เมื่อเอ่ยถึงชื่อของ “กาละแมร์” พัชรศรี เบญจมาศ เชื่อแน่ว่า คนไทยแทบทุกคนย่อมคุ้นเคยกับบทบาทพิธีกร ผู้ประกาศข่าวและผู้ดำเนินรายการมือฉมัง ฝีปากกล้า ประจำสถานีโทรทัศน์ชั้นนำของไทยย่านพระราม 4 ก่อนพ่วงด้วยตำแหน่งหนึ่งในผู้หญิงเก่งของสังคมที่ชื่นชอบการออกกำลังกายและรักการเขียน
จากเส้นทางสายข่าว มาสู่สายบันเทิง แล้วเข้าสู่ทางนักเขียน เลี้ยวสู่สายสุขภาพ วันนี้ กาละแมร์ ได้เลือกที่จะสวมบทบาทใหม่อีกครั้งในฐานะนักธุรกิจ ตำแหน่งประธานกรรมการบริหารบริษัท Power Shot ซึ่งมาพร้อมสโลแกนสั้น ๆ แต่ตรงตัวได้ใจความว่า Make a Difference หรือ “ทำในสิ่งที่แตกต่าง” นำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพที่ดี ด้วยความเชื่อว่า การมีสุขภาพที่ดี คือ สิ่งที่สำคัญที่สุดของชีวิต
กว่า 30 ปีที่โลดแล่นเป็นที่รู้จักในสังคม กาะแมร์ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า บทบาทในการเป็นเจ้าของธุรกิจอาจเป็นงานใหม่ที่ท้าทายตนเอง แต่ไม่ใช่การเริ่มต้นใหม่แต่อย่างใด อาจพูดได้ว่า การทำธุรกิจ ก็คือ การรวบรวมเอาทุกทักษะความสามาถของตนเองที่ได้สั่งสมมาตลอดชีวิต มาก่อร่างสร้าง Power Shot น้องใหม่วงการอาหารเสริมสุขภาพที่กำลังมาแรงด้วยยอดขายระดับพันล้านภายในเวลาไม่กี่ปีหลังตั้งบริษัท
-FINNOMENA ตั้งเป้าสร้างนักลงทุน 1 ล้านคน
-Ricult สตาร์ตอัพหัวใจเกษตร ตั้งเป้ายกระดับอุตสาหกรรม
เมื่อมองย้อนกลับไปตั้งแต่เด็กจนถึงวัยทำงาน สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนสำหรับกาละแมร์ คือ จะมุ่งมั่นทำในสิ่งที่ตัวเองชอบเท่านั้น ดังนั้น สิ่งที่ทำก็คือสิ่งที่ตนเองได้เลือกแล้วว่าจะเป็นหรือทำ ไม่ว่าจะเป็นงานพิธีกร หรืองานเขียน ล้วนเกิดจากความชอบที่ตนเองตั้งเป้าไว้ในใจว่าอยากเห็นตัวเองในโทรทัศน์
“อยากพูดคุยกับผู้ชมในแบบของเรา และอยากเห็นงานเขียนที่มีชื่อตนเองติดอันดับหนังสือขายดีบนชั้นบ้าง มันเป็นเรื่องน่าประหลาดที่แมร์ทำอะไร ชอบเล่นอะไร พอโตขึ้นมาแมร์ก็จะประกอบอาชีพนั้น”
การเป็นเจ้าของธุรกิจอย่าง Power Shot ก็เช่นกัน เป็นจุดเริ่มต้นจากความชอบในการเล่นขายของตนเอง ชอบขาย ชอบนั่งนับเงิน ดังนั้น การเป็นประธานกรรมการบริหารก็คือ การได้สานต่อสิ่งที่ชอบในวัยเยาว์ ผนวกกับความสนใจใส่ใจของตนเองในเรื่องสุขภาพ แต่เพิ่มเติมขึ้นมาแค่ว่า สิ่งที่ทำอย่างสนุกในวันนี้นั้นได้ผลตอบแทนเป็นตัวเงินจริง
“ถ้าถามว่า แมร์ชอบเป็นอะไรมากที่สุด ก็ต้องตอบว่าแมร์ชอบทุกอย่างที่แมร์ทำ เพราะว่าแมร์สนุกกับมัน เพียงแต่โตขึ้นมา พอมันทำแล้วสนุกแล้วเนี่ย มันได้สตางค์เข้ามาด้วยเท่านั้นเองค่ะ”
