TH | EN
TH | EN
หน้าแรกTechnologyเอ็นทีที เผย ภัยคุกคาม โจมตีทางไซเบอร์พุ่ง 300%

เอ็นทีที เผย ภัยคุกคาม โจมตีทางไซเบอร์พุ่ง 300%

บริษัท เอ็นทีที จำกัด  (NTT Ltd.) ผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก เปิดตัวรายงาน Global Threat Intelligence Report (GTIR) ปี 2021 เผยแฮกเกอร์ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ไร้เสียรภาพทั่วโลกในการโจมตีระบบ โดยมุ่งเป้าหมายไปที่อุตสาหกรรมสำคัญและช่องโหว่ที่เกิดขึ้นจากการทำงานระยะไกล

รายงานพบว่า อุตสาหกรรมด้านการดูแลสุขภาพ (Healthcare) การผลิต (Manufacturing) และการเงิน (Financial) มีการโจมตีเพิ่มสูงขึ้น (200 %300 % และ 53%ตามลำดับ) โดยภาคอุตสาหกรรมทั้งสามรวมกันมีสัดส่วนถึง 62 %ของการโจมตีทั้งหมดในปี 2021 เพิ่มขึ้น 11 %  จากปี 2020

ในขณะที่องค์กรต่าง ๆ มุ่งนำเสนอรูปแบบการทำงานระยะไกลในรูปแบบเสมือนจริงผ่านการใช้งานพอร์ทัลแอปพลิเคชันเฉพาะทางและเว็บแอปพลิเคชัน โดยมีการโจมตีถึง67 % ของการโจมตีทั้งหมด เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีธุรกิจการดูแลสุขภาพที่ปรับเปลี่ยนมาสู่รูปแบบการดูแลระยะไกลผ่านระบบเครือข่าย ทำให้การโจมตีมีความรุนแรงขึ้น โดย 97 %ของการโจมตีในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ โดยเป็นการโจมตีผ่านเว็บแอปพลิเคชันหรือแอปพลิเคชันเฉพาะทาง

รายงาน GTIR ยังให้ข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับจากผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของเอ็นทีที โดยใช้เกณฑ์คะแนนของโปรแกรมรักษาความปลอดภัยที่ใช้ในอุตสาหกรรมเป็นตัวพิจารณา โดยคะแนนที่สูงแสดงให้เห็นถึงถึงแผนการดำเนินการที่มีความเสถียรมากกว่า พบว่าอุตสาหกรรมด้านการดูแลสุขภาพและการผลิตมีคะแนนค่อนข้างต่ำเพียง 1.02 และ 1.21 ตามลำดับ ลดลดลงจากฐานคะแนนเดิมที่ 1.12 และ 1.32 ในปี 2019 ในขณะที่อัตราการโจมตีกลับเพิ่มขึ้นมาก

อุตสาหกรรมการผลิตมีคะแนนลดลงตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมการทำงานและการเกิดขึ้นของรูปแบบการโจมตีใหม่ ๆ ในขณะที่อุตสาหกรรมการเงินยังคงรักษาระดับคะแนนเกณฑ์มาตรฐานสูงสุดเป็นปีที่สามติดต่อกัน โดยมีคะแนนอยู่ที่ 1.84 ลดลงจากปีที่ผ่านมา 0.02 คะแนน

Kazu Yozawa ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แผนกความปลอดภัยของเอ็นทีที กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมา เราคาดการณ์ว่าจะมีการโจมตีเป้าหมายแบบฉวยโอกาสเพิ่มมากขึ้น และเราก็พบว่านั่นคือความจริง ในขณะที่อุตสาหกรรมต่าง ๆ พยายามรักษาระดับการให้บริการตลอดช่วงเวลาแห่งการพลิกผัน แต่มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่ลดลงก็เป็นสัญญาณเตือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่บริษัทต่างๆ ต้องการระบบรักษาความปลอดภัยอย่างมาก บริการมากมายเริ่มปรับเข้าสู่รูปแบบดิจิทัลและออนไลน์เพื่อรองรับชีวิตวิถีใหม่ หลายองค์กรจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในการรักษาความปลอดภัยและคงไว้ซึ่งแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเพื่อให้องค์กรรอดพ้นจากการโจมตี”

พลิกโฉมมัลแวร์: การโจมตีรูปแบบใหม่จาก Crypto Malware พุ่งสูงขึ้น ส่วน Trojans กลายเป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไป

ขณะที่มัลแวร์กลายเป็นเรื่องปกติสามัญทั้งในแง่คุณสมบัติและฟังก์ชันการทำงาน ตลอดปีที่ผ่านมา มัลแวร์ก็มีการพัฒนาให้มีความสามารถมากขึ้นด้วยการเป็นมัลแวร์ที่สามารถทำงานได้หลากหลาย (Multi-finction Malware) การเกิดขึ้นของนักขุดสกุลเงินดิจิทัล (Cryptominers) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญทดแทนการโจมตีจาก Spyware ที่เป็นมัลแวร์ที่พบบ่อยที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม การใช้มัลแวร์โจมตีในกลุ่มอุตสาหกรรมเฉพาะยังคงมีการพัฒนาต่อไป 

