โลกหลังโควิด-19 จะไม่เหมือนเดิม และหนึ่งในความไม่เหมือนเดิม คือ เรื่องพลังงาน โลกจะมุ่งหน้าสู่การใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้นำมาซึ่งโอกาสทางธุรกิจสำหรับ “เดลต้า” บริษัทอายุ 50 ปีที่ผ่านการปรับตัวจากการเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักมาสู่การเป็นผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมพลังงาน
- อาร์เอส สู่ New S-Curve สร้างความหลากหลาย ต่อยอดระบบนิเวศ ภายใต้ Entertainmerce
- CJ Express คาราบาวท้าชิงผู้นำตลาดค้าปลีก
แจ็คกี้ จาง ประธานบริหาร เดลต้า ประเทศไทย กล่าวกับ The Story Thailand ว่า อุตสาหกรรมพลังงานเป็นหัวใจหลักของธุรกิจของเดลต้า ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศพลังงานตั้งแต่โรงงานผลิต (โรงงานพลังงานลมและแสงอาทิตย์) การแปรรูปพลังงาน การบริหารจัดการและการจัดเก็บพลังงาน
“ยุทธศาสตร์ของเรา คือ การมุ่งจัดสรรโซลูชันด้านนวัตกรรมพลังงานสะอาดเปี่ยมศักยภาพเพื่ออนาคตที่ดีกว่า เป็นพันธกิจของบริษัทที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”
ปัจจุบัน เดลต้า แบ่งธุรกิจของบริษัทออกเป็น 3 ด้าน ได้แก่ พลังงานและพลังงานไฟฟ้า ระบบจักรกลอัตโนมัติ ที่แบ่งย่อยเป็น ระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรม (Industrial Automation) และระบบอัตโนมัติภายในอาคาร (Building Automation) และโครงสร้างพื้นฐานของเทคโนโลยีสารสนเทศ
“ด้วยความที่พฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเพราะสังคมแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เดลต้ามองเห็นโอกาสมากมายที่จะสร้างธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าในตลาด”
แจ็คกี้ จาง กล่าวว่า ผู้คนค่อย ๆ คุ้นชินกับการใช้เทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน โดยอุปกรณ์การแพทย์ เครื่องฟอกอากาศ อุปกรณ์รองรับ 5G โซลูชันด้านข้อมูล และรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี คาร์ส) จะเป็นหนึ่งในสินค้ายอดนิยมที่มผู้คนมองหามากที่สุดในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่ง เดลต้า ได้เริ่มขยายธุรกิจนอกเหนือไปจากพลังงาน เพื่อให้ธุรกิจมีความหลากหลาย อาทิ มุ่งออกแบบและผลิตสินค้าที่เกี่ยวข้องกับด้านพลังงาน และโซลูชันใหม่ ๆ ในตลาดที่เป็นที่ต้องการของสังคมเช่นกัน
นอกจากการเพิ่มความหลากหลายในการทำธุรกิจแล้ว กุญแจความสำเร็จของเดลต้ายังมาจากการให้ความสำคัญ 2 ปัจจัย คือ พนักงาน และพันธมิตร
“คนของเรา คือ สินทรัพย์ที่ดีที่สุด และสิ่งเดียวที่เราจะทำก็คือทำให้แน่ใจว่า คนของเราจะรู้สึกสะดวกสบาย และสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัย”
พันธมิตร คือ อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เดลต้าประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้ พันธมิตรทุกฝ่ายของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ บริษัทเอกชน สถาบันและองค์กรสาธารณะ ทั้งในและต่างประเทศ ช่วยให้เดลต้าสามารถยกระดับพัฒนาธุรกิจให้ก้าวหน้าได้อย่างราบรื่น แม้กระทั่งในช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างวิกฤติโควิด-19
“แน่นอนว่า หลังจากที่คุณดูแลคนของคุณอย่างดีเหมาะสมแล้ว สามารถจัดการเรื่องซัพพลายเชน สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าและพันธมิตรแล้ว สิ่งทีเหลือต่อจากนี้ ก็คือ การทำให้ดีที่สุด ให้แน่ใจว่าลูกค้าได้รับความพึงพอใจ”
เดลต้า มองว่า เศรษฐกิจโลกหลายปีนับจากนี้จะเดินหน้าเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นดิจิทัลและเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ควบคู่ไปกับการค่อย ๆ ฟื้นตัวจากความเสียหายที่ได้รับจากไวรัสโควิด-19 ซึ่งเดลต้าต้องการให้ผู้คนรับรู้ ตระหนัก และเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวที่จะเกิดขึ้น
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว เดลต้า ได้ให้คำมั่นที่จะไม่หยุดพัฒนา บริษัทได้เริ่มปรับเปลี่ยนนโยบายด้านพลังงานเพื่อให้มีการผลิต จัดเก็บ นำไปใช้ หรือแปรรูปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เหลือทิ้งให้น้อยที่สุด พร้อมทำงานร่วมกับพันธมิตรในการพัฒนาระบบ Smart Production และ Smart Design รวมถึงเชื่อมโยงโซลูชันต่าง ๆ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน
“สิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น และผมค่อนข้างมีความสุขที่จะได้เห็นมันเกิดขึ้น แม้ตอนนี้เราจะยังคงกังวลเกี่ยวกับโควิด-19 กับการระบาดระลอกที่สองในบางประเทศ แต่เทคโนโลยีจะทำใช้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น และเดลต้าพร้อมด้วยพันธมิตรทั้งหลายจะร่วมกันจัดการหาโซลูชันทั้งหมดเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นในวันพรุ่งนี้”
อศินา พรวศิน – สัมภาษณ์
นงลักษณ์ อัจนปัญญา – เรียบเรียง
