TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessเอปสัน (ประเทศไทย) ปักธงตลาด B2B โตยั่งยืน

เอปสัน (ประเทศไทย) ปักธงตลาด B2B โตยั่งยืน

แม้ว่าปัจจุบันสัดส่วน 1 ใน 4 ของรายได้รวมของเอปสัน (ประเทศไทย) จะมาจากลูกค้าองค์กรธุรกิจ แต่ทว่าภาพจำของสินค้าเอปสัน คือ ตลาดคอนซูเมอร์ ที่ยังคงเป็นสัดส่วนรายได้หลัก 75% ในปี 2019 ที่ผ่านมา

-ไปรษณีย์ไทย 137 ปี พร้อมก้าวสู่ธุรกิจดิจิทัล
-ไฮเออร์ เผยโควิดขายออนไลน์โต 400% พร้อมผุดแคมเปญเช่าแอร์

ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ทิศทางธุรกิจของเอปสันในประเทศไทยในปีนี้ คือ การรุกตลาด B2B และตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากตลาดในส่วนนี้จาก 25% ในปี 2019 เป็น 30% ในปีนี้ ท่ามกลางตลาดรวมที่ไม่เติบโต เพื่อหวังพยุงรายได้รวมของบริษัทให้ไม่ติดลบในปีนี้

กลุยุทธ์การรุกตลาด B2B ของเอปสัน คือ การจัดทัพสินคัาให้ครบและตอบโจทย์ความต้องการของตลาดปัจจุบันและตลาดใหม่ที่จะเข้าไปยึดครอง ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ตลาดธุรกิจหรือ B2B ของเอปสันในปีนี้จะมีการเติบโต 20% ทำให้เอปสันคาดว่าจะสามารถพยุงผลประกอบการปีนี้ให้เท่าปีที่ผ่านมาได้

วิกฤติโควิด-19 เข้ามาซ้ำเติมกำลังซื้อทั้งตลาด โดยเฉพาะตลาดคอนซูเมอร์ ที่คาดการณ์ว่าจะเติบโต -10% ในส่วนของเอปสันเองคาดว่าตลาดในส่วนนี้จะ -6% ถึง -7% ในปีนี้

“เราพูดว่าเรารุกตลาด B2B มา 2-3 ปีแล้ว แต่ที่ผ่านมาสินค้ามีจำกัด สัดส่วนรายได้ในตลาดนี้จึงยังเป็นสัดส่วนที่เล็ก แต่ตอนนี้เรามีสินค้ามากขึ้นเพื่อเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า B2B ในตลาดดั้งเดิมที่เรามี footprint อยู่ และในตลาดใหม่ที่เรากำลังจะรุกเข้าไป ปีนี้เป็นปีแรกที่เราจะรุกตลาด B2B แบบจริงจังและคึกคัก”

ภายใต้ตลาด B2B เอปสันโฟกัสที่ตลาด Commercial & Industrial Printer, Business Inkjet และ Robotic ตลาด Commercial & Industrial Printer เป็นตลาดที่สร้างรายได้มากที่สุดให้กับเอปสัน ซึ่งในปีนี้จะรุกตลาด Digital Lab, Signage และ Fabric Textile ตลาดในส่วนนี้ยังเป็นตลาดที่มีการเติบโต

สำหรับตลาด Business Inkjet ที่มีลูกค้าองค์กรเป็นฐานลูกค้าที่สร้างรายได้หลักให้เอปสัน ได้แก่ ประกันภัย ธนาคาร โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า และระบบขนส่งสาธารณะ ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เอปสันจะขยายไปสู่ตลาดภาคการศึกษามากขึ้น เพราะเป็นตลาดที่มีโอกาสทางการตลาด กอปรกับเอปสันมีไลน์สินค้าเข้ามาตอบสนองความต้องการในตลาดนี้มากขึ้น

ตลาด Robotic เป็นตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี แต่ทว่าด้วยกระบวนการการขายจะกินระยะเวลานานประมาณ ​6-9 เดือน ตั้งแต่รับโจทย์ความต้องการจนถึงการติดตั้งระบบในไลน์การผลิต ซึ่งลูกค้าส่วนหลักของธุรกิจนี้คือ โรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องการความละเอียดและแม่นยำในการผลิต ลูกค้าหลักที่สร้างรายได้ในส่วนนี้ให้เอปสันตอนนี้ คือ โรงงานผลิตฮาร์ดดิสก์ และกำลังจะขยายไปสู่โรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ วงจรไฟฟ้า มากขึ้น

“ในไตรมาสแรกของปีนี้ (เมษายน-มิถุนายน) รายได้จาก Robotic เติบโต 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตลาดในส่วนนี้จะได้รับอานิสงส์ทางอ้อมจากการมาของ 5G ด้วย”

โดยรวมแล้วเอปสัน (ประเทศไทย) คาดว่าจะสามารถเอาตัวรอดจากวิกฤติโควิด-19 ได้ ด้วยการมีรายได้ไม่ติดลบจากปีที่ผ่านมา และคาดหวังว่าด้วยกลยุทธ์การรุกตลาดสู่ลูกค้าองค์กรธุรกิจอย่างจริงจังในปีนี้ ที่ตั้งเป้าสร้างรายได้ 30% ให้รายได้รวม ก่อนจะขยับเป็น 50% ในอีก 5 ปีข้างหน้า จะทำให้เอปสัน สามารถเติบโตในประเทศไทยได้อย่างยั่งยืนต่อไป ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่เอปสัน (ประเทศไทย) ประกาศรุกตลาด B2B อย่างจริงจัง หลังจากที่ปล่อยให้ตลาดคอนซูเมอร์ครองสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทมาตลาด 3 ทศวรรษ

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

-เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ในยุคแรก: โปรแกรม Lotus 123 และ เวิร์ดราชวิถี
-Apple เปิดตัว iMac รุ่น 27 นิ้ว
-วิศวฯ จุฬาฯ จับมือ หัวเว่ย เซ็น MOU ยกระดับงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์ ด้วย 5G, Cloud, AI
-ดีแทค ชวนจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านแคมเปญ #ทิ้งให้ดีทิ้งที่ดีแทค

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