นอกจากความชอบที่มีเป็นทุนเดิมแล้ว ประสบการณ์จากการงานหน้าที่ที่ผ่านมา ได้หล่อหลอมให้เป็น “กาละแมร์” ที่ “หนักเอาเบาสู้” และ “อึด ถึก ทน” ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ มีแต่ต้องลงมือทำ แล้วทำทุกอย่างให้เป็น คุยกับคนทุกคนให้ได้ และเข้าให้ถึงทุกที่ ซึ่งแม้ในช่วงเริ่มแรกที่ทำธุรกิจอาจจะล้มลุกคลุกคลานบ้างกว่าจะตั้งหลักยืนได้ แต่ก็ไม่ได้ยากไปกว่างานที่ผ่านมา เพียงแต่มีปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงเพิ่มเข้ามากขึ้น
“พอทำธุรกิจ มีบริษัท มันไม่ใช่เรื่องของเราคนเดียวแล้ว”
อย่างไรก็ตาม แม้การเป็นพิธีกรหรือนักเขียนจะต้องรับผิดชอบตนเองให้ดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ต้องคำนึงถึงคนอื่น อย่างผู้ชม ผู้ดู ที่กาละแมร์ กล่าวว่า ต้องคิดถึงอยู่เสมอ แคร์อยู่เสมอ “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” ซึ่งในส่วนนี้เป็นจุดเชื่อมโยงกับการมาทำธุรกิจของตนเองที่ต้องคิดสินค้าและโปรโมชั่นที่ดีและตอบโจทย์เพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง
“ทำอย่างไรเราจึงจะเข้าไปนั่งอยู่ในกลางใจของคนที่จะมาซื้อผลิตภัณฑ์ของเราได้ ซึ่งแมร์ทำทุกอย่างเหมือนเดิมเลย เพิ่มเติม คือ การแผ่ขยายให้มันใหญ่ขึ้น แมร์จะคิดถึงคนดูก่อนเสมอ เหมือนตอนที่เราทำผลิตภัณฑ์ เราก็จะนึกถึงคนซื้อก่อนเสมอ เราจะออกผลิตภัณฑ์ตัวใดตัวหนึ่งออกมา เราก็ต้องคิดแล้วว่า เขาต้องการอะไร เขามีปัญหาอะไร อยากได้อะไรมาแก้ อะไร คือ สิ่งที่เร่งด่วนของเขา”
เป้าหมาย คือความท้าทาย
ขณะเดียวกัน อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญ และเป็นเคล็ดลับที่ผลักดันให้กาละแมร์ทำในสิ่งที่ใครหลายคนจะนึกทึ่งกับความสำเร็จที่เจ้าตัวไขว่คว้ามาไว้ในมือ ก็คือ การ “ตั้งเป้าหมาย” ให้กับทุกงานที่ทำ
กาละแมร์อธิบายว่า เป้าหมาย ก็คือ จุดมุ่งหมายที่ทำให้รู้ว่าจะต้องเดินไปทิศทางใด ปลายทางอยู่ที่ไหน ทำให้งานที่ทุกอย่างมีความชัดเจนมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องไม่มองว่า การตั้งเป้าหมายที่สูงมาก ๆ เป็นเรื่องไกลตัว เกินตัว หรือกดดันตนเอง แต่ให้มองว่าเป้าหมายนั้น คือ ทางที่กำลังจะเดินไปถึง ทำให้แทนที่เป้าหมายที่ใหญ่จะบั่นทอนกำลังใจ กลับกลายเป็นแรงฮึดสำคัญที่ผลักดันตนเองให้ก้าวข้ามสิ่งที่ไม่คิดว่าจะทำ
ที่ผ่านมา เป้าหมายในความสำเร็จ ก็คือ ความรู้สึกชื่นชอบชื่นชมและการเป็นที่ยอมรับจากคนดูคนอ่าน ที่ทำให้ทุกคนให้ความรักและยินดีที่จะอ่านจะดูผลงานของผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ “กาละแมร์” ซึ่งในส่วนนี้กลายเป็นความตั้งใจ เป็นปณิธานที่ผลักดันให้เจ้าตัว ตั้งใจทำงานในทุกงานที่ได้รับมา แต่สำหรับเป้าหมายในธุรกิจจะต่างออกไปบ้างตรงที่เป้าหมายของความสำเร็จจะวัดกันที่ตัวเลขการเติบโต ซึ่งเป็นรูปธรรมที่เห็นได้ชัดเจน
