TH | EN
TH | EN
หน้าแรกTechnologyสรุปไฮไลท์เทคโนโลยี จาก CES 2023: นวัตกรรมสีเขียว - ขั้นกว่าของเมตาเวิร์ส - ไลฟ์สไตล์อนาคต

สรุปไฮไลท์เทคโนโลยี จาก CES 2023: นวัตกรรมสีเขียว – ขั้นกว่าของเมตาเวิร์ส – ไลฟ์สไตล์อนาคต

ถือเป็นการหวนกลับมาอย่างยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีสำหรับงานแสดงเทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Consumer Electronics Show (CES) 2023 ที่นครลาสเวกัส รัฐเนวาดา ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งบรรดาบริษัทเทคโนโลยีใหญ่น้อยทั่วโลกต่างตบเท้าเข้าร่วมงานพร้อมกับขนทัพอุปกรณ์ล้ำสมัยและแกดเจ็ต (gadgets) สุดแหวกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างคึกคัก 

งานนี้ เรียกได้ว่า ถูกใจบรรดาเหล่าสาวกสายเนิร์ดทั่วโลก ทั้งในส่วนที่มีโอกาสตีตั๋วเข้าร่วมงาน และผู้ที่ติดตามชมการรายงานข่าวและการถ่ายทอดสดจากทางออนไลน์ 

ทั้งนี้ จากการประมวลตามรายงานข่าวของสื่อชั้นนำในต่างประเทศ สามารถตั้งข้อสังเกตได้ว่า ถ้าตัดเรื่องอุปกรณ์เทคโนโลยีที่มีไอเดียสุดแปลกแบบล้ำเกินออกไปแล้ว แนวคิดของเทคโนโลยีที่บรรดาบริษัทนักพัฒนาทั้งหลายนำมาอวดประชันกันนั้นน่าจะแบ่งได้ 3 กลุ่มหลัก ๆ ก็คือ เทคโนโลยีสีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีที่เพิ่มขั้นกว่าของประสบการณ์ในโลกเมตาเวิร์ส และเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับการเป็นสุดยอดไลฟ์สไตล์ของมนุษย์ในอนาคต 

สื่อต่างประเทศรายงานว่า เทคโนโลยีแต่ละอย่างล้วนเรียกเสียงฮือฮาอย่างตื่นตะลึงถึงความเป็นไปได้ที่เคยวาดฟันไว้ในนิยายวิทยาศาสตร์ ไล่เรียงตั้งแต่การพลิกโฉมอุปกรณ์พับได้ รถยนต์ที่เปลี่ยนสีได้ และเตาอบอัจฉริยะที่สตรีมอาหารมื้อค่ำแบบสด ตัวมิกเซอร์ที่คำนวนแคลอรีแบบเรียลไทม์ มีรถเข็นเด็กแบบขับเอง โทรทัศน์ไร้สาย หมอนที่เต้นเป็นจังหวะเพื่อลดความกังวล และตู้เก็บของจาก LG ที่เคลมว่าสามารถดับกลิ่นรองเท้าผ้าใบได้ภายในเวลาไม่ถึง 40 นาที 

สรุปไฮไลท์ที่น่าสนใจจาก CES 2022: Metaverse-EV คึกคัก

ซัมซุงเปิดวิสัยทัศน์ในงาน CES 2023 มอบพลังการควบคุมแก่ผู้บริโภคด้วยอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกัน

ขณะเดียวกัน ยังมีอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มประสาทการรับรสและดมกลิ่นในเมตาเวิร์ส ที่ผู้เข้าร่วมงานบางส่วนนั่งรวมตัวกันอย่างเงียบเชียบเพื่อทดสอบผลิตภัณฑ์เสมือนจริงล่าสุดนี้ 

บรรดากูรูทั้งหลายลงความเห็นว่า แม้อุปกรณ์บางอย่างที่นำมาจัดแสดงจะเป็นเพียงแค่ของโชว์ที่ยังไม่อาจสามารถนำไปใช้งานตามบ้านได้ในขณะนี้ แต่อย่างน้อยที่สุดผลิตภัณฑ์ที่จัดแสดงก็แสดงให้เห็นภาพรวมของเทรนด์ที่เหล่าบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกได้คาดการณ์ไว้ว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้และปีต่อๆ ไป

