เมื่อสมาร์ทวอทซ์ไม่ใช่นาฬิกาสำหรับคนเฉพาะกลุ่มอีกต่อไป GARMIN เจ้าตลาดสมาร์ทวอทซ์ในเซกเมนต์กีฬา (Sport Watch) จึงเดินหน้าขยายฐานตลาดสู่ตลาด Active Lifestyle หรือ ตลาดคนทั่วไปที่มีกิจกรรมและการใช้ชีวิตที่ฟังก์ชันของสมาร์ทวอทซ์สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ ด้วยการใช้กลยุทธ์ความหลากหลายของสินค้าและราคา และใช้การตลาดพรีเซนเตอร์ เปิดตัว “นาย-ณภัทร” แอคทีฟไลฟ์สไตล์พรีเซนเตอร์คนแรก หวังดันยอดขายเติบโตเท่าตัว
- Apple Watch Series 6 นาฬิกาที่ตอบโจทย์คนใส่ใจสุขภาพ
- GARMIN เปิดตัวสมาร์ทวอทช์รุ่น VENU SQ ดีไซน์ทรงเหลี่ยม เอาใจสายแฟชั่นรักสุขภาพ
ไกรรพ เหลืองอุทัย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท จีไอเอส จำกัด ในกลุ่มบริษัทซีดีจี (CDG) ตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยของ บริษัท การ์มิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ตลาดรวมของสมาร์ทวอทซ์และสมาร์ทวอทซ์ในเซกเมนท์กีฬาต่างเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยเฉพาะตลาดรวมของสมาร์ทวอทซ์ที่มีอัตราการเติบโตสูงมาก ทำให้ GARMIN ต้องการขยายฐานตลาดจากสมาร์ทวอทซ์ในเซกเมนท์กีฬาสู่ตลาดสมาร์ทวอทซ์ หรือที่บริษัทเรียกว่า ตลาด Active LIfesytle พร้อมตั้งเป้าเพิ่มยอดขายในตลาดใหม่อีกเท่าตัว
การรุกตลาดใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม บริษัทใช้หลายกลยุทธ์ ตั้งแต่สินค้า (ทั้งฟีเจอร์ฟังก์ชันและดีไซน์) ราคา และการตลาดพรีเซนเตอร์ ในขณะที่รักษาความเป็นผู้นำสมาร์ทวอทช์สำหรับกีฬาและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายเดิม
จุดเด่นของ GARMIN คือ แบตเตอรี่ที่อึด ช่วยเพิ่มเวลาทำกิจกรรมที่ชอบได้นานมากขึ้น เสริมความเป็นไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานด้วยดีไซน์รูปทรงและขนาดหน้าปัดที่หลากหลาย ผลิตจากวัสดุที่ทนทาน
ทั้งยังดึงจุดแข็งด้านฟีเจอร์ที่สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถตรวจวัดสุขภาพเบื้องต้นด้วยตนเอง และนำไปวางแผนกิจกรรมในชีวิตประจำวันเพื่อเสริมสุขภาพที่ดีให้กับตนเองได้ง่ายขึ้น
มีฟังก์ชันการติดตามสุขภาพพื้นฐานสำหรับการเฝ้าระวังสุขภาพง่าย ๆ ด้วยตนเอง (Health Self-monitoring) เช่น ฟังก์ชันเฝ้าสังเกตการนอนหลับ (Sleep Monitoring) ฟังก์ชันความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (PulseOx) ฟังก์ชันการเฝ้าสังเกตความเครียด (Stress Monitoring) และฟังก์ชันตรวจวัดความพร้อมของร่างกายและระดับพลังงาน (Body Battery)
นอกจากนี้ ยังเสริมด้วยไลฟ์สไตล์แอปพลิเคชัน ตอบโจทย์กิจกรรมในทุกจังหวะของชีวิต ที่ไม่ใช่เพียงแค่กีฬาหรือสุขภาพ แต่ยังครอบคลุมไปถึงไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานในแต่ละช่วงที่แตกต่าง ด้วยแอปพลิเคชันที่ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมเองได้ เช่น การจับจังหวะการเล่นดนตรี (Metronome) การคำนวณอัตราการเผาผลาญพลังงานจากการทำงานบ้าน (Work+) และการกำหนดลมหายใจเป็นจังหวะเพื่อผ่อนคลาย (Breathwork)
ส่วนกลยุทธ์ด้านราคานั้น GARMIN ส่งสินค้ารุ่น Entry Level สู่ตลาดด้วยราคาเริ่มต้น ตั้งแต่ 3,000 บาท จนถึงประมาณ 100,000 บาท