เวิร์ม (Worms) เป็นการโจมตีที่พบบ่อยที่สุดในภาคอุตสาหกรรมการเงินและการผลิต ขณะที่อุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพได้รับผลกระทบจาก Trojans ที่มีการเข้าถึงจากระยะไกล  (Remote Acess Trojans) อุตสาหกรรมเทคโนโลยีตกเป็นเป้าหมายของ Ransomware ภาคการศึกษาถูกโจมตีโดย Cryptominers จากกระแสนิยมในการขุดสกุลเงินดิจิทัลในกลุ่มนักเรียนที่ใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่มีการรักษาความปลอดภัย

ตลาดสกุลเงินดิจิทัลเป็นตัวอย่างสำคัญในการโจมตียุคใหม่ โดยประมาณการณ์กันว่า Cryptominers มีถึง 41 % ของมัลแวร์ที่ตรวจพบทั้งหมดในปี 2020 และ XMRig coinminer เป็นมัลแวร์ที่พบมากที่สุดถึง 82 % ของกิจกรรม coinminer ทั้งหมดและประมาณ 99 % พบในในทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA)

“เมื่อด้านหนึ่งเรามีผู้คุกคามที่ใช้ประโยชน์จากการเกิดภัยพิบัติทั่วโลก และอีกด้านหนึ่งเรามีอาชญากรไซเบอร์ที่กำลังใช้ประโยชน์จากการเติบโตของตลาดที่ไม่เคยมีมาก่อน ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งสองจึงเป็นเรื่องที่ยากต่อการคาดเดาและมีความเสี่ยงสูง” Mark Thomas หัวหน้าศูนย์ Global Threat Intelligence Center ของเอ็นทีที กล่าว

Thomas แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมต่อว่า การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินงานหรือการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้กำลังเปิดโอกาสให้ผู้ประสงค์ร้ายสามารถเข้ามาโจมตีระบบ และด้วยการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วของตลาดสกุลเงินดิจิทัลที่เป็นกระแสนิยมในกลุ่มคนที่ยังขาดประสบการณ์ ทำให้การโจมตีรูปแบบใหม่จึงเกิดขึ้นได้ “ขณะนี้ เรากำลังเข้าสู่ช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งองค์กรและผู้ใช้งานส่วนบุคคลจำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในทุกๆ อุตสาหกรรม และรวมถึงในกลุ่มห่วงโซ่อุปทานด้วย” Thomas กล่าวทิ้งทาย

บทสรุปประเด็นสำคัญจากรายงาน GTIR ปี 2021:

·        การโจมตีในภาคการผลิตเพิ่มขึ้นจาก 7 % ในปีที่ผ่านมาเป็น 22 % ขณะที่ธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้นจาก 7 %เป็น 17 % ส่วนภาคการเงินเพิ่มขึ้นจาก 15% เป็น 23 %

·        องค์กรในหลายอุตสาหกรรมมองเห็นถึงการโจมตีที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน COVID-19 และห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้อง

·        การฉวยโอกาสของการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์เกี่ยวกับ COVID-19 ทวีความรุนแรงขึ้น โดยกลุ่มต่างๆ เช่น Ozie Team, Agent Tesla และ TA505 และนักแสดงระดับประเทศอย่าง Vicious Panda, Mustang Panda และ Cozy Bear ได้เข้ามาทมีบทบาทอย่างมากในปี 2020

·        รูปแบบของมัลแวร์ที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดในปี 2020 คือ Miners: 41%; Trojans: 26 %; Worms: 10 % และ Ransomware 6 %

·        Cryptominers มีบทบาทสำคัญในกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะในทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) รวมทั้งทวีปอเมริกา แต่ยังไม่ค่อยมีบทบาทมากนักในทวีปเอเชียแปซิฟิก (APAC)

·        OpenSSL เป็นเทคโนโลยีที่มีเป้าหมายความสำคัญในอเมริกา แต่กลับไม่ได้อยู่ใน 10 รายชื่อแรกในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก (APAC)

·        ผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากการตัดสินใจของ Schrems II ทำให้การคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของ EU-US (EU-US Privacy Shield) เป็นโมฆะ และสร้างภาระผูกพันเพิ่มขึ้นให้กับองค์กรที่ถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลจากสหภาพยุโรปไปยังประเทศที่สาม

·        งานวิจัยของเอ็นทีที แสดงให้เห็นว่า 50 % ขององค์กรทั่วโลกให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยบนระบบคลาวด์ และเป็นเป้าหมายสำคัญในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในช่วง 18 เดือนข้างหน้า

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางที่รายงานฉบับนี้นำเสนอกรอบการทำงานให้กับองค์กร เพื่อจัดการภาพรวมภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยสามารถดาวน์โหลดรายละเอียดได้ที่ NTT Ltd. 2021 GTIR.