ทั้งนี้ หากจะพูดถึงอุปกรณ์ทั้งหมดที่นำมาโชว์ในงาน เชื่อแน่ว่าคงต้องลากยาวไปหลายสิบเพจ งานนี้ ทาง The Story Thailand จึงขอหยิบยกไฮไลท์ที่น่าสนใจที่บรรดาสำนักข่าวต่างประเทศพูดถึงกันมากที่สุด

นวัตกรรมยานพาหนะขับเคลื่อน 

ถือเป็นเทคโนโลยีสุดล้ำที่สามารถจับต้องได้มากที่สุด และกำลังขยายตัวเติบโตมากที่สุดในเวลานี้สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV (Electric Vehicles) เพราะถือเป็นยานยนต์อนาคตที่ตอบโจทย์เรื่องพลังงานและสิ่งแวดล้อม 

โดยค่ายที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดก็คือ Honda ค่ายรถชั้นนำสัญชาติญี่ปุ่นที่มีการจับมือร่วมกับ บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Sony ในการสร้างรถ Afeela รถยนต์ไฟฟ้าที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี ซึ่งทั้ง Honda และ Sony กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า Afeela จะเป็นรถที่ขับสนุกและเต็มไปด้วยนวัตกรรมความบันเทิงมากมาย

Afeela

ทั้งนี้ ตามคำบอกเล่าล่าสุดของ CEO ของ Sony Honda Mobility รถยนต์ของบริษัทคันนี้จะจดจำอารมณ์ของผู้ขับขี่ และจะสื่อสารได้ดีและไวต่อความต้องการของคนขับ โดยรถยนต์จะมีหน้าจอด้านนอกเพื่อให้สามารถ “แสดงตัวตน” และแบ่งปันข้อมูล รวมถึงจะสามารถ “ตรวจจับและเข้าใจผู้คนและสังคมโดยใช้เทคโนโลยีการตรวจจับและ [ปัญญาประดิษฐ์]” ตามที่บริษัทระบุ นั่นเป็นเหตุผลที่บริษัทตั้งชื่อแบรนด์รถร่วมแบรนด์แรกว่า Afeela โดยต้อง “รู้สึก” ถูกต้อง นั่นเอง แต่ก็ไม่แน่ใจว่า คนขับจะรู้สึกได้ตามชื่อนั่นหรือไม่ ต้องรอติดตามกันต่อไป 

ส่วนนวัตกรรมเกี่ยวกับยานยนต์ แต่ไม่เชิงรถไฟฟ้าเสียทีเดียวก็คือการเปิดตัวแนวคิด iVision Dee Car ของค่าย BMW โดยเป็นรถคอนเซ็ปต์คาร์ที่สามารถเปลี่ยนสีได้ถึง 32 สีด้วยเทคโนโลยีแผง e-panel 260 แผงซึ่งติดตั้งไว้รอบคันรถ 

รายงานระบุว่าในระหว่างการสาธิต ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของตัวรถ รวมถึงฝาครอบล้อ ฉายแสงเป็นสีต่าง ๆ และสลับสับเปลี่ยนเป็นสีสันมากมาย อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีที่ใช้แผงรับแรงกระตุ้นไฟฟ้านี้เป็นเพียงแนวคิดค้นแบบเท่านั้น ยังไม่พร้อมสำหรับการผลิตเพื่อนำมาใช้งานแต่อย่างใด 

BMW iVision Dee Car

กระนั้น แค่ลองนึกดูว่า สามารถขับรถสปอร์ตสุดเฉี่ยวสีแดงในวันหยุด แล้วกลับมาขับรถสีเข้มขรึมในวันทำงานปกติ แค่นี้ก็รู้สึกเท่ห์สุด ๆ แล้ว 

นอกจากนี้ ยังมีสิ่งประดิษฐที่ใกล้เคียงกับยานยนต์อย่าง รถเข็นเด็กแบบขับเอง (สนนราคา 3,300 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 110,657 บาท) ของสตาร์ตอัพสัญชาติแคนาดาอย่าง Gluxkind ซึ่งได้เปิดตัว รถเข็นเด็ก Ella AI Powered Smart Stroller 