“ลูกค้ากลุ่มใหญ่ของ GARMIN ในปัจจุบัน คือ กลุ่มที่ใช้สมาร์ทวอทช์ในราคาประมาณ 10,000-20,000 บาท วันนี้เราแนะนำ 2 รุ่นเรือธงที่จะช่วยกวาดส่วนแบ่งการตลาดในตลาดสมาร์ทวอทซ์ คือ รุ่น Venu ราคาเริ่มต้น 14,500 บาท และรุ่น Instinct Solar ราคาเริ่มต้น13,990 บาท พร้อมสีให้เลือกตามสไตล์ของผู้สวมใส่มากกว่า 11 สี
การตลาดพรีเซนเตอร์ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการขยายฐานตลาดของ GARMIN ไกรรพ กล่าวว่า บริษัทได้เปิดตัว “นาย” ณภัทร เสียงสมบุญ นักแสดงหนุ่มตัวแทนคนรุ่นใหม่ ลุคคูล มีสไตล์ เต็มเปี่ยมด้วยพลังในทุกกิจกรรมที่ทำมาเป็นไลฟ์สไตล์พรีเซนเตอร์ สมาร์ทวอทช์ GARMIN คนแรกของไทย ภายใต้แคมเปญ “Every Beat of Life” สมาร์ทวอทช์สำหรับทุกจังหวะชีวิต เป็นการขยายตลาดไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ผู้มี Active Lifestyle เพื่อสื่อสารออกไปในตลาดว่า GARMIN ไม่ใช่สมาร์ทวอทช์สำหรับกลุ่มที่ชอบออกกำลังกายเท่านั้น แต่ GARMIN ยังเป็นสมาร์ทวอทช์ที่ใครก็ใส่ติดตัวได้ในทุกที่ ทุกกิจกรรมที่ทำ ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น เรียบหรู ในราคาที่สมเหตุสมผลจับต้องได้
“เราตั้งเป้าจะขยายส่วนแบ่งการตลาดกลุ่ม Active Lifestyle ขึ้นมาอีกเท่าตัว เพราะตลาดนี้ค่อนข้างใหญ่ เรามีความมั่นใจมากกับตัวผลิตภัณฑ์ รวมถึงพรีเซ็นเตอร์ที่เราเปิดตัวในวันนี้ ‘นาย-ณภัทร’ จะเข้ามาช่วยดันยอดขายได้”
โดยเน้นผู้ใช้งานตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป ซึ่งจากสถิติของ GARMIN ผู้ใช้งานใหม่ในช่วงอายุ 20 -30 ปี โตขึ้นกว่า 12% และผู้ใช้งานในช่วงอายุที่ต่ำกว่า 20 ปี เพิ่มมากขึ้นกว่า 19% ทั้งสองกลุ่มนี้มีตัวเลขการเติบโตที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับตัวเลขตลาดสมาร์ทวอทช์ที่เติบโตสูงถึง 31.1% ในครึ่งปีแรก ตอบรับเทรนด์เทคโนโลยีและการดูแลสุขภาพของคนรุ่นใหม่ในยุค New Normal
“จำนวนคนใช้ GARMIN ตามงานอีเวนต์ต่าง ๆ มากกว่าแบรนด์อื่น ๆ ซึ่งเราเชื่อว่าส่วนหนึ่งมาจากการที่ GARMIN มีประวัติมายาวนานถึง 25 ปี ในการสร้างแบรนด์และผลิตภัณฑ์ เราเป็นเจ้าแรก ๆ ในโลกที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ออกกำลังกาย และทำได้ดีทั้งในด้านคุณภาพและฟีเจอร์”
อย่างไรก็ดี ไกรรพ กล่าวต่อว่า หลังวิกฤติรอบนี้ผ่านไปเชื่อว่ายอดขายจะกลับมา เพราะปีนี้ยอดขาย GARMIN ถูกกระทบจากการที่ห้างถูกปิด ทำให้ต้องขายออนไลน์มากขึ้น หลังจากนี้จะต้องปรับแผนเยอะมาก ดังนั้น ยอดขายดดยรวมสำหรับปีนี้ตั้งเป้ารักษายอดขายให้เท่าปีที่ผ่านมา
“ตลาดปีนี้ถูกกระทบหนักจากวิกฤติโควิด และสภาพเศรษฐกิจ กำลังซื้อคนลดลง ประกอบกับเราเพิ่งมีรุ่นเริ่มต้นที่ราคาจับต้องได้สำหรับคนทั่วไปกลุ่มใหญ่มากขึ้น เราตั้งเป้าว่ายอดขายในตลาดเซกเมนท์ Active Lifestyle จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวจากเดิมที่เราทำได้ในตลาด Sport Watch การรุกไปในตลาดใหม่เราจะต้องมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมา อีกส่วนหนึ่ง คือ จะต้องได้รับแรงสนับสนุนจากบริษัทแม่มากขึ้น เพื่อเข้ามาช่วยพลิกตลาดในประเทศไทย” ไกรรพ กล่าวทิ้งท้าย