เจ เวนเจอร์ส ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีด้าน Digital Transformation ประกาศความพร้อมในการนำ “JFIN Chain” บล็อกเชนสัญชาติไทย เชื่อมต่อแพลตฟอร์มการเงินไร้ตัวกลาง “Liquid Crypto” อย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อขยายการเติบโตของบล็อกเชนอีโคซิสเต็มสู่ต่างประเทศ ซึ่งการทำงานผ่าน Liquid Crypto จะช่วยให้ผู้ใช้งานไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ หรือนักพัฒนาแอปพลิเคชัน มีความสะดวกในการทำธุรกรรมจากต่างประเทศ ผ่าน Liquid+ จาก Liquid Crypto แพลตฟอร์มที่ปราศจากตัวกลาง ซึ่งมั่นใจได้ว่ามาพร้อม Smart Contact ที่ปลอดภัยและตรวจสอบได้ นั้นจะช่วยให้ทุกธุรกรรมทำงานเต็มประสิทธิภาพ และรวดเร็ว
ธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า “JFIN Chain มุ่งสร้าง Infrastructure Blockchain สำหรับองค์กรและธุรกิจในประเทศไทย และต้องการที่จะขยายการใช้งานให้เติบโตไปในระดับภูมิภาค ดังนั้น การร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ต่างประเทศ จึงเป็นอีกภารกิจของเรา เรามีความภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับพันธกิจของ Liquid Crypto แพลตฟอร์มการเงินไร้คนกลางจากออสเตรเลีย ต้องชื่นชมในประสบการณ์ความรู้และแนวทางการทำงาน ที่สร้างสรรค์ของทีม ที่ช่วยลดความซับซ้อนของการทำงานที่น่าจะรองรับการใช้งานให้แก่องค์กร และนักพัฒนาที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของ JFIN Chain ได้เป็นอย่างดี และเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าทีม Liquid Crypto มีคุณสมบัติพร้อมในการขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงและสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อ JFIN Chain Ecosystem ให้เติบโตตามที่เราตั้งใจ”
Choua Lee (ชัว ลี) ผู้ร่วมก่อตั้ง Liquid Crypto กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า“เราเชื่อมั่นว่า ความเชี่ยวชาญและทรัพยากรของเจ เวนเจอร์ส และ JFIN Chain จะช่วยเสริมศักยภาพของเรา และช่วยผลักดันให้เรานำเสนอนวัตกรรมเหนือระดับ พร้อมสร้างความพึงพอใจแก่ผู้ใช้งาน ความร่วมมือครั้งนี้ คือเครื่องพิสูจน์ความมุ่งมั่น เพื่อส่งมอบคุณค่าที่เหนือชั้นให้แก่ลูกค้าทุกคนของเรา”
“Liquid Crypto เป็นแพลตฟอร์มทางการเงินแบบไร้ตัวกลางชั้นนำของประเทศออสเตรเลีย ออกแบบมาเพื่อที่จะขับเคลื่อนนวัตกรรมการเงินแบบไร้ตัวกลางให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถทำธุรกรรมได้ครบถ้วนง่ายดายในแพลตฟอร์มเดียว ผ่านเครือข่าย Omnichain ที่ปิดช่องว่างระหว่างแพลตฟอร์มที่ต้องผ่านตัวกลาง สู่แพลตฟอร์มแบบไร้ตัวกลาง Liquid Crypto เล็งเห็นถึงศักยภาพในการนำเทคโนโลยี AI ที่ทั่วโลกให้ความสนใจมาผสานกับเทคโนโลยี Web3 ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างปลอดภัยและคุ้มค่าที่สุด”
การร่วมมือระหว่าง JFIN Chain และ Liquid Crypto เป็นอีกก้าวสำคัญของการขยายการเติบโต ของบล็อกเชนสัญชาติไทย ให้สามารถเชื่อมต่อไปสู่ผู้ใช้งานในต่างประเทศ รองรับการสร้างนวัตกรรม บนเทคโนโลยีบล็อกเชนของเหล่านักพัฒนาทั้งไทยและต่างชาติ ซึ่งจะช่วยให้อีโคซิสเต็ม ของบล็อกเชนนี้ เติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไปในอนาคต
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
กำเนิดแพลตฟอร์มแห่งชาติ ‘เป๋าตัง’
