TH | EN
TH | EN
หน้าแรกSustainabilityความยั่งยืน ... ไม่ใช่แค่ ‘ซีเอสอาร์’ แต่คือ ‘พันธสัญญา’ ของเอปสัน ประเทศไทย

ความยั่งยืน … ไม่ใช่แค่ ‘ซีเอสอาร์’ แต่คือ ‘พันธสัญญา’ ของเอปสัน ประเทศไทย

เอปสัน ยึดแนวทางความยั่งยืนตลอดวงจรธุรกิจ มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทขึ้นเมื่อเกือบ 80 ปีที่แล้ว เป็นบริษัทแรกในโลกที่ ประกาศจะกำจัดสาร ซีเอฟซีที่ทำลายชั้นโอโซนออกจากกระบวนการผลิตทั้งหมด ซึ่งประสบความสำเร็จในปี 2536 ได้เข้าร่วมข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) ในปี 2547 และได้ประกาศให้การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ขององค์การสหประชาชาติ 

ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นประเด็นสำคัญสำหรับทุกองค์กรธุรกิจ สิ่งที่เอปสันทำ คือ ผสานจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมเข้ากับการพัฒนาเทคโนโลยีและธุรกิจ ทั้งยึดกรอบปฏิบัติตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติมาสร้างโปรแกรมซีเอสอาร์

ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจในอนาคต เป็นเรื่องที่บริษัทแม่ ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น มีความมุ่งมั่นตั้งใจเรื่องความยั่งยืนอยู่แล้ว เอปสัน สิงคโปร์ เลือก 5 ข้อจาก 17 ข้อของ UN’s Sustainable Development Goals (SDGs) ที่มุ่งเน้นและเป็นสิ่งที่เอปสันยึดมั่นและนำมาปฏิบัติในการพัฒนาเทคโนโลยีและการดำเนินธุรกิจของเอปสัน คือ 

  • เรื่อง Climate Change ความร่วมมือกับ WWF เป็นส่วนหนึ่งของเรื่อง Climate Change 
  • เรื่อง Decent Work and Economic Growth จะทำให้ที่ทำงานเป็นที่ที่น่าอยู่ พร้อมกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
  • เรื่อง Industrial, Innovation, and Infrastructure เอปสันมั่นใจว่าเทคโนโลยีของเอปสันสามารถตอบสนองการใช้พลังงานได้อย่างเหมาะสม 
  • เรื่อง Responsible Consumption and Production คือ การใช้พลังงานอย่างเหมาะสม อาทิ โรงงานของเอปสัน ใช้พลังงานสะอาด ลดคาร์บอนฯ เป็นศูนย์
  • เรื่อง Partnership for the Goals คือ การร่วมมือกันกับองค์กรต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาเรื่องความยั่งยืนอย่างจริงจัง

Sustainability Commitment 

ปัจจุบันผู้บริโภคต้องการเห็นความพยายามและผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมจากผู้ผลิตเทคโนโลยีในการรักษาธรรมชาติ พวกเขาเต็มใจที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคเพื่อให้ได้มีส่วนร่วมในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะคนกลุ่ม Millennial และ Gen Z ที่ยินดีจะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมหรือกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ หรือมีส่วนในการตอบแทนสังคม การที่ผู้ผลิตสามารถแสดงออกถึงบทบาทในการรักษาสิ่งแวดล้อมไม่เพียงแต่เป็นการสร้างความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันทางธุรกิจ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์สินค้า แต่ยังเป็นการนำธุรกิจไปสู่ทิศทางและตำแหน่งของการเป็นองค์กรที่สังคมและผู้บริโภคจะขาดไม่ได้ ซึ่งนั่นคือเป้าหมายของเอปสัน

วิสัยทัศน์ของกลุ่มบริษัทเอปสัน คือ การดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน และต้องแสดงถึงความรับผิดชอบในการส่งเสริมความเป็นอยู่ของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น และนำความสุขมาสู่สังคมด้วยวิธีการที่ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Development Goals (SDG) ขององค์การสหประชาชาติ 

เป้าหมายดังกล่าวเป็นที่มาของการกำหนดแนวทางของโปรแกรมซีเอสอาร์ ซึ่งบริษัทฯ ได้ยึดตามกรอบปฏิบัติของ SDG โดยให้น้ำหนักในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของทรัพยากรมนุษย์และการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยที่ผ่านมาเอปสันมีกิจกรรมที่สนับสนุนพันธกิจเรื่องความยั่งยืน ได้แก่ 

