เข้าสู่เดือนธันวาคม เดือนสุดท้ายของปี สิ่งที่เราจะเห็นสื่อต่าง ๆ แทบจะเป็นประเพณี คือ การสรุปเหตุการณ์เหตุการณ์เด่น ๆ ตลอดปีที่ผ่านมา และนำเสนอแนวโน้ม หรือ trend สำหรับปีหน้าในด้านต่าง ๆ
ถ้าคุณเป็นคนชอบเสพข้อมูลเหมือนผม ก็จะมีความสุขกับการเห็นข้อมูลใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น trend ที่จะเกิดขึ้น หรือ case study ที่น่าสนใจ best practice จากองค์กรระดับโลกที่เราคุ้นเคยชื่อต่าง ๆ เพื่อเอามาใช้ต่อยอดกับการทำงานหรือพัฒนาทักษะที่จำเป็นของตัวเอง
แต่ปัญหาหนึ่งที่ผมสังเกตจากตัวเองและคนรอบตัวหลายคนคือ หลังจากอ่าน trend ต่าง ๆ เราจะรู้สึกดีที่รู้ข้อมูลใหม่ ๆ แต่ก็จบอยู่แค่นั้นไม่ได้เอาข้อมูลไปต่อยอด หรือใช้ในการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานของเราอย่างที่หวังไว้
ถ้ายกตัวอย่างให้เห็นภาพมากขึ้น เหมือนเราเป็นเด็กเดินเข้าร้านของเล่นในห้างขนาดใหญ่ที่มีของเล่นใหม่ ๆ มากมาย หลากหลายที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน เราก็จะตื่นตาตื่นใจ โน่นก็ดี นี่ก็ชอบ แต่สุดท้ายเรามักจะออกจากร้านโดยไม่ได้อะไรติดมือออกมา (ฮา)
แต่ถ้าเรามีของเล่นที่อยากจะซื้ออยู่แล้ว แม้จะมีของเล่นอื่นที่น่าสนใจ เราก็จะมุ่งไปหาของเล่นชิ้นนั้น และอ้อนวอนคุณพ่อคุณแม่ให้ซื้อ ซึ่งก็จะมีโอกาสได้ของเล่นติดมือกลับบ้านมากกว่า
เช่นกันแทนที่เราจะอ่าน trend ใหม่ ๆ ให้ตัวเอง feel good ไป 2-3 วัน ถ้าเรา เริ่มจากปัญหา หรือหัวข้อที่ต้องการเจาะ เป็นเหมือนโจทย์ตั้งต้นก่อนอ่าน trend จะช่วยให้เรามีเป้าหมาย ช่วยเราสแกนกรองข้อมูลเบื้องต้นว่าเกี่ยวข้อง กับสิ่งที่เราต้องการมองหาหรือไม่ และเมื่อเจอจะสามารถเปลี่ยนเป็นการต่อยอดเพื่อตอบโจทย์ หรือแก้ปัญหาที่เราตั้งไว้แต่แรกได้
นี่เป็นขั้นแรกในการเปลี่ยนตัวเองจาก trend watcher เป็น trendsetter
ขั้นต่อมา คือ การมองหาและศึกษาข้อมูลนอกสายงานของตัวเองข้ามสายงานหรือข้ามอุตสาหกรรม ถ้าเราอยู่ในสายงานบัญชี ลองค้นหาแรงบันดาลใจ วิธีการแก้ปัญหาของคนในสายงานการผลิต สายการตลาด เป็นต้น คุยกับคนที่หลากหลายอย่างเปิดใจ เพื่อเข้าใจวิธีการคิด การมองโลกของคนที่แตกต่างกัน เพราะปัญหาที่เราเจอไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะสายงานเรา ยิ่งเราเปิดโลกให้กว้าง เข้าใจวิธีการแก้ปัญหาจากคนต่างสายงาน ต่างอุตสาหกรรมก็จะช่วยให้เราเห็นความเป็นไปได้ในการปรับวิธีคิด วิธีทำงานในการแก้ปัญหา
สุดท้าย เมื่อเราเสพ trend ใหม่ ๆ best practice จากองค์กรชั้นนำ รวมกับมุมมองจากด้านต่าง ๆ นอกจากสายงาน หรืออุตสาหกรรมของตัวเอง ขั้นสุดท้ายคือ การวิเคราะห์หรือใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการเอาองค์ความรู้นั้นมาปรับให้เหมาะหรือตอบโจทย์ในบริบทของเรา
เวลาที่เราอ่าน best practice ขององค์กรที่ประสบความสำเร็จ สิ่งหนึ่งที่หลายคนไม่ได้คิด คือ บริบทขององค์กรนั้น ๆ กับบริบทของเราที่ต่างกัน เช่น เห็น trend การทำงานแบบ agile มี scum มี standup meeting แล้วคิดว่าบริษัทเราต้องทำตามโดยไม่เข้าใจว่าเหมาะสม หรือช่วยแก้ปัญหาของการทำงานขององค์กรเราจริงหรือไม่ แค่ไม่อยาก out ไม่อยากตก trend โดยไม่ศึกษาบริบท และความจำเป็นที่แท้จริงจะทำให้เสียเวลา เสียทรัพยากร เสียเวลาโดยไม่จำเป็น
trendsetter ในมุมของผมคือการเข้าใจ trend ภาพใหญ่ เข้าใจทางเลือกในการแก้ปัญหาที่มีจากหลากหลายมุมมอง เข้าใจลำดับความสำคัญ และสร้างวิธีแก้ปัญหาให้เหมาะสมกับบริบทของตัวเอง แค่นี้คุณก็เป็น trendsetter ที่ไม่เพียงเท่ แต่แก้ปัญหาได้จริงอีกด้วย
คุณพร้อมจะเป็น trendsetter หรือยังครับ?
ผู้เขียน: ชัชพล ยังวิริยะกุล
บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน
