ปี 2021 ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่กระแสคริปโตหรือเงินตราเข้ารหัสลับได้รับความสนใจในวงกว้างและเกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย ที่ชัดเจนก็คือแม้ภาครัฐในหลายประเทศจะยังคงกล้า ๆ กลัว ๆ แต่คริปโตก็ได้รับการยอมรับมากขึ้น เรียกว่าปุบปับเมืองไทยก็มีร้านค้าที่รับชำระเงินด้วยคริปโตมากมายไม่เว้นแม้แต่ห้างดัง
อย่างไรก็ดี หากเปรียบเทียบกับตลาดทุนรูปแบบอื่น คริปโตที่มีอายุเพียงราว 12 ปี ยังถือว่าเป็นน้องใหม่และคงต้องเจอบทพิสูจน์อีกยาวไกลเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอายุสองร้อยกว่าปีหรือทองคำที่อยู่กับเรามาเกือบห้าพันปี
ปีหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ปีนี้มีอะไรน่าสนใจ เราจะมาสรุปไว้ในบทความนี้กัน
ย้อนมอง 2021
อาจกล่าวได้ว่าปี 2021 เป็นปีที่คริปโตเดินหน้าเข้าสู่การเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง เรียกว่าสื่อมวลชนทั้งยุคเก่าและยุคใหม่ต่างต้องรายงานข่าวเรื่องคริปโตทุกวัน หลายแห่งแจ้งรายงานราคาเหรียญสกุลต่าง ๆ เคียงคู่กับราคาทองคำและดัชนีตลาดหุ้นดัง
สถาบันการเงินดั้งเดิมที่เคยรอดูอยู่ห่าง ๆ หรือแม้แต่ต่อต้าน ก็เริ่มเปิดช่องทางให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์คริปโตได้ง่ายขึ้นทั้งในแคนาดา บราซิล สหรัฐฯ หรือแม้แต่ประเทศไทยก็ตาม
อย่างกระแสร้อนแรงของ ProShares Bitcoin Strategy Fund เมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาก็สร้างปรากฏการณ์ได้อย่างน่าประทับใจ นอกจากจะเปิดตัวด้วยมูลค่าการซื้อขายสูงสุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์แล้ว กองทุนรวมดังกล่าวยังมีสินทรัพย์แตะ 1 พันล้านดอลลาร์ได้เร็วที่สุดด้วย และส่งผลให้ราคาของบิตคอยน์พุ่งขึ้นทำสถิติใหม่ตามไปด้วยในช่วงเดียวกัน
นอกจากนี้บรรดาผู้ให้บริการระบบชำระเงิน ไม่ว่าจะทั้ง Visa, Mastercard, PayPal หรือ Square ต่างก็ทุ่มลงทุนในด้านบริการคริปโตอย่างมาก ขณะเดียวกันแรงเสริมจาก NFT (Non-Fungible Token) และเหล่าเซเลบชื่อดัง ก็ยิ่งทำให้ตลาดคริปโตและบล็อกเชนได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น
แต่ที่สร้างความคึกคักมากที่สุดในช่วงปลายปีก็คงหนีไม่พ้นคำว่า Metaverse หรือเมต้าเวิร์ส (หรือจักรวาลนฤมิต ตามแบบฉบับราชบัณฑิตของไทย) เพราะอาจทำให้คริปโตกลายเป็นเงินตราสามัญแห่งโลกอินเทอร์เน็ตได้อย่างแท้จริง
คริปโต 2022
คงไม่มีใครกล้าคาดการณ์สิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดคริปโตได้อย่างมั่นใจเต็มร้อย เพราะอย่างที่ทราบว่าตลาดนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่มี 3 เรื่องที่ถือเป็นตัวแปรสำคัญที่อาจกำหนดอนาคตและส่งเสริมหรือกัดกร่อนคริปโตในปี 2022
เรื่องแรกคือบทบาทของสถาบันการเงิน ต้องยอมรับว่าการทำให้คริปโตมีความน่าเชื่อถือในวงกว้างเกินกว่าการเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ก็คือการมีส่วนร่วมของสถาบันการเงินและเหล่าบรรดากองทุนและเฮดจ์ฟันด์ต่าง ๆ ซึ่งประเด็นสำคัญอาจไม่ได้อยู่ที่มูลค่าหรือขนาดการลงทุน หากแต่เป็นเรื่องการยอมรับคริปโตเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง ดังเห็นได้จากการที่บริษัทจำนวนมากเริ่มกระจายการลงทุนมาไว้ในคริปโต เมื่อผู้เล่นรายหลักและรายย่อยเริ่มเปิดรับและเข้าใจคริปโตมากยิ่งขึ้น ก็จะยิ่งส่งผลทวีคูณและปลดล็อกโอกาสด้านเงินทุนมหาศาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทุนบำเหน็จบำนาญซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีเงินทุนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
ในอนาคตอันใกล้มีความเป็นไปได้ว่าคริปโตอาจรับบทบาทในฐานะอีกหนึ่งเครื่องมือทางการเงินที่ใช้ต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อเหมือนกับทองคำ และแม้ขณะนี้ Ark Invest ของ Cathie Wood อาจกำลังอยู่ในช่วงขาลง แต่ความเชื่อที่ว่ามูลค่าของบิตคอยน์จะแตะ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ หากนักลงทุนกลุ่มสถาบันโยกเงินลงทุนมาในตลาดนี้เพียงแค่ 5% ก็ยังเป็นที่กล่าวขานกันถึงทุกวันนี้
