แม้ปี 2021 นี้จะเป็นอีกหนึ่งปีแห่งประวัติศาสตร์ที่ทั่วโลกต้องจดจำ เมื่อมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งเครือข่ายสังคมออนไลน์ชื่อดังระดับโลกอย่างเฟซบุ๊ก ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นเมตา (Meta) พร้อมแสดงวิสัยทัศน์มุ่งสู่จักรวาลโลกเสมือนอย่าง เมตาเวิร์สที่เจ้าตัวเชื่อว่าจะเป็นโอกาสทางธุรกิจอันมหาศาลในอนาคต กระนั้น การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการทำงานโดยรวมของบริษัทเมตา (หรือเฟซบุ๊กในอดีต) สักเท่าไรนัก
แดน เนียรี่ รองประธานกรรมการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของเมตา กล่าวกับสื่อในงาน เสวนาออนไลน์ APAC Press Day เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาว่า สิ่งที่เปลี่ยนไปมีเพียงแค่วิสัยทัศน์ พันธกิจ และบทบาทของเมตาที่ชัดเจนมากขึ้น ในการที่จะเป็นผู้สนับสนุนเชื่อมโยงให้ผู้คน ชุมชน และโลกธุรกิจ เข้าถึงโลกของเมตาเวิร์ส และได้รับโอกาสจากโลกเมตาเวิร์สได้อย่างเท่าเทียม
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาก่อนจะเปลี่ยนชื่อบริษัท เมตาก็มุ่งหน้าเร่งเครื่องเต็มที่สู่เมตาเวิร์สอยู่แล้ว โดยแดน เน้นย้ำชัดเจนว่า เมตาเวิร์ส ไม่ใช่สิ่งที่เฟซบุ๊กหรือเมตาสร้างขึ้นมา แต่เป็นเฟซบุ๊กต่างหากที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับโลกของเมตาเวิร์ส ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่หลักของเมตา หรือ เฟซบุ๊ก ที่จะเป็นผู้สนับสนุน (supporter) ในการช่วยประคับประคองจูงมือผู้คนให้ผ่านประตูสู่โลกของเมตาเวิร์ส รวมถึงการช่วยหาพื้นที่ยืนของตนเองได้อย่างแข็งแกร่งต่อไป
สำหรับในปี 2022 ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แดนเปิดเผยว่า ทางทีมงานของตน รวมถึงฝ่ายการตลาดของเมตา ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้ทำการศึกษาเพื่อคาดการณ์เทรนด์สังคมออนไลน์ที่จะกลายเป็นกระแสซึ่งมีอิทธิพลในการกำหนดบทบาทธุรกิจในปีหน้า โดยแม้เทรนด์ดังกล่าวบางตัวอาจเพิ่มเริ่มตั้งไข่ และอีกหลายตัวยังคงต้องใช้ระยะเวลาอีกสักพักกว่าจะพัฒนาไปถึงขีดความสามารถขั้นสุด แต่อย่างน้อยที่สุดเทรนด์ดังกล่าวก็มีแต่จะขยายตัวเติบโตขึ้นแบบที่ไม่มีอะไรสามารถฉุดรั้งได้อย่างแน่นอน
เทรนด์ที่เมตาคาดการณ์ไว้ว่าจะต้องมาแน่ ๆ และมาอย่างโดดเด่นในปี 2022 ประกอบด้วยกันอย่างน้อย 5 เทรนด์หลักคือ
1) Virtual and Augmented Reality หรือ เทคโนโลยี VR กับ AR จากแต่เดิมที่จำกัดผู้ใช้งานอยู่แค่ในเกม หรือแวดวงวิจัยพัฒนา ปีหน้า VR กับ AR จะถูกนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น เช่นการลองเสื้อผ้า หรือรองเท้า หรือการทำงานทางไกล เป็นต้น
2) Business Messaging กล่าวคือแพลตฟอร์มออนไลน์จะกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือหลักที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอีคอมเมิร์ซ การที่ผู้คนมีช่องทางในการพูดคุยกับบริษัทห้างร้านได้โดยตรงย่อมเป็นความได้เปรียบ
ส่วนข้อที่ 3) คือ Mega Sale Days ถือเป็นกิจกรรมส่งเสริมการขายออนไลน์ที่ขาดไม่ได้ไปเสียแล้ว สำหรับอีเวนต์พิเศษประจำเดือนที่นอกจากจะต้องสร้างบรรยากาศให้คนอยากมาช้อปปิ้งออนไลน์แล้ว ยังต้องเป็นกิจกรรมที่สร้างความบันเทิงควบคู่ไปกับการให้ข้อมูลแนะนำกระแสความนิยม หรือของดีที่ไม่ใช่แค่ถูกที่สุด แต่ต้องดีที่สุดและมีเรื่องราวโดนใจชวนให้ใช้งานหรือหาซื้อเป็นเจ้าของ