โดยรถเข็นเด็กรุ่นดังกล่าวมีการติดตั้งเทคโนโลยีส่วนใหญ่แบบเดียวกับที่เห็นในรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติและหุ่นยนต์ส่งของ รวมถึงระบบมอเตอร์คู่สำหรับการเดินขึ้นเนินและระบบช่วยเบรกอัตโนมัติขณะลงเนิน 

ทั้งนี้ Gluxkind มีจุดมุ่งหมายให้รถเข็นรุ่นนี้เป็นอีกออปชั่นเสริมพิเศษ ไม่ได้ตั้งใจให้เข้ามาแทนที่ผู้ดูแลเด็กหรือพ่อแม่แต่อย่างใด และระบบขับเคลื่อนรถเข็นอัตโนมัติจะทำงานก็ต่อเมื่อไม่มีเด็กนั่งอยู่ภายในรถเข็นเท่านั้น 

Ella AI Powered Smart Stroller 

และสุดท้ายก็ขยับเข้ามาใกล้ตัวอีกนิดกับ AtmosGear รองเท้าสเก็ตไฟฟ้า สำหรับใครก็ตามที่เคยคิดอยากเล่นโรลเลอร์สเก็ตด้วยความเร็ว 24 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รองเท้าไฟฟ้าคู่นี้ของ AtmosGear บริษัทสตาร์ตอัพสัญชาติฝรั่งเศส ระบุว่า จะช่วยให้ผู้สวมใส่ไปถึงจุดหมายได้อย่างรวดเร็ว

รายงานระบุว่า แบตเตอรี่ชุดหนึ่งของรองเท้าสเก็ตสามารถชาร์จได้หนึ่งชั่วโมงและเดินทางได้ไกลเกือบ 20 กิโลเมตร 

แถลงการณ์ของ AtmosGear แง้มว่า รองเท้าสเก็ตสามารถหนีบเข้ากับโรลเลอร์สเก็ตที่มีอยู่แล้วและเปลี่ยนเป็นรองเท้าที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ได้ ขณะนี้รองเท้าสเก็ตมีให้สั่งซื้อล่วงหน้าในราคา 525 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 17,603 บาท)

นอกจากนี้ยังมีหุ่นยนต์ขนส่งจากค่าย Ottonomy ในบรูคลิน ที่เปิดตัวหุ่นยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด Yeti หุ่นยนต์ส่งของอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ที่สามารถวางของไปยังจุดหมายที่กำหนดด้วยตนเอง ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีมนุษย์คอยรับสินค้า

อุปกรณ์เทคโนโลยีเพื่อไลฟ์สไตล์อนาคตสุดล้ำ 

คราวนี้ลองหันมาดูอุปกรณ์เทคโนโลยีที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันหรือใช้กันภายในบ้านบ้าง ตามคอนเซ็ปต์ของงาน Consumer Electronics Show (CES) ซึ่งเมื่ออ่านจากสารพัดสื่อที่รายงานออกมา ก็ต้องยอมรับว่ามีไอเท็มสุดว้าวที่อยากหามาติดบ้านไว้มากมาย โดยจุดมุ่งหมายหลักของอุปกรณ์เหล่านี้เข้ามาตอบโจทย์ความสะดวกสบายได้เป็นอย่างดี แถมยังสอดคล้องกับกระแส well being รักษ์สุขภาพของคนในสังคมนับจากนี้แบบสุด ๆ 

Brad Jashinsky ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ของบริษัทวิจัย Gartner กล่าวว่าบริษัทใหญ่ ๆ มักจะใช้ CES เพื่อประกาศเพื่อเรียกร้องความสนใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงได้ในขณะนี้ แต่อาจแพร่หลายมากขึ้นและมีราคาย่อมเยาในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

เริ่มต้นกันที่ค่ายเครื่องใช้ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้อย่าง Samsung ที่เปิดตัว Bespoke AI Oven เตาอบอัจฉริยะมาพร้อมกล้องในตัวซึ่งใช้อัลกอริทึมในการจดจำจานและแนะนำเวลาและอุณหภูมิในการปรุงอาหาร ทำให้สามารถส่งการแจ้งเตือนไปยังโทรศัพท์เพื่อป้องกันไม่ให้อาหารไหม้หรือสุกเกินไป โดยกำลังจะเริ่มจำหน่ายในยุโรปเป็นที่แรก แต่ยังไม่มีการเปิดเผยในเรื่องของราคา 

