Blackstone และ Emerson ประกาศว่า กองทุนไพรเวทอิควิตี้ซึ่งบริหารจัดการโดย Blackstone ได้เสร็จสิ้นการเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ ในธุรกิจเทคโนโลยีด้านสภาพภูมิอากาศของ Emerson ตามที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ โดยมีมูลค่าธุรกรรมอยู่ที่ 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การปิดการเข้าซื้อในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของผู้นำอุตสาหกรรมด้าน HVACR เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีด้านสภาพภูมิอากาศสู่รุ่นต่อไป
ธุรกิจแบบสแตนด์อโลนใหม่นี้จะใช้ชื่อว่า Copeland ซึ่งต่อยอดจากความเชี่ยวชาญที่มีมายาวนานถึง 100 ปี และเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมระบบระบายความร้อน ระบบระบายอากาศ ระบบเครื่องปรับอากาศ และระบบทำความเย็น (HVACR)
โดยจะมุ่งเน้นการให้บริการในตลาด HVACR ทั่วโลก ด้วยผลิตภัณฑ์ของ Copeland ซึ่งประกอบด้วยคอมเพรสเซอร์ ระบบควบคุม อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิ (เทอร์โมสตัท) วาล์ว โซลูชันการติดตามตรวจสอบและซอฟต์แวร์ชั้นนำของตลาด สำหรับลูกค้าโครงการที่อยู่อาศัย โครงการพาณิชย์และอุตสาหกรรม โดย Copeland มียอดขายสุทธิ 5.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ 2565 ที่ผ่านมา
Ross B. Shuster ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Copeland กล่าวว่า “Copeland เป็นผู้บุกเบิกและผู้นำในอุตสาหกรรม HVACR มาอย่างยาวนาน โดยมีความโดดเด่นด้านวิศวกรรม การออกแบบ และนวัตกรรมที่ไม่มีใครเทียบได้ และด้วยการมุ่งเน้นธุรกิจเฉพาะทางจากการเป็นบริษัทสแตนด์อโลน ประกอบกับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นของเราทั้ง Blackstone และ Emerson เราจึงมีแผนที่จะต่อยอดความผู้นำของบริษัทฯ ในอุตสาหกรรม และพัฒนาโซลูชันเทคโนโลยีครบวงจรด้านสภาพภูมิอากาศใหม่ๆ ธุรกิจ Copeland มีทีมงานที่มีความสามารถกว่า 18,000 คน ที่มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและโซลูชันเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในวงกว้าง เร่งขับเคลื่อนเทรนด์แห่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่เทคโนโลยี electrification (การใช้พลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรีไฟฟ้า) และเพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้าและผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา”
Copeland พร้อมที่จะต่อยอดความเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นและความเชี่ยวชาญที่ผู้คนไว้วางใจ เพื่อพัฒนาและกำหนดอนาคตของเทคโนโลยีด้านสภาพภูมิอากาศ ทั้งผลิตภัณฑ์ ความเชี่ยวชาญ และนวัตกรรมของบริษัทฯ ล้วนมีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานของโซลูชันระบบระบายความร้อนและระบายอากาศ รวมถึงตลาดปั๊มความร้อนไฟฟ้า และสารทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และเป็นที่ต้องการ รวมทั้งมีการนำไปใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก อันเนื่องมาจากศักยภาพในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของระบบ HVAC
Joe Baratta ประธาน Blackstone Private Equity กล่าวว่า “Copeland เติบโตขึ้นเป็นผู้นำตลาดในการจัดหาส่วนประกอบสำคัญให้กับโซลูชันการควบคุมสภาพอากาศในโครงการที่อยู่อาศัย โครงการพาณิชย์และอุตสาหกรรม และเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้สนับสนุนการเติบโตของ Copeland ต่อไปอีก ในฐานะบริษัทสแตนด์อโลนระดับโลก ซึ่งความสำเร็จที่มีมายาวนานของ Blackstone จะช่วยสนับสนุนความร่วมมือกับองค์กรขนาดใหญ่ และเราพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทีมงานของ Copeland และ Emerson เพื่อเร่งการเติบโตระยะยาว ที่จะส่งผลกำไรต่อบริษัทฯ นอกจากนี้ เรายังมั่นใจในหนทางข้างหน้าที่จะพัฒนาต่อยอดความผู้นำในอุตสาหกรรมของ Copeland ด้วยการส่งมอบโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมอันล้ำหน้า และช่วยประหยัดพลังงานได้มากยิ่งขึ้น เพื่อสนับสนุนความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของลูกค้า”
Lal Karsanbhai กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Emerson กล่าวว่า “เรายินดีที่การทำธุรกรรมครั้งสำคัญนี้ ได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการปรับเปลี่ยนพอร์ตโฟลิโอของ Emerson สู่การเป็นผู้นำครบวงจรระดับโลกด้านเทคโนโลยีระบบออโตเมชัน รายได้ล่วงหน้าจากธุรกรรมดังกล่าว จะช่วยยกระดับพอร์ตโฟลิโอของ Emerson ในตลาดระบบออโตเมชัน ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ในขณะที่การลงทุนที่เหลืออยู่ของเรา จะทำให้ Emerson ได้รับประโยชน์จากผลกำไรในอนาคตของ Copeland ภายใต้ความเป็นเจ้าของของ Blackstone จนกว่าเราจะออกจากธุรกิจ และด้วยพอร์ตโฟลิโอที่มุ่งเน้นเฉพาะด้านของเรา เรากำลังนำเสนอผลิตภัณฑ์ระบบออโตเมชัน ซอฟต์แวร์ และโซลูชันที่ครอบคลุมตลาดที่หลากหลาย พร้อมขับเคลื่อนความเป็นเลิศในการดำเนินงานและเพิ่มการสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นของ Emerson”
Copeland จะยังคงบริหารงานจากเมืองเซนต์หลุยส์ และให้บริการลูกค้าที่มีอยู่ทั่วโลก ทั้งในยุโรป ละตินอเมริกา เอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกาต่อไป
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
หลักทรัพย์บัวหลวง เปิดตัวหลักสูตรวางแผนทางการเงิน ชูสิทธิประโยชน์ตลอดปี
