TH | EN
TH | EN
หน้าแรกTechnologyKBTG ประกาศ Vision 2025 โฟกัส “คน” และ “เทคโนโลยี” มุ่งสู่บทบาท ผู้เล่นหลัก ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

KBTG ประกาศ Vision 2025 โฟกัส “คน” และ “เทคโนโลยี” มุ่งสู่บทบาท ผู้เล่นหลัก ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

KBTG เปิด KBTG Vision 2025 แผนวิสัยทัศน์ 3 ปี ด้วยแนวคิดกลยุทธ์ Human First, Unverse of Technolgoy หนุนธนาคารกสิกรไทยเป็น Regional Challenger Bank ในเอเชีย สร้าง KBTG เป็น Top 100 บริษัทของโลกที่น่าทำงาน สร้างฐานลูกค้ารวมกัน 100 ล้านราย และสร้างรายได้จากนวัตกรรม 5 พันล้านบาท

กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล Group Chairman ของ KBTG กล่าวว่า KBTG เป็นองค์กรที่มีความพลวัตสูง ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ก่อนตั้งมา KBTG มีการปรับเปลี่ยนกระบวนยุทธ์ตลอดเวลา เริ่มจากปี 2019 ปรับองค์กรด้วยแนวคิด People First โยกนักพัฒนาซอฟต์แวร์ 300 คน มารวมเป็น KSoft และประกาศกลยุทธ์ ​ONE KBTG และมีการทรานส์ฟอร์มกระบวนการทำงานภายในต่อเนื่องในปี 2020 และ 2021 มีการปรับโครงสร้างองค์กรภายใน เพื่อขยายศักยภาพการให้บริการการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบ end-to-end solution 

ทำให้ 3 ปีที่ผ่านมา KBTG ประสบความสำเร็จ ทั้งในมิติของการพัฒนาและส่งมอบเทคโนโลยีให้กับธนาคารกสิกรไทย พันธมิตร และลูกค้าธุรกิจเพิ่มจาก 83 เป็น 150 โครงการ ช่วยลดต้นทุนด้านไอทีลง 2,000 ล้านบาท เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้านไอที 21,000 mandays มีพนักงานเพิ่มเป็น 1,800 คน ในจำนวนนี้ราว 1,100 คน เป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ขยายธุรกิจไปในภูมิภาค คือ จีน (K-TECH) และเวียดนาม (KBTG Vietnam) เพื่อให้บริการแพลตฟอร์มสินเชื่อดิจิทัลแก่ธนาคารกสิกรไทย ตั้ง 2 บริษัทลูกในไทย คือ KX และ Kubix 

ด้านผลงานเรือธงในประเทศไทย คือ การเป็นเทคโนโลยีเบื้องหลัง K PLUS แอปธนาคารที่มีผู้ใช้มากที่สุดในประเทศไทย และถือครองสัดส่วนมูลค่าเงินที่ไหลเวียนอยู่ถึง 1 ใน 3 ของทั้งประเทศ คือ มีธุรกรรมรวม 29,000 ล้านธุรกรรม คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 23 ล้านล้านบาท (หรือ 7,700 ล้านธุรกรรมต่อปี) มีลูกค้า 24.89 ล้านบัญชี มีผู้ใช้งาน 18.6 ล้านคน ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 20 ล้านคนในสิ้นปี 2565 

ในขณะที่ K+ Shop แอปธนาคารสำหรับร้านค้าก็ทำผลงานได้ดีไม่แพ้กัน คือมีร้านค้าใช้งานแอปอยู่ราว 4 ล้านราย มีจำนวนธุรกรรมรวม 17,000 ล้านธุรกรรมต่อปี 

ด้วยจำนวนธุรกรรมขนาดมหึมา และจำนวนเงินที่ไหลผ่านแพลตฟอร์มมูลค่ามหาศาล ทำให้พันธกิจของ KBTG คือ สนับสนุนระบบเทคโนโลยีของแพลตฟอร์มนี้ให้มีเสถียรภาพสูงสุด

นอกจากพันธกิจในการสนับสนุนแพลตฟอร์มการเงินที่ใหญ่ที่สุดแล้ว KBTG ยังมีผลงานที่โดดเด่นในอีก 2 ด้าน คือ การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับผู้ใช้งาน และการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีต้นน้ำเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงรากฐาน 