รายละเอียดเพิ่มเติม (แบ่งตามภูมิภาค)

อเมริกา

·        OpenSSL เป็นเทคโนโลยีที่มีเป้าหมายความสำคัญในอเมริกา แต่กลับไม่ได้อยู่ใน 10 รายชื่อแรกของเทคโนโลยีเป้าหมายในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก (APAC)

·        บริการทางธุรกิจ (Business Services) และบริการเฉพาะทาง (Professional Services) เป็นอุตสาหกรรมที่ถูกโจมตีมากที่สุดในอเมริกาคิดเป็น 26 %ของการโจมตีทั้งหมด

·        การสอดแนม (Reconnaissnace) มีอัตราการโจมตีสูงสุดในสหรัฐอเมริกา

o   64 ของการโจมตีที่มุ่งเป้าไปที่ธุรกิจเทคโนโลยีโดยการสอดแนมหาช่องโหว่ของระบบ

o   58 ของภัยคุกคามมาจากการสอดแนม พบในธุรกิจเกี่ยวกับการศึกษา 

·        อเมริกาพบว่า 8 ของการโจมตีทั้งหมดเป็นการโจมตี DoS/DDoS ในขณะที่การโจมตีรูปแบบนี้มีสัดส่วนต่ำกว่า 4 ในเอเชียแปซิฟิค และมีเพียง 1 ในทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA)

·        ใน 34 ของมัลแวร์ที่ตรวจจับได้ XMRig เป็นมัลแวร์ที่ตรวจพบมากที่สุดในทวีปอเมริกาและในสหรัฐอเมริกา

ทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA)

·        EMEA พบว่า 79 % ของการโจมตีทั้งหมด เป็นการโจมตีแอปพลิเคชันเฉพาะทาง (42 % ) และเว็บแอปพลิเคชัน (37 % )

o   ใน 91 % ของการโจมตีดังกล่าว สหราชอาณาจักรมีอัตราการโจมตีทางเว็บรวมกันสูงสุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่นำมาวิเคราะห์

·        ภาคธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพเป็นอุตสาหกรรมที่ถูกโจมตีมากที่สุดใน EMEA

o   การโจมตีเว็บแอปพลิเคชันและแอปพลิเคชันเฉพาะทางในธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพในทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) มีถึง 98 % จากการโจมตีทั้งหมด โดยเป็นการโจมจีผ่านเว็บแอปพลิเคชัน 62 %  และแอปพลิเคชันเฉพาะทาง 36 %  ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่มีเพียง 67 % 

·        XMRig เป็นมัลแวร์ที่มีสัดส่วนถึง 99 % ของกิจกรรม Miners ทั้งหมดใน EMEA โดยพบถึงกว่า 87 % จากการตรวจจับมัลแวร์

·        Trojans เป็นมัลแวร์อันดับสองที่พบบ่อยที่สุดใน EMEA

o   UK and Ireland พบว่า Trojans เป็นมัลแวร์ที่พบได้บ่อยถึง 6 ใน 10

เอเชียแปซิฟิค + ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

·        มัลแวร์มีความหลากหลายในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิค โดยมัลแวร์ประเภท Websheels, Botnets และ Trojans ทุกรูปแบบรวมกัน มีสัดส่วนถึง 72 % ของมัลแวร์ทั้งหมด แม้ว่า XMRig จะเป็นมัลแวร์ที่ตรวจพบบ่อยที่สุดทั่วโลก แต่ยังไม่มีประเทศใดในเอเชียแปซิฟิคที่พบ XMRig ติดใน 10 อันดับแรกของมัลแวร์ที่พบบ่อยที่สุด

·        ในเอเชียแปซิฟิค ภาคธุรกิจการเงิน (24 % ) เป็นอุตสาหกรรมที่ถูกโจมตีมากที่สุด รองลงมาคือภาคการผลิต 22 % 

·        ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ภาคธุรกิจการเงินเป็นอุตสาหกรรมที่มีการโจมตีสูงเป็นอันดับต้นๆ โดยมีสัดส่วนเกือบครึ่ง 42 % ของการโจมตีทั้งหมด ตามมาด้วยภาคการศึกษา 24 % 

·        ภาคธุรกิจการดูแลสุขภาพทั้งในเอเชียแปซิฟิคและออสเตรเลีย ยังเป็นอุตสาหกรรมที่ขาดความพร้อม โดยมีคะแนนเพียง 0.60 และ 0.96 ตามลำดับ ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 1.02 โดยช่องว่างของคะแนนที่ห่างมากที่สุดอยู่ในทวีปเอเชียแปซิฟิค โดยมี 2.53 คะแนนที่ต้องทำเพื่อให้ถึงเป้าหมาย

·        ธุรกิจด้านเทคโนโลยี (2.02) เป็นภาคอุตสาหกรรมที่มีคะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ยสากล (1.64) 

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