมาอย่างต่อเนื่อง แต่เริ่มเข้มข้นมากขึ้นเมื่อ 4-5 ปี ที่สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ช่วยตอกย้ำโลกยุค Never Normal ว่า โลกของเราจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวและพร้อมเปลี่ยนองค์กรของเราให้ก้าวสู่เป้าหมายของความยั่งยืนทางธุรกิจ”
เพิ่มกำลังการผลิตพลังงานสะอาด
ปัจจุบัน กำลังการผลิตของบ้านปู เน็กซ์ มีอยู่ทั้งหมด 694 เมกะวัตต์ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 22.4 ของกำลังการผลิตพลังงานรวมของบ้านปูทั้งหมดที่ 3,097 เมกะวัตต์
ภายในอีก 4 ปีข้างหน้า บ้านปู เน็กซ์ มีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังผลิตพลังงานสะอาดให้ถึง 1,600 เมกะวัตต์ จากกำลังการผลิตพลังงานรวมของบ้านปูทั้งหมดที่ 6,100 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ บ้านปูยังมีพอร์ตก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นพลังงานที่เชื่อมโยงไปสู่พลังงานที่สะอาดขึ้น (Bridging Energy) ที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 600-700 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันเทียบเท่าก๊าซธรรมชาติ
ในรอบปีที่ผ่านมา บ้านปู เน็กซ์ ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดด้วยการสร้างความแตกต่างในการเป็นผู้ให้บริการด้านพลังงานสะอาดที่ฉลาดขึ้นอย่างครบวงจร ด้วย ‘5 โซลูชันพลังงานฉลาด’ (Smart Energy Solutions) ประกอบด้วย
- ฉลาดวิเคราะห์ พัฒนาโปรแกรมที่สามารถติดตามและวิเคราะห์พฤติกรรม รูปแบบ และช่วงเวลาการใช้พลังงานสำหรับกลุ่มโรงงาน
- ฉลาดผลิต พัฒนา Smart Energy Application (BANPU Application) ให้แก่ลูกค้าที่ติดตั้ง Solar rooftop เพื่อใช้งาน เป็นบริการหลังการขาย โดยจะมีฟีเจอร์ใหม่ ที่สามารถตรวจสอบการใช้ไฟได้แบบเรียลไทม์ รวมไปถึง โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ หรือ โซลาร์ลอยน้ำ
- ฉลาดเก็บ ‘บ้านปู เน็กซ์ อีพรอมต์มูฟ’ (บ้านปู เน็กซ์ e-PromptMove) ซึ่งเป็นต้นแบบชุดผลิตและกักเก็บไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบรถเทรลเลอร์รายแรกของไทย
- ฉลาดใช้ บริการยานยนต์ไฟฟ้า อย่าง Muvmi และ “บ้านปู เน็กซ์ อีวี คาร์แชริ่ง” ที่เติมเต็มการเดินทางให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วยบริการรับ-คืนรถแบบไร้สัมผัส เป็นต้น
- ฉลาดหมุนเวียน ลงทุนใน Gepp Sa-ard ผู้ให้บริการด้านข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการขยะ
ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน
บริษัทฯ ตั้ง Digital Center of Excellence (DCOE) ตั้งแต่ปี 2561 เพื่อเรือธงในการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน ตั้งแต่การวางยุทธศาสตร์ ไปจนถึงการทำงานในทุกขั้นตอน ที่สามารถนำเทคโนโลยีและแนวคิดแบบดิจิทัลเข้าไปเสริมประสิทธิภาพได้ รวมไปถึงนำนวัตกรรมต่าง ๆ ไปช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ให้กับลูกค้าทั้งแบบ B2B, B2C และ B2G ได้ดียิ่งขึ้น
รวมทั้ง การร่วมมือกับหน่วยงานทรัพยากรมนุษย์ (HR) และเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ในการวางแผนและขยายผลกระบวนการในการพัฒนาทักษะให้พนักงาน ทั้งการสร้างทักษะใหม่ที่จำเป็น (Reskill) และการยกระดับทักษะเดิมให้ดีขึ้น (Upskill)