โดยที่การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับผู้ใช้งาน ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีผลงานเชิงประจักษ์ คือ แอป MAKE แอปเก็บเงินในคลาวด์ มีผู้ใช้ 400,000 คน มีเงินเก็บในระบบ 3,000 ล้านบาท Kubix ที่เป็น ICO portal ที่สร้างการระดมทุน Destiny Token สร้างการระดมทุน 265 ล้านบาท Coral ที่สร้างการซื้อขาย Art NFT มูลค่ารวม 35 ล้านบาท จากจำนวนงานมากกว่า120  ชิ้นในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา และแอป Khuntong แอปบริหารการเงินในกลุ่มเพื่อนที่มีผู้ใช้งาน 850,000 คน มีเหรัญญิกประจำกลุ่ม 165,000 คน เป็นต้น 

ในขณะที่การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีต้นน้ำ เป็นเรือธงที่ KBTG ให้ความสำคัญตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ผ่านพันธกิจ KBTG Research and Innovation ที่เน้นทำวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพื้นฐาน อาทิ Face Recognition และ FaceLivenss รวมถึงเทคโนโลยี Natural Language Processing (NLP) และปัญญาประดิษฐ์ เป็นต้น 

Next Era: Human First, Universe of Technology 

KBTG ประกาศแผน 3 ปี จากนี้ 2022-2025 ชื่อ KBTG Vision 2025 ภายใต้ยุทธศาสตร์ Human First, Universe of Technology ซึ่งจะเป็นแผนยุทธศาสตร์ที่จะพาทั้งธนาคารกสิกรไทยและ KBTG ทะยานไปสู่บทใหม่ที่จะพากันไปบุกตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภูมิภาคที่เป็นอนาคตการเติบโตของโลก โดยเฉพาะโลกการเงิน 

ในครึ่งปีแรกของ 2022 มีมูลค่าการลงทุนรวมในอุตสาหกรรมการเงินและเทคโนโลยีการเงิน (Finance and Fintech) รวม 3,400 ล้านเหรียญดอลลาร์ หรือราว 100,000 ล้านบาท และอีกปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของ Fintech ในภูมิภาคนี้ คือ การประกาาการลงทุนของ Sequoia ที่จะเทเม็ดเงิน 850 ล้านดอลลาร์ในกองทุนมาลงทุนใน Tech Startup ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

ธนาคารสิกรไทยและ KBTG ปักธงที่ตลาดภูมิภาคนี้เช่นกัน และได้ขยายไปปักธงธุรกิจเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะในตลาดเวียดนาม ที่มีทั้งการเปิดสาขาของธนาคารกสิกรไทย และการเปิดบริษัท KBTG Vietnam ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ของธนาคารกสิกรไทยที่ต้องการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมการเงินการธนาคารในภูมิภาคในยุคใหม่ และยุทธศาสตร์ของ KBTG ที่ต้องการเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ดีที่สุดและน่าทำงานด้วยมากที่สุดบริษัทหนึ่งในโลก 

เป้าหมายใหม่เป็นเป้าหมายใหญ่ที่จะพิชิตใน 3 ปีจากนี้ คือ ต้องการสร้างฐานลูกค้าที่ใช้บริการดิจิทัลและเทคโนโลยีรวมกันระหว่างธนาคารกสิกรไทยและ KBTG จำนวน 100 ล้านคน จะมีปริมาณธุรกรรมรวม 100,000 ล้านธุรกรรมต่อปี โดย KBTG จะเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาและส่งมอบเทคโนโลยีให้มากขึ้น 2 เท่า และเร็วขึ้น 10 เท่า และ KBTG จะสร้างรายได้จากเทคโนโลยีและนวัตกรรม 5,000 ล้านบาท

ภายใต้ Human First, Universe of Technology จะถูกขับเคลื่อนด้วยทีมงาน KBTG ใน 7 ประเทศ โดยมีไทยเป็นศูนย์กลาง ปัจจุบันมีแล้ว 2 ประเทศ คือ จีนและเวียดนาม เป้าสิ้นปี 2565 จะมี 3,000 คน ในไทยจะมีคน 2,000 คน ในจีนและเวียดนามรวมกัน 1,000 คน ในจีนมีการตั้ง Blockchain Development Center ในขณะที่เวียดนามจะเป็นแหล่งนักพัฒนาซอฟต์แวร์อีกแห่งของ KBTG และ KBTG เตรียมเงินลงทุน 10,000 ล้านบาทเพื่อลงทุนในเทคโนโลยีในช่วง 3 ปีจากนี้ 

