จากการเก็บข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้เอไอเอสไฟเบอร์ พบว่า ช่วงล็อกดาวน์ปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตบ้านเติบโต 40% โดยมีจำนวนเครื่องที่ต่อเชื่อมอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเท่าตัว โดยเฉลี่ยแล้วบ้านละ 10 เครื่อง ปริมาณการใช้งานหนาแน่นตลอดทั้งวันและทุกวันตลอดสัปดาห์ ต่างจากช่วงก่อนหน้าล็อกดาวน์ที่จะมีปริมาณการใช้หน้าแน่นช่วงเย็นและเสาร์-อาทิตย์ ปริมาณการใช้งานที่เพิ่มมากและหนาแน่นมากที่สุด คือ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงใต้
3 กิจกรรมหลักบนเน็ตบ้านช่วงล็อกดาวน์ คือ 1. การประชุมและความบันเทิง 2. เล่นเกมออนไลน์ 3. อีคอมเมิร์ซ โดยเฉพาะ Live Streaming ทั้งนี้ แอปการประชุมที่ได้รับความนิยมใช้งานมากที่สุด คือ Google Meet, Zoom, Microsoft Team, Web EX และ Skype
สำหรับบริการ online shopping พบว่า Top5 ที่มีการใช้งานบน AIS Fibre คือ Shopee, Lazada, JD Central, Kaidee และ ShopAt24 ส่วนบริการ food delivery พบว่า Top5 ที่มีการใช้งานบน AIS Fibre คือ Grab, LINEMAN, Robinhood, Food Panda และ Gojek (AirAsia ปัจจุบัน)
- สหกรณ์โคนมฟรีสแลนด์คัมพิน่า ครบ 150 ปี จากยอดหญ้าสู่น้ำนมโคคุณภาพ
- พารู้จัก 3 แพลตฟอร์ม Reskill – Upskill – Newskill ตอบโจทย์โลกอนาคต
กิตติ งามเจตนรมย์ หัวหน้าฝ่ายงานบริหารธุรกิจฟิกซ์ บรอดแบนด์ AIS กล่าวว่า เอไอเอส ไฟเบอร์ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบ้านที่มีส่วนแบ่งตลาดในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 อยู่ที่ 13.5% เพิ่มจาก 12% ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว รายได้จากการให้บริการอินเทอร์เน็ตบ้านในครึ่งปีแรกแตะเก์อบ 4,000 ล้านบาท โดยเฉพาะไตรมาส 2 ปีนี้ที่มีการล็อกดาวน์เกือบทั้งไตรมาส รายได้จากบริการเน็ตบ้านเติบโต 6.2% โตกว่าการเติบโตของตลาดรวมที่โตประมาณ 2.6%
จนถึงสิ้นไตรมาส 2 ปี 2564 เอไอเอสมีจำนวนลูกค้าเน็ตบ้าน 1.54 ล้านราย คิดเป็นอัตราการเติบโต 7.3% ซึ่งโตกว่าตลาดที่โตเพียง 3.8%
“เอไอเอสเริ่มทำตลาดเน็นบ้านตั้งแต่ปี 2558 ปีแรกมีลูกค้า 40,000 ราย ตลาดในตอนนั้นมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอยู่เพียง 6.23 ล้านคน คิดเป็น 29.2% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ปัจจุบันจำนวนคนไทยที่ใช้อินเทอร์เน็ตคิดเป็นประมาณ 57.6% ของจำนวนประชากร” กิตติ
หากมองในมิติของจำนวนผู้ใช้งานต่อจำนวนประชากร อาจจะดูเหมือนมีโอกาสทางการตลาดจำกัด แต่ทว่ารูปแบบการใช้งานอินเทอร์เน็ตมีความหลากหลายและเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสะท้อนอกมาให้ช่วงล็อกดาวน์ ที่ประชากรต้องทั้งทำงานและเรียนหนังสืออยู่ที่บ้าน ทำให้อินเทอร์เน็ตบ้านกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ
กิตติ กล่าวว่า AIS Fibre มีนโยบายเพิ่มความเข้มข้นของการทำงานในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การพัฒนาคุณภาพสัญญาณโครงข่าย การขยายพื้นที่การให้บริการให้ครอบคลุมมากขึ้น และที่สำคัญคือ การยกระดับคุณภาพงานบริการ ด้วยกลยุทธ์ Service Innovation ที่ต้องใช้พลังของทุกส่วนงานทั้ง พนักงาน, ทีมงานขาย, พนักงาน Call Center, พนักงานหน้าร้าน, ทีมงานติดตั้ง, ทีมงาน support รวมทั้ง พันธมิตรทางธุรกิจ ที่ผสานการทำงานด้วยเทคโนโลยี และ Automatic Process ที่เชื่อมต่อกันทั้งระบบ ตั้งแต่ระบบหน้าบ้านที่ติดต่อกับลูกค้า จนถึงระบบหลังบ้านที่จัดการทั้งหมด รวมถึงการทำ Dashboard & Monitoring Tools ที่ช่วยติดตามผล อัพเดทสถานการณ์การดูแลลูกค้าแต่ละบ้านให้เป็นไปตามเงื่อนไข และสามารถแก้ไขทันทีหากเกิดปัญหา
“งานบริการ คือ กลยุทธ์สำคัญที่เป็น Brand DNA ของ AIS ซึ่งได้สร้างความเป็นผู้นำให้แข็งแกร่งมาโดยตลอด ทำให้เรื่องของ Service Innovation กลายเป็นเป้าหมายร่วมกันของทั้งองค์กรที่จะมาเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่จะสร้างความแตกต่างให้กับตลาดที่มุ่งเน้นการแข่งขันไปกับสงครามราคา ซึ่งไม่ใช่แนวทางการทำงานของ AIS Fibre อย่างแท้จริง”
เอไอเอสจะลงทุนพัฒนาโครงข่ายอัจฉริยะให้มีคุณภาพตอบโจทย์การใช้งานลูกค้าในทุกช่วงเวลา ขยายพื้นที่การให้บริการครอบคลุมทุกจังหวัดของประเทศ และเตรียมสรรพกำลังด้วยบุคลากรทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน รองรับความต้องการตั้งแต่การขายไปจนถึงการติดตั้ง ภายใต้ 3 มาตรฐาน คือ “มาตรฐาน การแก้ปัญหาภายใน 24 ชม.” ให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องไม่สะดุด “มาตรฐาน การติดตั้งเร็ว” พร้อมเข้าติดตั้งเพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานได้อย่างเร็วที่สุด “มาตรฐาน ช่างนัดตรงต่อเวลา” ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้ง การให้บริการ หรือการเข้าไปดูแลเพื่อแก้ไขปัญหาการใช้งานในทุกกรณี