กิจกรรม From Plastic to Fabric 

เอปสัน (ประเทศไทย) ดำเนินการภายใต้เป้าหมายเรื่อง Responsible Consumption ที่มุ่งเน้นให้ผู้บริโภคเกิดความตระหนักในการใช้ทรัพยากรผ่านกิจกรรมที่ทำร่วมกับโครงการ Green Road ผลิตถุงผ้าจากวัสดุรีไซเคิล เพื่อนำไปแลกถุงพลาสติกจากเหล่าพนักงานบริษัทตามอาคารสำนักงานทั่วกรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิด “From Plastic to Fabric” ที่ให้ประชาชนนำถุงพลาสติกเหลือใช้มาแลก เปลี่ยนเป็นถุงผ้าที่มีการพิมพ์ลวดลายจากเครื่องพิมพ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของเอปสัน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการตอบรับนโยบายการลดการใช้ถุงพลาสติก และส่งเสริมการใช้ถุงผ้าที่สามารถนำมาใช้ซ้ำได้หลายครั้ง โดยถุงพลาสติกที่รวบรวมได้ถูกส่งต่อให้โครงการ Green Road เป็นผู้คัดแยกและแปลงสภาพเป็นอิฐบล็อก เพื่อนำไปรีไซเคิลเป็นบล๊อกปูพื้นลานกิจกรรม ทางเดิน และถนนภายในวัดต่าง ๆ ของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อใช้เป็นสาธารณประโยชน์ของผู้คนในชุมชนต่อไป 

ยรรยง กล่าวเพิ่มเติมว่า “บล็อกปูพื้นที่ได้จากการรีไซเคิลถุงและขวดพลาสติก มีความแข็งแรงได้มาตรฐาน รับแรงสั่นสะเทือนได้ดี มีน้ำหนักเบา สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ที่สำคัญเป็นวิธีการกำจัดขยะพลาสติกในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ เป็นโครงการที่มี ประโยชน์ต่อสังคมไทและสอดคล้องกับแนวทางซีเอสอาร์ของบริษัทฯ”

กิจกรรม Wheel For Wild 

เอปสันร่วมกับมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จัดกิจกรรม “Wheel for Wild” เพื่อรณรงค์ให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันรักษาทรัพยากรและใส่ใจในเรื่องการใช้พลังงานมากขึ้น ผ่านกิจกรรมซึ่งเป็นกิจกรรมที่เชิญชวนประชาชนทั่วไปร่วมทำกิจกรรมปั่นจักรยานเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับพรินเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยี Heat-Free จากเอปสัน โดยมีกติกาว่าเมื่อผู้ร่วมกิจกรรมปั่นจักรยานผลิตไฟฟ้าครบ 3 นาที เอปสันจะทำการบริจาคเงินจำนวน 30 บาทให้กับทางมูลนิธิฯ นอกจากนี้ จักรยานที่ต่อไดนาโมและแบตเตอรีจะจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าเครื่อง WF-C20590 เพื่อพิมพ์ใบประกาศเกียรติคุณจากมูลนิธิฯ ให้กับผู้ร่วมกิจกรรม เพื่อยืนยันถึงการมีส่วนร่วมในกิจกรรมของมูลนิธิฯ 

Green Tech

นอกจากกิจกรรมซีเอสอาร์แล้ว เอปสันยังแสดงออกถึงความมรับผิดชอบต่อสังคมและพันธสัญญาเรื่องความยั่งยืนผ่านเทคโนโลยีของเอปสันเช่นกัน 

ยรรยง กล่าวว่า เอปสันตระหนักดีว่าสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน คือ ประเด็นสำคัญที่ทุกองค์กรธุรกิจต้องร่วมกันใส่ใจ ไม่ว่าจะเป็นการลดการใช้พลังงานเพื่อช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อน การรีไซเคิลกระดาษเพื่อลดการตัดไม้ การลดการสร้าง มลพิษทั้งทางอากาศ น้ำ หรือลดขยะจากกระบวนการผลิต 

เทคโนโลยีของเอปสันจึงถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นบนหลักการที่ว่าจะต้องสามารถนำเสนอประสิทธิภาพการทำงานที่ดีเยี่ยมให้กับ

ผู้ใช้ สามารถรองรับปริมาณงานจำนวนมากเป็นเวลานาน โดยที่คุณภาพงานไม่ตกลง และต้องไม่สร้างผล กระทบใด ๆ ต่อสภาพ แวดล้อมในที่ทำงานของผู้ใช้และสังคม 

“ผลิตภัณฑ์ของเอปสันต้องสามารถช่วยองค์กรธุรกิจลดการใช้พลังงานในสำนักงาน และสร้างระบบนิเวศที่เป็นมิตรกับธรรมชาติให้เห็นได้เป็นรูปธรรม”  

เอปสันยึดหลักความยั่งยืนตั้งแต่ขั้นตอนกำหนดแนวคิด ออกแบบ ไปจนถึงกระบวนการผลิต เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี ขนาดกะทัดรัด ที่มีประสิทธิภาพและความแม่นยำสูง เพื่อใช้ในนวัตกรรมที่สามารถเปลี่ยนโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น 