Bespoke AI Oven

ส่วนใครที่ถามว่าเตาอบพร้อมกล้องนี้ดีอย่างไร ก็ต้องบอกว่า อย่างน้อยผู้ใช้งานสามารถสตรีมอาหารมื้อค่ำแบบไลฟ์สดในขณะที่ทำอาหารแบบเรียลไทม์และโพสต์ลงในฟีดโซเชียลของตนเองได้ทันที แถมผู้ใช้งานยังสามารถมอนิเตอร์อาหารที่อบไว้โดยไม่ต้องลุกจากโซฟา ทำให้การทำอาหารเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น 

เอาใจพลพรรคนักปรุงกันต่อด้วยอุปกรณ์จาก GE Profile ที่เปิดตัวเครื่องผสมอัจฉริยะที่ให้ชั่งน้ำหนักส่วนผสมในชามในขณะที่เครื่องกำลังทำงานอยู่ อีกทั้ง เครื่องผสมยังมีเซ็นเซอร์อัตโนมัติที่สามารถตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวและความหนืดและปรับความเร็วให้เหมาะสม ปิดตัวเองโดยอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงการผสมมากเกินไป ทำให้การทำอาหารได้รสชาติตรงปกตามสูตรมากที่สุด

ส่วนสายสุขภาพ งานนี้มีการเปิดตัว VersaWare ซึ่งมีอุปกรณ์ที่เป็นเขียงกับชามผสมอาหาร ที่จะต่อกับอุปกรณ์ขนาดเท่าโทรศัพท์เพื่อแสดงสูตรอาหารและข้อมูลอื่น ๆ ขณะที่ปรุงอาหาร โดยผู้ใช้งานจะต้องจดส่วนผสมที่กำลังใส่ลงไป จากนั้นเครื่องจะชั่งน้ำหนักและคำนวณข้อมูลทางโภชนาการ ในตอนท้าย ผู้ใช้งานก็จะมีสถิติสัดส่วนโภชนาการและแคลอรีโดยไม่ต้องคำนวณเอง เหมาะสำหรับผู้ที่เคยล้มเหลวในการพยายามควบคุมอาหารจากแอปแบบเดิม ๆ 

ด้าน สตาร์ตอัพสัญชาติเนเธอร์แลนด์อย่าง OneThird ก็เปิดตัวสแกนเนอร์ที่สามารถสแกนผักผลไม้เพื่อระบุว่าผักหรือผลไม้ลูกไหนใกล้สุกแล้ว เพื่อลดปริมาณขยะอาหารเหลือทิ้ง โดยประเดิมที่อะโวคาโด มะเขือเทศ สตอร์เบอร์รี และบลูเบอร์รี่ก่อน 

ลอรีอัลเปิดตัว 2 เทคโนโลยีเพื่อความงาม คว้ารางวัลนวัตกรรมจากงาน CES 2023

เอเซอร์ ขนทัพผลิตภัณฑ์เปิดตัวในงาน CES 2023

ทั้งนี้ จากข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ อาหารเกือบหนึ่งในสามของอาหารทั้งหมดทั่วโลกถูกโยนทิ้งไปอย่างเสียของ และเศษอาหารเหล่านี้ก็ถูกทิ้งลงในหลุมฝังกลบซึ่งทำให้เกิดก๊าซมีเทนนั่นเอง 

นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงเทคโนโลยีที่มุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรมอาหารอีกด้วย โดย Yo-Kai Express ผู้สร้างร้านอาหารอิสระที่สามารถทำราเมนได้อย่างรวดเร็วทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง นำเสนอเวอร์ชั่นที่ลดขนาดลงสำหรับร้านค้าปลีกขนาดเล็กและพื้นที่ทำงานร่วมกัน ขณะที่สตาร์ตอัพหลายแห่งแสดงเทคโนโลยีที่สามารถช่วยร้านอาหารและอื่น ๆ ลดขยะจากอาหารและปรับปรุงห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าจะมีอย่างมากต่อรายได้และผลกำไรของธุรกิจอาหาร