ปัจจุบัน ความสำเร็จของขั้นตอน Digital Transformation เห็นเป็นรูปธรรมแล้วใน 4 ประเทศนำร่อง ได้แก่ ประเทศไทย ออสเตรเลีย จีน และอินโดนีเซีย ซึ่งในประเทศเหล่านี้มีหน่วยงาน Digital Capability Centers ตั้งอยู่ที่สำนักงานในประเทศนั้น ๆ (Physical) และมีทีมงานทำงานร่วมกับ DCOE ที่สำนักงานใหญ่ในประเทศไทย (Virtual)
โดยได้ขับเคลื่อนกระบวนการ Digital Transformation ที่เหมาะกับบริบทของธุรกิจในแต่ละประเทศ ตั้งแต่ขั้นตอนการสร้างสรรค์ไอเดีย พัฒนา และร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีนั้น ๆ จากเครือข่ายเทคโนโลยีของบ้านปู โดยมีดิจิทัลโปรดักส์ กว่า 82 เคสและยังคงพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่อง
นวัตกรรมที่น่าสนใจจาก Digital Transformation ครอบคลุมทั้งเทคโนโลยีทั้งสำหรับผู้บริหารและสำหรับผู้ปฏิบัติงานที่สำนักงาน อาทิ
- ระบบ Melak Digital Center (MDC) ที่ใช้ Big Data Analytic วิเคราะห์ข้อมูลกระบวนการผลิต และห่วงโซ่อุทาน (Supply Chain) ให้ห้องควบคุมที่อินโดนีเซียแบบเรียลไทม์ Global Procurement Excellence (GPE) ซึ่งเป็นระบบการจัดซื้อจัดจ้าง (Procurement) มาตรฐานระดับโลกช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการต้นทุน
- นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีสำหรับที่ไซต์งาน ทั้งที่เหมืองและโรงไฟฟ้า อาทิ Geophysical Logging System (GLOG) ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) บ่งชี้เวลาและจุดยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดที่จะทำการขุดเจาะ ซอฟท์แวร์ UMA (Underground Mining Assistant) ที่ช่วยเชื่อมต่อผู้ปฏิบัติงานในเหมือนใต้ดินกับหัวหน้างานบนภาคพื้นดินในออสเตรเลีย
- และ ‘SwitchDin’ ระบบบริหารจัดการการใช้พลังงานสำหรับทุกเหมืองที่ออสเตรเลียด้วยอินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (Internet of Things: IoT) และ เทคโนโลยีเก็บข้อมูล (Cloud Platform) ฯลฯ
กลยุทธ์ Faster
ทั้งนี้ ล่าสุด นอกจากกลยุทธ์ Greener & Smarter แล้ว บ้านปูยังได้เพิ่มกลยุทธ์ Faster เข้ามาด้วย เพื่อเร่งการยกระดับขีดความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถสร้างความยั่งยืนหรือ ESG (Environment, Social and Governance Principles) ให้กับทั้งธุรกิจ ความยั่งยืนด้านพลังงาน และความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม และสังคม ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า (Customer Centric) ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ควบคู่กับการบริหารจัดการอย่างมีธรรมาภิบาล
พร้อมทั้งเน้นการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (Business Ecosystem) ให้มีความครบวงจรมากที่สุด โดยทำงานร่วมกับพันธมิตรคู่ค้าและสตารท์อัพด้านเทคโนโลยีพลังงาน เพื่อคิดค้นและพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และ เทรนด์พลังงานของโลกอย่างยั่งยืน บ้านปูยังมีความมุ่งมั่นสร้างผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน รวมถึงสร้างผลประโยชน์อย่างยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มใน 10 ประเทศที่บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจต่อไป
