HIGHLIGH
- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติมาตรการยกเว้นภาษี Capital Gains Tax เป็นเวลา 10 ปี แก่นักลงทุนไทยและต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในสตาร์ตอัพไทย ภายใต้ 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย
- การยกเว้นภาษีจะทำโดยผ่าน Venture Capital โดยต้องถือหุ้นไม่น้อยกว่า 24 เดือน
- การสนับสนุนและผลักดันมาตรการทางภาษีดังกล่าว เพื่อต้องการส่งเสริมการระดมทุนในสตาร์ตอัพไทย ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งพลังในการเสริมสร้างการลงทุนและกระตุ้นการจ้างงานในประเทศ สร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจไทย
ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธาน สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สภาดิจิทัลฯ เห็นถึงความสำคัญต่อการส่งเสริมการลงทุนสำหรับธุรกิจด้านเทคโนโลยีและสตาร์ตอัพในประเทศไทย จึงร่วมมือกับภาครัฐและองค์กรพันธมิตรผลักดันให้รัฐบาลออกกฎหมายเกี่ยวกับมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการระดมทุนในวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ สตาร์ตอัพ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้สตาร์ตอัพไทยสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการระดมทุนจากนักลงทุนได้เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ สภาดิจิทัลฯ คาดการณ์ว่าจากมาตรการภาษีนี้จะทำให้ภายในปี 2569 มีเงินลงทุนในสตาร์ตอัพไทยเพิ่มขึ้นประมาณ 3.2 แสนล้านบาท และก่อให้เกิดการจ้างงานทั้งทางตรงและทางอ้อมเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 แสนตำแหน่ง รวมถึงเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย โดยคาดว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวม 790,000 ล้านบาท
ช่วยสตาร์ตอัพไทยระดมทุนจากนักลงทุนได้เพิ่มขึ้น-ง่ายขึ้น
“มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการระดมทุนสตาร์ตอัพในครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนให้สตาร์ตอัพไทยสามารถระดมทุนจากนักลงทุนได้เพิ่มขึ้น และง่ายขึ้น ถือเป็นผลงานสำคัญที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของภาครัฐและองค์กรพันธมิตร โดยเฉพาะกรมสรรพากร กระทรวงการคลังซึ่งให้ความสำคัญแก่การระดมทุนของสตาร์ตอัพ จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร (ฉบับที่..) พ.ศ. …..(มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการระดมทุนในวิสาหกิจเริ่มต้น (สตาร์ตอัพ) ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการลงทุนในสตาร์ตอัพไทยที่ประกอบกิจการในอุตสาหกรรมเป้าหมายตามที่คณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายกำหนด” ประธานสภาดิจิทัลฯ กล่าว
ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี
ทั้งนี้ การส่งเสริมการระดมทุนในสตาร์ตอัพ จะเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการลงทุนในสตาร์ตอัพไทยที่ประกอบกิจการในอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ
- อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่
- อุตสาหกรรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ
- อุตสาหกรรมท่องเที่ยวระดับคุณภาพ
- อุตสาหกรรมเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ
- อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหารที่มีมูลค่าเพิ่มสูง
- อุตสาหกรรมหุ่นยนต์
โดยมีหลักการใจความสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ยกเว้น ภาษี Capital Gains Tax ดังนี้คือ
- ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ผู้ลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศสำหรับกำไรจากการขายหุ้นในสตาร์ตอัพ
- ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ CVC ทั้งไทยและต่างประเทศ และ PE Trust ต่างประเทศ สำหรับกำไรจากการขายหุ้นในสตาร์ตอัพ
- ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ผู้ลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศสำหรับกำไรจากการขายหุ้นใน CVC ไทยและจากการที่ CVC ไทยเลิกกิจการ และกำไรจากการขายหน่วยทรัสต์ใน PE Trust ไทยและจากการที่ PE Trust ไทยเลิกกิจการ โดย CVC และ PE Trust ไทย ดังกล่าวเป็น CVC และ PE Trust ที่ลงทุนในสตาร์ตอัพ
สำหรับการลงทุนที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามข้อ 1 – 3 ต้องเป็นการลงทุนในสตาร์ตอัพไทยที่ประกอบอุตสาหกรรมเป้าหมาย และต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด ได้แก่ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สำนักนวัตกรรมแห่งชาติ และมีรายได้จากอุตสาหกรรมเป้าหมายไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของรายได้ทั้งหมดใน 2 รอบระยะเวลาบัญชีก่อนการขายหุ้น - ผู้ลงทุนต้องถือหุ้นหรือหน่วยทรัสต์ไม่น้อยกว่า 24 เดือนก่อนการขายหุ้นหรือหน่วยทรัสต์
- CVC ไทยและ PE Trust ไทยต้องมีทุนไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาทและจดแจ้งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
- ระยะเวลาการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีคือ ตั้งแต่วันถัดจากวันที่พระราชกฤษฎีกาประกาศในราชกิจจานุเบกษาจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2575
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ครม. ผ่านมาตรการภาษีส่งเสริมสตาร์ตอัพ (startup)
เควิชั่น ลงทุน 40 ลห.ใน ซีเนียส Edtech เบอร์ต้นของอินโดฯ หวังเจาะตลาดสินเชื่อเพื่อการศึกษา