Flex Hybrid ของ Samsung Display

มาต่อกันที่สายเทคโนโลยี ต้องไม่พลาดปัจจัยที่ 5 อย่างสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และแลปท็อปกันบ้าง ซึ่งหลายค่ายได้เสนอรูปลักษณ์ใหม่ของโทรศัพท์แบบพับได้มากมาย ตัวอย่างเช่น เครื่องต้นแบบ Flex Hybrid ของ Samsung Display มีจอแสดงผลแบบพับและเลื่อนได้ โดยเลื่อนด้านขวาเพื่อเพิ่มพื้นที่หน้าจอ ในขณะเดียวกัน Asus ก็สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว Asus Zenbook 17 Fold OLED ซึ่งเป็นแล็ปท็อปพับได้ขนาด 17 นิ้วเครื่องแรกของโลก โดยทำหน้าที่เกือบเหมือนแท็บเล็ตขนาดใหญ่ที่สามารถพับครึ่งได้ในขณะเดินทาง

ส่วนอุปกรณ์ส่วนใส่อย่าง Nowatch ที่ทางสตาร์ตอัพจากอัมสเตอร์ดัมเคลมว่า เป็นนาฬิกาที่ไม่ใช่นาฬิกา เพื่อช่วยผู้ใช้ตรวจสอบความเครียด อุณหภูมิร่างกาย อัตราการเต้นของหัวใจ การเคลื่อนไหว และการนอนหลับ แต่ที่แตกต่างจากสมาร์ทวอทช์อื่น ๆ ตรงที่ไม่มีหน้าปัดนาฬิกา แต่เป็นอัญมณีประดับตรงตำแหน่งหน้าจอสัมผัสแทน ซึ่งทางสตาร์ตอัพระบุว่า ได้แทนที่หน้าปัดนาฬิกาแบบดั้งเดิมด้วยหินโบราณ เพื่อเฉลิมฉลองความเชื่อที่ว่าเวลาได้มาถึงแล้ว

หูฟังที่มาพร้อมกับสมาร์ทโฟนถือว่าเอ๊าท์เรียบร้อยแล้ว เพราะมีหูฟังที่มาพร้อมหน้าจอแทน โดยหูฟังรุ่นใหม่ของ JBL Tour Pro 2 ได้เพิ่มหน้าจอสัมผัสลงในเคสเพื่อมอบความสามารถแบบสมาร์ทวอทช์โดยให้ผู้ใช้ควบคุมการตั้งค่า รับสาย ตั้งปลุก จัดการเพลง และตรวจสอบอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการประกาศวันเปิดตัว แต่มีการแง้มว่าสนนราคาน่าจะอยู่ที่ 250 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8,382 บาท) 

ในส่วนของจักรวาลนฤมิตพ่วงด้วยสายเกมก็ไม่น้อยหน้า เมื่อ สตาร์ตอัพ Shiftall เปิดตัว Mutalk อุปกรณ์ที่มีลักษณะเหมือนปากกระบอกปืนมีไมโครโฟนบลูทูธกันเสียง ซึ่งทำให้ผู้อื่นในห้องแทบจะไม่ได้ยินเสียงของผู้ใช้งานขณะกำลังสนทนาอยู่ บริษัทคิดว่าแกดเจ็ตมูลค่า 200 ดอลลาร์สหรัฐนี้จะมีประโยชน์สำหรับทุกสิ่งตั้งแต่การแชทด้วยเสียงและการเล่นเกมออนไลน์ไปจนถึงการตะโกนใน VR โดยที่ผู้ใช้งานไม่ต้องการรบกวนใครก็ตามที่อยู่ใกล้เคียง 

ด้าน บริษัทฮาร์ดแวร์เกม Razer ได้โชว์สิ่งที่เรียกว่าเป็นเบาะรองศีรษะระบบเสียงรอบทิศทางและระบบสัมผัสตัวแรกของโลกที่เรียกว่า Project Carol ซึ่งช่วยให้ “เกมเมอร์รู้สึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเกม” ถือเป็นประสบการณ์สุดล้ำไปอีกขั้น  ทำให้รู้สึกมั่นใวางไว้อย่างมั่นคงในใจกลางของการแข่งขัน”