ดังนั้นวันนี้คำถามไม่ได้อยู่ที่ว่าต่อไปเราจะมีบริการผู้รับฝากทรัพย์สินที่เข้ามาช่วยดูคริปโตหรือไม่ คำถามอยู่ที่ว่าเมื่อไรต่างหาก
เรื่องที่สองคือการกำกับดูแล ที่แม้ทุกวันนี้จะยังมองภาพไม่ชัดเจนและแต่ละประเทศยังมีนโยบายที่ต่างกัน แต่เชื่อว่าปี 2022 ภาพดังกล่าวจะเห็นชัดขึ้น เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งคริปโตและ DeFi มีแง่มุมที่ชวนให้กังวลอยู่พอสมควร ความผันผวนที่สูงกว่าปกติ รวมไปถึงการสบช่องของมิจฉาชีพที่อาศัยเรื่องดังกล่าวเป็นช่องทางการหลอกลวงจนทำให้เกิดการสูญเสียเม็ดเงินจำนวนมาก ยังไม่นับรวมเหล่าบรรดาแฮกเกอร์ที่เริ่มหันมามองการเจาะระบบในกลุ่มคริปโตมากขึ้นจนเป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง
ในด้านหนึ่งต้องยอมรับว่ากฎเกณฑ์ด้านการเงินในปัจจุบันทำให้ตลาดสามารถเดินหน้าไปได้ภายใต้การกำกับของภาครัฐที่พยายามไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบจากนายทุนมากเกินไป แต่ DeFi ที่กำลังเข้ามาดิสรัปต์ตลาดการเงินอาจเป็นได้ทั้งพระเอกขี่ม้าขาวหรือความโกลาหลแห่งยุคอนาคตก็ได้
อีกทั้งความลักลั่นที่ว่าในมุมหนึ่งสถาบันการเงินอาจอยู่เบื้องหลังการกำหนดนโยบายของภาครัฐก็ย่อมไม่อยากให้เกิดคู่แข่งแปลกหน้าที่เข้ามาทำลายตลาดของตนเอง จุดลงตัวจะอยู่ตรงไหน เราอาจเห็นภาพชัดเจนขึ้นในปีหน้า และแม้ DeFi จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งในตลาดคริปโต แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามาตรการของภาครัฐที่มีต่อ DeFi จะส่งผลกระทบต่อคริปโตอย่างมากโดยเฉพาะในแง่จิตวิทยาและอารมณ์ของตลาด
ที่ชัดเจนก็คือความพยายามดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแค่ทุกวันนี้การจะนิยามคริปโตให้ครอบคลุมก็ยังทำได้ยาก
เรื่องที่สามคืออัตราเงินเฟ้อและนโยบายของธนาคารกลาง ทั้งสองอย่างเป็นตัวกำหนดมูลค่าของคริปโตในช่วงที่ผ่านมา การยอมรับว่าภาวะเงินเฟ้อไม่ใช่เรื่องชั่วคราวอีกต่อไปทำให้นักลงทุนต่างต้องหาทางขยับตัวเพื่อพิทักษ์พอร์ตการลงทุนของตนเอง และหากมองในภาพรวม สถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้นักลงทุนหันมาพึ่งพาบิตคอยน์กันมากขึ้นเพื่อช่วยต่อกรกับอัตราเงินเฟ้อ แต่ในอีกด้านหนึ่งอัตราดอกเบี้ยที่กำลังไต่ทะยานก็อาจส่งผลต่อคริปโตในระดับพอสมควร และระดับผลตอบแทนที่แบนราบอาจทำให้กระแสเงินทุนที่หลั่งไหลเข้ามายังคริปโตต้องหยุดชะงักหรือลดลง
ก้าวแรกของคริปโต
ไม่ว่ากระแสของคริปโตในช่วงที่ผ่านมาจะเป็นอย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าตลาดดังกล่าวยังถือว่าใหม่มาก ที่แน่ชัดคือปี 2022 ถือเป็นปีที่มีความสำคัญอย่างมาก และน่าจะแตกต่างจากปีนี้ในหลายด้าน
สิ่งหนึ่งที่น่าจะชัดเจนก็คือความผันผวนในตลาดบิตคอยน์อาจลดลง การวิ่งขึ้นลงคงเป็นไปในระดับเดียวกับที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น และคงไม่ดิ่งลงอย่าน่าใจหายเหมือนช่วงที่ผ่านมา ที่จริงเราเริ่มเห็นความสัมพันธ์ของ S&P 500 และบิตคอยน์มาระยะหนึ่งแล้ว อีกทั้งบทบาทของสถาบันการเงินและกองทุนต่าง. ๆ ที่ก้าวเข้าสู่ตลาดบิตคอยน์ก็ยิ่งทำให้ความผันผวนและการขึ้นลงโดยไร้เหตุผลเป็นเรื่องที่เกิดได้ยากขึ้น หากกล่าวโดยรวมอาจพูดได้ว่าบิตคอยน์ได้กลายเป็นเครื่องมือทางการเงินของนักลงทุนโดยเรียบร้อย
ขณะเดียวกันบรรดาเหรียญทางเลือกอื่นที่ยังอาจมีความผันผวนในระดับสูง ก็มีโอกาสที่จะเพิ่มบทบาทในตลาดมากขึ้นผ่าน Defi, Metaverse และ NFT ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องจับตากันต่อไป
Source: https://www.livewiremarkets.com/wires/cryptocurrency-outlook-2022
แบงก์ชาติไม่หนุนคริปโต ย้ำผันผวน/เสี่ยงสูง ไม่เหมาะกับชำระสินค้า-บริการ
มาสเตอร์การ์ด จับมือบริษัทสกุลเงินดิจิทัล เปิดตัวบัตรชำระเงินคริปโตใบแรกในภูมิภาค