ภายใต้แนวคิด Human First นั้น KBTG ให้ความสำคัญกับทรัพยากรบุคคล เพื่อสร้างเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จะสร้างคุณค่าให้กับผู้ใช้งาน ลูกค้า คู่ค้า ธุรกิจ ทั้งภูมิภาค ทำให้หมุดหมายหนึ่งของ KBTG ที่นอกเหนือจากการเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ดีที่สุดแล้ว ยังต้องเป็นบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดติด Top100 ของโลก หนึ่งในแรงจูงใจและเป็นปัจจัยขับเคลื่อน คือ การเป็น Universe of Technology 

KBTG รีแบรนด์ KLabs ที่เน้นการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อตอบสนองธุรกิจการธนาคารของกสิกรไทย มาเป็น KBTG Labs ที่จะเน้นการทำวิจัยและพัฒนาทั้งเทคโนโลยีพื้นฐานต้นน้ำ ลงมาถึงเทคโนโลยีที่พร้อมนำไปประยุกต์ใช้งานในทุกอุตสาหกรรมไม่เฉพาะธุรกิจธนาคาร และจะให้บริการองค์กรธุรกิจอื่น ๆ ทั่วทั้งภูมิภาค 

ดร.ทัดพงศ์ พงศ์ถาวรกมล กรรมการผู้จัดการ KBTG Labs  กล่าวว่า บทบาทของ KBTG Labs คือ โรงงานทำวิจัยและนวัตกรรมต้นแบบทั้งวิจัยและพัฒนาเองภายใน มีความร่วมมือกับพันธมิตรด้านงานวิจัยทั้งสภาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ งานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของ KBTG Labs เป็นต้นทางของทุกเทคโนโลยีที่ใช้ในธนาคารกสิกรไทยและ KBTG โดยมี 3 สามเสาขององค์ความรู้ คือ การวิจัยเทคโนโลยี การผลิตภัณฑ์และธุรกิจ และการสร้างประสบการณ์ให้ผู้ใช้งาน คือ คนของ KBTG ต้องมีความสามารถด้านเทคโนโลยี มีความเข้าใจธูรกิจ และมีความสามารถในการสร้างนวัตกรรมตอบโจทย์ธุรกิจลูกค้า คือ จะนำ Universe of Technology มาสร้างเป็น Human First Innovation 

ตัวอย่างของเทคโนโลยีที่พัฒนาและกำลังทดสอบในพันธมิตรของ KBTG คือ เทคโนโลยีสำหรับธุรกิจค้าปลีก (Retail Technolopgy) ได้แก่ Smart Checkout System และ Virtual Try-on Shopping Experience ทั้งสองโซลูชันประกอบด้วยหลายเทคโนโลยี 

Smart Checkout System ประกอบเทคโนโลยี Computer Vision, IoT และ Object recognition ส่วน Virtual Try-on Shopping Experience ประกอบด้วยเทคโนโลยี Computer Vision, AR/VR, Thai NLP, Voice และ Recognition

ผลงานของ KBTG Labs นอกจากจะถูกส่งไปใช้ที่ธนาคารกรสิกรไทยแล้ว ยังถูกนำไปต่อยอดผ่านบริษัทในเครือของ KBTG โดยเฉพาะ KX ที่ปัจจุบันมีบทบาททั้ง DeFi และอื่น ๆ ที่นอกเหนือบริการทางการเงิน ผลงานเชิงประจักษ์ที่ผ่านมาของ KX ที่โดดเด่นชัดเจน ในการนำนวัตกรรม DeFi และ Blockchain มาใช้ในอุตสาหกรรมจริง คือ โครงการ Destiny by Token by Kubix ที่สร้างเหรียญ Digital Asset เหรียญแรกที่สร้างรายได้ 265 ล้านบาท และ Coral NFT Platform by Coral สองบริษัทน้องใหม่ของ KX ที่สร้างรายได้ให้กับงาน NFT ของศิลปินไทยจำนวนมากกว่า 120 ราย กับจำนวนชิ้นงานศิลปะรวมมากกว่า 1,000 ชิ้น ราคาของ งาน NFT ศิลปะอยู่ที่ 25,000 บาทไปจนถึง 3.85 ล้านบาท 