เอปสันประสบความสำเร็จในการสร้างอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ที่เรียกได้ว่าเป็น Green Tech อย่างเต็มตัว เพราะไม่เพียงแต่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าเลเซอร์พรินเตอร์ถึง 85% ยังมีชิ้นส่วนในเครื่องที่ต้องเปลี่ยนทดแทนน้อยกว่าเลเซอร์พรินเตอร์ถึง 59% ทำให้ช่วยลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ลงได้มาก 

Epson PaperLab เป็นเครื่องรีไซเคิลกระดาษเครื่องแรกของโลก

Epson PaperLab เป็นเครื่องรีไซเคิลกระดาษเครื่องแรกของโลก ช่วยให้ทุกออฟฟิศประหยัดค่ากระดาษและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพียงนำกระดาษที่ใช้แล้วใส่เข้าไปใน PaperLab จะได้กระดาษใหม่ออกมาในไม่กี่นาที ซึ่งทุกขั้นตอนจะทำได้อย่างรวดเร็ว

ไม่ซับซ้อน และไม่ต้องใช้น้ำเป็นองค์ประกอบในกระบวนการผสานเยื่อกระดาษใหม่ 

นอกจากนี้ ยังมี เทคโนโลยี Heat-Free ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ไม่ใช้ความร้อนในกระบวนการพิมพ์ จึงใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยกว่าเลเซอร์พรินเตอร์ที่มีความเร็วในการพิมพ์ระดับเดียวกันถึง 80% นอกจากนี้ ยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าเลเซอร์พรินเตอร์ถึง 85% และประหยัดไฟ และใช้กำลังไฟเพียง 10 วัตต์ ในการพิมพ์เอกสาร 1 หน้า

ชิ้นส่วนในตัวพรินเตอร์เอง อิงค์เจ็ทพรินเตอร์ของเอปสันก็ยังมีส่วนประกอบที่ต้องเปลี่ยนทดแทนน้อยกว่าเลเซอร์พรินเตอร์ถึง 59% เนื่องจากไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งโทนเนอร์ ลูกดรัม ดีเวลลอปเปอร์โรเลอร์ ชุดฟิวเซอร์ และอื่น ๆ ทำให้ ช่วยลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ลงมาได้ 

เทคโนโลยีหัวพิมพ์ PrecisionCore หนึ่งในผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพรินเตอร์เชิงพาณิชย์เพื่ออุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งไม่ก่อให้เกิดมลพิษจากสารเคมีในขณะพิมพ์ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพรินเตอร์เชิงพาณิชย์เพื่ออุตสาหกรรมสิ่งทอของเอปสันถูกออกแบบให้สามารถช่วยลดการใช้น้ำในกระบวนการพิมพ์ลงถึง 60% ทำให้ไม่ก่อให้เกิดมลพิษจากสารเคมี และยังลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้มากถึง 55%

เอปสันกับความร่วมมือกับ WWF 

ล่าสุด เอปสัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลงนามความร่วมมือกับองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) แก้ปัญหาด้านสภาพ

ภูมิอากาศทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้ความร่วมมือแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ เสริมความแข็งแกร่งให้ชุมชน ขยายผลในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล (ปะการังและป่าชายเลน) สภาพแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ความร่วมมือ 6 ประเทศ เริ่มจากสามเหลี่ยมปะการัง เป็นที่อยู่อาศัยของปลากว่า 6,000 ชนิด รวมถึงร้อยละ 76 ของชนิดปะการังบนโลก เป็นพื้นที่ป่าโกงกางที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุดของโลกด้วย เป็นพื้นที่ที่เอปสันและ WWF ให้ความสำคัญ ความร่วมมือนี้เริ่มต้นที่ 2 ปี ตั้งเป้าที่เกื้อหนุนและฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเล ผ่านการทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและองค์กรต่าง ๆ ในท้องถิ่น เน้นเสริมสร้างขีดความสามารถของชุมชนท้องถิ่น 

ยรรยง กล่าวว่า ภายในองค์กรเอปสันเองมีการใหัความรู้เรื่องการปกป้องสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ เอปสันนำ UN’SDGs ข้อที่ 13 เรื่อง Climate Change มาทำเป็นกิจกรรมต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมผ่านความร่วมมือกับ WWF “ปัจจุบัน ไม่มีองค์กรธุรกิจใดสามารถเติบโตขึ้นโดยไม่คำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม การผสานจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม เข้ากับการพัฒนานวัตกรรมและธุรกิจที่

เอปสันยึดมั่น จึงเป็นคำตอบการอยู่รอดและเจริญก้าวหน้าในโลกยุคดิจิทัลนี้” ยรรยง กล่าวทิ้งท้าย

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