ปิดท้ายด้วย HTC ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของไต้หวันเปิดตัวชุดหูฟัง VR ระดับไฮเอนด์ที่มีเป้าหมายเพื่อแข่งขันกับผู้นำตลาด Meta และบริษัทและสตาร์ทอัพอื่น ๆ อีกหลายแห่ง โดย HTC เสนอแว่นตาเสมือนจริงและเทคโนโลยีทางประสาทสัมผัสที่สามารถช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกและแม้แต่ได้กลิ่นในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง

เทคโนโลยีสีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อม 

ในขณะที่ประเทศต่าง ๆ หาแนวทางรับมือกับภาวะโลกร้อนและปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ บริษัทต่าง ๆ ก็เพิ่มความมุ่งมั่นในการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนและชะลอการปล่อยมลพิษ สำหรับคนอื่น ๆ เช่น Neoplants บริษัทสัญชาติฝรั่งเศสที่มุ่งใช้เทคโนโลยีสร้างโซลูชั่นในการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม

โดยงานนี้ Neoplants เปิดตัวพืชในร่มใบสีเขียวสดใส ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมชีวภาพเพื่อกำจัดมลพิษทางอากาศภายในอาคารถึง 30 เท่าของปริมาณของต้นไม้ในบ้านทั่วไป 

นอกจากนี้ยังมีบริษัทอย่าง Pivet ในออสตินที่จัดแสดงเคสโทรศัพท์ที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ขณะที่ Candela บริษัทเรือเดินสมุทรไฟฟ้าเปิดตัวเรือเร็วไฟฟ้าขนาด 28 ฟุต ส่วน Melt Water Club บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติยูเครนนำเสนอวิธีการทำน้ำให้บริสุทธิ์โดยใช้การแช่แข็ง

ขณะเดียวกัน ในเรื่องของพลังงานก็มีนวัตกรรมอุปกรณ์ฟาร์มอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ล่าสุดไปจนถึงการเก็บแบตเตอรี่โดยใช้วัสดุทางเลือก เช่น เกลือโซเดียม  ซึ่งนวัตกรรมทั้งสองอย่างได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ 

ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงที่โลกยังต้องพึ่งพาพลังงานฟอสซิลไปอีกสักระยะ ระบบติดตามและคำนวนคาร์บอน ฟุตปริ๊นท์ ก็ถือเป็นดาวเด่นที่ได้รับความสนใจไม่แพ้กัน โดย Ajay Varadharajan ผู้ก่อตั้ง GreenSwapp บริษัทสัญชาติเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่า ก้าวแรกของการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ดีที่สุดก็คือเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าก๊าซคาร์บอนเกิดขึ้นและปล่อยสู่สภาพแวดล้อมได้อย่างไร 

ทั้งนี้ GreenSwapp ตั้งใจที่จะช่วยให้ร้านขายของชำออนไลน์และบริการจัดส่งอาหารเข้าใจถึงรอยเท้าคาร์บอน รวมถึงสิ่งที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานด้วย Scope3 ซึ่งใช้อัลกอริธึมในการติดตามคาร์บอน ฟุตปริ๊นท์ กับบาร์โค้ดอาหารทุกชนิด ที่จะระบุข้อมูลเกี่ยวกับเทคนิคการทำฟาร์มและบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ พร้อมตัวเลขคาร์บอนที่ปล่อยออกมา 

อุปกรณ์นวัตกกรรมทั้งหมดที่พูดถึงนี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของที่นำมาจัดแสดงให้งานเท่านั้น แต่ก็น่าจะสะท้อนให้เห็นภาพความเป็นไปได้ของโลกอนาคตที่เทคโนโลยีจะพึงตอบโจทย์ความต้องการที่ไม่สิ้นสุดได้ของมนุษย์ 

อ้างอิง CNN, Cnet, CBS, The Japan Times, AP News AP News, AP News

Trend Micro เปิดความท้าทายด้านความปลอดภัยไซเบอร์ปี 2023

อินเทลเปิดตัวโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 13 ครั้งแรกกับจำนวนคอร์สูงสุดถึง 24 คอร์

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