ดังนั้น ตัวเลขสิบล้าน ร้อยล้าน พันล้าน หรือหมื่นล้าน ไม่ใช่เพียงแต่คำคุยที่ทำให้คนได้ยินรู้สึกอึ้งหรือทึ่ง แต่เป็นการท้าทายตนเองว่า ต้องทุ่มเท ต้องพยายาม ต้องคิดหาหนทางที่ทำได้ เป็นไปได้และควรทำ เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย แต่ก็อย่ากลัวที่จะผิดหวัง
กาละแมร์ยกตัวอย่างว่า สมมติตั้งเป้าไว้ที่ 1,000 ล้าน แต่กลับทำได้ 500 ล้าน ตนเองจะไม่คิดว่าเป็นการเสียหน้า หรือเป็นเรื่องที่ต้องผิดหวัง แต่จะคิดว่า มันเป็นเรื่องที่คุ้ม เพราะทำได้ตั้ง 500 ล้าน ซึ่งถ้าไม่ตั้งเป้าไว้พันล้าน ตนเองก็อาจจะไม่มีแรงฮึด อาจทำไปเรื่อย ๆ ไปชิลล์ จนได้แค่ไม่กี่ล้านเท่านั้น
“การมีเป้าหมายทำให้ทุกคนได้รู้ว่าปีนี้เราต้องเจออะไร แล้วถ้าสมมติมันเจออุปสรรค เราต้องรู้เลยว่าคุณต้องก้าวข้ามผ่านมันไปให้ได้”
และที่สำคัญ การมีเป้าหมายเหมือนเป็นกฎข้อบังคับที่ทำกาละแมร์ต้องท้าทายบทบาทหน้าที่ของตนให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ เช่น การออกไปหานายทุน หรือพูดคุยพูดจาหารือข้อตกลงต่อรองกับนักธุรกิจอื่น ๆ
“มันคือการฝึกฝน มันคือการขัดเกลาตนเอง อะไรที่เราไม่ชอบ เราคิดว่ามันทำไม่ได้หรอก มันต้องใช้ความบ้าคลั่ง อึด อดทน พอตั้งเป้าใหญ่ ทุกอย่างมันจะฮึบขึ้นมาเลย พอตั้งเป้าใหญ่ ทำให้อะไรก็เกิดขึ้นได้ ทำให้สมองเราคิดขึ้นไปอีก ขึ้นไปอีก ดังนั้นอย่ากลัว”
และตามสไตล์ของกาละแมร์ เจ้าตัวก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า Power Shot จะสามารถทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 10,000 ล้านบาท ทำได้แน่นอน ต่อให้ตอนนี้จะไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่ก็จะสู้สุดใจ ยิ่งเมื่อมีทีมงานที่พร้อมจะสู้ไปด้วยกัน ทำให้กาละแมร์ยิ่งเชื่อมั่นว่า ทำได้แน่นอน เป้าหมาย 10,000 ล้านก่อนขึ้นปี 2565
ขณะเดียวกัน ด้วยความที่มีไอดอลต้นแบบในดวงใจคือ “น้าแอ๊ด คาราบาว” นักร้องเพลงเพื่อชีวิตลำดับต้น ๆ ของวงการ ผู้ผันตัวมาจับมือกับพันธมิตรทำธุรกิจจนเติบโตมีมูลค่าหลายหมื่นล้านในตลาด ทำให้กาละแมร์เชื่อมั่นสุดใจว่า เป้าหมายของตน ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะมีคนเคยทำได้มาแล้ว คน ๆ นั้น ไปถึงดวงจันทร์แล้ว เช่นนั้น ทำไมตนเองจะเป็นคนอีกหนึ่งคนที่จะขึ้นไปหาพื้นที่ยืนบนดวงจันทร์ด้วยไม่ได้
“เพียงแค่ตั้งเป้า เส้นทางมี ไอดอลมี อยู่แค่ว่าเราอ่ะจะก้าวขาเดินหรือเปล่า ใจเรามันจะแข็ง ๆ หรือเปล่า ตายระหว่างทางหรือเปล่า แต่ถ้าขาเรามี กำลังขาเรามี ใจเราได้ ทีมงานพร้อม มันก็ต้องไปได้เช่นเดียวกัน”
Power Shot อีกตัวตนของกาละแมร์