ซึ่ง Kubix และ Coral มีแผนที่จะเดินหน้าเพื่อขยายศักยภาพการให้บริการ Kubix เตรียมทำ ICO ให้กับอีกหลายโครงการ ในขณะที่ Coral มีแผนจะเปิด Coralverse ด้วยความที่ Coral วางแผนจะเป็น Regional NFT Experience Platform จึงจำเป็นต้องสร้างองค์กระกอบให้ครบทั้งนักสะสมงานศิลปะ พันธมิตรธุรกิจ แบรนด์ ผู้บริโภค กิจกรรม สิ่งที่จะสร้างความแตกต่างและเป็นจุดเด่นของ Coral คือ Coral NFT Wall ที่จะเป็นพื้นที่ชุมชนของ Coral NFT แบบออฟไลน์ ทำให้จำเป็นต้องสร้าง Coralverse เพื่อเชื่อมโลกออนไลน์และออฟไลน์ของชุมชนคน Coral NFT ไว้ด้วยกัน และให้สามารถดำเนินกิจกรรมและทำธุรกิจร่วมกันได้ 

ธนะเมศฐ์ อาริยวัฒน์ Venture Director ของ KASIKORN X (KX) กล่าวว่า เป้าหมายของ Coral คือ การเปิดพื้นที่ให้กับงานศิลปะ NFT ที่มีราคาไม่สูง โดยวางเป้าไว้ว่าจะต้องมีงานศิลปะ NFT ที่มีมูลค่าต่ำกว่า 25,000 บาทขึ้นมาวางขายบน Coralverse และจะต้องมีนักสะสมงานศิลปะจากทั่วโลกเข้ามาใช้งาน Coral ต้องการเปิดพื้นที่ให้ศิลปินไทยและนักสะสมทั่วโลกได้พบกัน และต้องการสร้างโอกาสทางธุรกิจด้วยการแบ่งปันมูลค่าตลาดงานศิลปะของโลกที่มีมูลค่าราว 65,100 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 ที่ถูกถือครองส่วนแบ่งตลาดส่วนใหญ่ 92% เพียง 10 ประเทศ ซึ่งไม่มีประเทศไทย 

นอกจากนี้ KX ยังขยายธุรกิจสู่การเป็น venture capital ที่วางบทบาทเป็นกองทุนระดับโลกที่เน้นลงทุนในเทคโนโลยีแห่งอนาคต ได้แก่ Web 3, DeFi, Metaverse และ Blockchain ซึ่งในไตรสมาสที่ 3 นี้จะประกาศการลงทุนใน Batch ที่ 1 

ด้วยความที่ขาหนึ่งของ KX โฟกัสที่ DeFi จึงออกผลิตภัณฑ์ตัวล่าสุด คือ BigFin มาเป็นเครื่องมืองการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เบื้องต้นมี 3 ฟีเจอร์ คือ Dashboard กระดานรวมพอร์ตโฟลิโอ DeFi, Edit Cost Basis สมุดจดการลงทุน จดการซื้อขายโทเคน ซื้อเมื่อใด ที่ราคาเท่าใด ยิ่งจดมาก ระบบปัญญาประดิษฐ์ยิ่งเรียนรู้มากและจะช่วยแนะนำได้มาก และฟีเจอร์ Transaction History รวมถึงมีแมสคอท 3 ตัวเป็นผู้ช่วยในมิติต่าง ๆ คือ Bobby ช่วยดำเนินการ Billy เป็นผู้เชี่ยวชาญ และ Finn เป็นผู้ปกป้อง เป้าหมายของ BigFin คือ การเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยนักลงทุนให้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้ดีขึ้น 

จากภาพรวมทั้งหมดจะเห็นได้ว่ายุทธศาสตร์ของ KBTG ชัดเจนและหนักแน่นในการก้าวไปเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ดีที่สุด และน่าทำงานด้วยมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเป็นการก้าวไปพร้อมกับธนาคารกสิกรไทยที่จะไปเป็นธนาคารที่ดีที่สุดในภูมิภาค ที่จะนำเทคโลโนยีและการเงินไปถึงมือผู้บริโภคจำนวนหลายร้อยล้านคนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน 

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

แฟลช เอ็กซ์เพรส จับมือ 7-Eleven เพิ่มจุดรับส่งพัสดุตลอด 24 ชม. นำร่อง 5,000 สาขา กรุงเทพฯและปริมณฑล

ถอดบทเรียน 4 ทศวรรษ “เมโทรซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น” ยืนหนึ่ง “เอสไอ” เบอร์ต้นของไทย

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