ทั้งนี้ เมื่อย้อนกลับไป Power Shot ไม่ใช่ธุรกิจแรกที่ กาละแมร์ ลงมือทำ โดยธุรกิจแรกสุดที่เจ้าตัวแสดงฝีมือ ก็คื อการทำหนังสือ แต่ธุรกิจที่ได้ขายของอย่างจริงจัง ก็คือ Power Ball ขนมเพื่อสุขภาพ ขณะที่ Power Shot เป็นธุรกิจที่ก่อตั้งและเป็นเจ้าของอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกของกาละแมร์ จากคำถามเรียบง่ายว่า ถ้าต้องทำธุรกิจของตนเองอย่างจริงจัง จะต้องเป็นธุรกิจเพื่อสุขภาพเท่านั้น
“ถ้าแมร์จะทำธุรกิจให้เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต แน่นอนคนที่บ้าคลั่ง healthy ในประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 5 ต้องมี กาละแมร์ เพราะแมร์รู้ซึ้งว่า การมีสุขภาพดีต้องลงมือทำด้วยตนเองจริง ๆ”
เป็นการรู้ว่าตนเองต้องกินอะไร ใช้ชีวิตอย่างไร ดูแลตนเองอย่างไร ซึ่งความเอาใจใส่ต่อสุขภาพในระดับขีดสุดมาจากประสบการณ์ที่เคยเจ็บป่วยของตนเอง เป็นประสบการณ์ที่กาละแมร์ให้นิยามว่า “ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา” จนทำให้รู้ว่า ไม่มีอะไรคุ้มค่าไปกว่าการมีสุขภาพที่ดี ซึ่งมาจากการได้กินของที่ดี ออกกำลังกาย มีวิถีชีวิตไลฟ์สไตล์ที่ดี อย่าทำลายและทำร้ายตนเอง
และเพราะรู้ซึ้งและเข้าใจเป็นอย่างดี ทำให้คุณภาพของสินค้า ตั้งแต่วัตถุดิบ ส่วนประกอบ และบรรจุภัณฑ์จะต้องดีจริง ดีแบบที่กาละแมร์กล่าวว่าตนเองสามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าดี เพราะตนเองจะไม่ยอมเดิมพันเอาชื่อเสียงและหน้าตาที่สั่งสมมาทั้งชีวิตเพื่อขายผลิตภัณฑ์ไร้คุณภาพเด็ดขาด
เล็งลงทุนในฟินเทค
“การเกิดโควิด คือ การพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ทุกคนอยากแข็งแรง ทุกคนอยากมีภูมิต้านทาน ทุกคนอยากต่อสู้กับไวรัสแบคทีเรีย ทุกคนกลัวกับมัน ดังนั้น แมร์ต้องพลิกเอาความกลัวมาทำให้ทุกคน รู้จักว่าเราป้องกันมันได้ เราจะใช้ชีวิตในแบบที่ไม่อยู่ใต้ความกลัวมากจนเกินไป”
กาละแมร์ยอมรับว่า กระแสสุขภาพเป็นกระแสที่คนให้ความสนใจอยู่เรื่อย ๆ แต่ การระบาดของโควิด-19 ทำให้คนให้ความสำคัญและใส่ใจกับสุขภาพร่างกายของตนเองมากขึ้นมาก เห็นได้จากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ โรงพยาบาลและบริษัทยา ที่เติบโตอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เพื่อให้ Power Shot ขยายตัวเติบโตต่อไปได้ ประการแรก คือ บริษัทจะเดินหน้าวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการแข่งขันส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้น คือ การแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ภายในของบริษัทเอง ประการที่สอง คือ ช่องทางการขายที่จะมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ มากขึ้น และประการที่สาม คือ คนขาย ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีเทคนิค วิธีการขายใหม่ ๆ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์
“ในเมื่อเราทำทุกอย่างจากเดิมให้มากขึ้น เป้าที่ตั้งไว้ มันก็น่าจะประสบความสำเร็จ”
ขณะเดียวกัน แม้ธุรกิจ Power Shot จะประสบความสำเร็จและมีการวางแผนต่อยอด แต่กาละแมร์ ก็ไม่หยุดที่จะมองหาโอกาสและช่องทางใหม่จากธุรกิจอื่น ๆ โดยเจ้าตัวยอมรับว่า ขณะนี้มองเรื่องการลงทุนและคิดค้นนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีที่จะอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ เช่น ระบบการจัดการเงินออนไลน์ ธนาคารออนไลน์ ซึ่งในส่วนนี้เกิดขึ้นเพราะการลงมือจนเห็นปัญหา อีกทั้งเด็กรุ่นใหม่สมัยนี้มีความเก่งกาจมากมาย ดังนั้นจึงมีโอกาสที่ดีอยู่ที่จะเดินหน้าต่อไปได้
“ดังนั้น ถ้าจะมีธุรกิจเกิดขึ้นอีก ก็คงจะเป็นธุรกิจเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องของเทคโนโลยี ออนไลน์ การเงิน”
Lucky in Game but just not focus in love
ทั้งนี้ ในฐานะของคน ๆ หนึ่งที่ก้าวขึ้นประสบความสำเร็จด้วยลำแข้งของตนเอง กาละแมร์กล่าวว่า สิ่งที่ได้เรียนรู้ก็คือ การทำให้ “สุด” ความสามารถของตนอย่างเต็มที่ แล้วท้าทายขีดความสามารถของตนเองไปเรื่อย ๆ ฝึกฝนและขัดเกลา ไม่วันใดวันหนึ่งก็จะถึงที่หมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน
ภูมิหลังพื้นเพ ครอบครัว ความจนความรวย ความสวยไม่สวย ไม่ใช่ตัวชี้วัดว่าคน ๆ นั้นจะประสบความสำเร็จในชีวิต มันเป็นสิ่งที่มีติดตัวที่อาจทำให้การเริ่มต้นมีความได้เปรียบเสียเปรียบแตกต่างกัน แต่สำหรับกาละแมร์ เจ้าตัวยอมรับ รู้สึกขอบคุณกับความไม่มี ไม่พร้อมของตนเอง เพราะนั่นหมายถึงแรงฮึดลูกใหญ่ที่ผลักดันให้เป็น กาละแมร์ในแบบทุกวันนี้
“คุณต้องมีเป้าหมายว่าคุณอยากมีชีวิตไปอย่างไร ดังนั้น แมร์ก็ชอบชีวิตตนเองที่เกิดมาในแบบที่เราต้นทุนไม่มาก” ก่อนเจ้าตัวจะอธิบายเพิ่มว่า ความมีไม่พร้อมทำให้ตนเองตั้งคำถามและต้องการผลักดันตนเองให้ไปถึงจุดนั้นเพื่อบรรลุคำตอบ เช่น คนอย่างกาละแมร์ที่เกิดมาไม่สวย แล้วถ้าสวยจะเป็นอย่างไร ซึ่งความสงสัยนี้จะผลักดันตนเอง รวมถึงการคิดหาหนทางและวิธีการที่จะไปถึงยังเป้าหมายนั้น ๆ
ในส่วนคำถามยอดฮิตที่คนมักจะพูดว่า “ถ้างานรุ่ง รักมักร่วง” กาละแมร์หัวเราะก่อนตอบว่า ที่ผ่านมาแม้จะมุ่งมั่นทำงาน แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นเรื่องหัวใจของตนเอง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีใครเข้ามา แล้วที่สำคัญก็คือ ตนเองไม่ได้โฟกัสที่เรื่องความรัก แต่ไม่ได้หวงความโสด ถ้ามีใครเข้ามาก็พร้อมจะคุย พร้อมจะมีคนรักอยู่เสมอไม่ว่าจะอายุมากน้อยแค่ไหนก็ตาม
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ การที่ผู้หญิงคนหนึ่งลงมือทำได้สำเร็จ ก้าวข้ามผ่านทุกอุปสรรคและความท้าทายมาได้ แม้จะบาดเจ็บ โชกเลือดและชอกช้ำ แต่การที่สุดท้ายยังคงยืนหยัด ทำให้กาละแมร์รู้สึกรักและภูมิใจในตนเอง