ข้อ 4) คือ Creators คือเหล่านักสร้างสรรค์คอนเทนต์ในรูปแบบต่าง ๆ โดยผลการสำรวจของ AnyMind Research พบว่าในช่วงปี 2021 ที่ผ่านมา การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้จำนวนครีเอเตอร์ ในฐานะอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามตั้งแต่ 100,000 – 1 ล้านคนเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก เฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การเติบโตของอินฟลูเอ็นเซอร์มีมากถึง 66 % โดยประเทศที่มีอินฟลูเอนเซอร์เกิดขึ้นมากที่สุดคือ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เกาะไต้หวัน และไทย ขณะที่ CB Insights ประเมินว่า ธุรกิจของเหล่าครีเอเตอร์ในปี 2021 นี้มีมูลค่าสูงถึง 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ และครีเอเตอร์จะยิ่งมีบทบามากขึ้นเรื่อย ๆ ท่ามกลางความหลากหลายของช่องทางในการเข้าถึงผู้บริโภค
และ 5) Video กล่าวคือวีดีโอจะกลายเป็นสื่อทรงพลังในการสื่อสารบอกเล่าเรื่องราวกับผู้คน โดยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกคาดว่าจะมียอดผู้ชมวีดีโอผ่านโลกออนไลน์พุ่งขึ้นกว่า 2,000 ล้านคนในปีหน้า มากกว่าที่คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้า และผู้คนมีแนวโน้มจะใช้เวลาในการดูวีดีโอบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ มากกว่า การสู่ตามสื่อดั้งเดิมอย่างโทรทัศน์อีกต่อไป
ทั้งนี้ ภายใต้ 5 เทรนด์หลักที่จะมาแน่นอนในปี 2022 นี้ ทางเมตาได้มีการปรับแนวทางธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับ 4 ภาคส่วนหลัก ๆ โดยทั้งหมดนี้มีเป้าหมายสำคัญหนึ่งเดียวคือการช่วยเตรียมความพร้อมให้ภาคธุรกิจต่าง ๆ ก้าวเข้าสู่โลกอนาคตได้อย่างมั่นใจ เป็นความรับผิดชอบของเมตาในการช่วยสร้างเมตาเวิร์ส เชื่อมโยงผู้คนให้สามารถหาพื้นที่ของตนเอง และทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคงแข็งแกร่ง
แองเจลล่า แบสสิเคตติ ผู้อำนวยการฝ่าย Creative Shops ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า 4 พื้นที่หลักที่เมตาจะมุ่งให้ความสำคัญมากขึ้น ก็คือ
1) ความปลอดภัยมั่นคงของแพลตฟอร์มออนไลน์ รวมถึงการเป็นพื้นที่ในการช่วยรับมือกับสถานการณ์อย่างกรณีการระบาดของไวรัสโควิด-19
แองเจลล่า อธิบายว่า ปี 2022 ยังคงเป็นปีที่ต้องจับตามองในเรื่องของไวรัสโควิด -19 ดังนั้น หน้าที่ของเมตาก็คือการจัดการกับความเข้าใจผิด ช่วยเผยแพร่ข่าวสารที่ถูกต้อง และร่วมรณรงค์ให้ผู้คนได้เข้าถึงและรับการฉีดวัคซีน ขณะที่ในส่วนของความปลอดภัย เมตาได้ขยายทีมงานมากกว่า 40,000 คน และลงทุนเพิ่มเติมอีก 13 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อช่วยให้ผู้คนใช้งานแพลตฟอร์มได้อย่างปลอดภัย โดยครอบคลุมความโปร่งใสในการจัดการ ข้อความhate speech, การข่มขู่คุกคาม การละเมิด การรังแก และการใช้ความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ ภายใต้การทำงานของระบบ AI ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคด้านวัฒนธรรมและภาษาได้อย่างลงตัว
ด้าน แคเรน ทีโอ รองประธานกรรมการกลุ่มธุรกิจระดับโลก ฝ่ายธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า การสนับสนุนเพื่อช่วยให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กในภูมิภาคเอเชียแปซิกฟิกสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงคือประเด็นข้อที่สองที่เมตาจะให้ความสำคัญในปี 2022
ในปี 2022 เมตาได้เริ่มตั้งศูนย์เพื่อธุรกิจขนาดเล็กที่ให้ผู้ใช้งานที่เป็นเจ้าของธุรกิจเข้าถึงผ่านแอปพลิเคชัน ในการสร้างหน้าร้านเสมือนจริงบนโลกออนไลน์และเข้าถึงลูกค้า ซึ่งเมตาตั้งเป้าจะขยายบริการให้มีผู้ใช้งานมากกว่าปัจจุบันที่อยู่ที่ราว 200 ล้านคน ขณะเดียวกัน ก็เดินหน้าจัดกิจกรรมเวิร์คช็อปฝึกอบรมออนไลน์ โดยคำนึงถึงบริบทแวดล้อมของแต่ละประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ทั้งนี้ แคเรน เปิดเผยว่า ในช่วงปี 2021 ที่ผ่านมานี้ ยอดขายธุรกิจขนาดเล็กส่วนใหญ่เกิดขึ้นผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยเกือบ 50 % ของธุรกิจขนาดเล็กบนเฟซบุ๊กยอมรับว่ายอดขายของธุรกิจออนไลน์ของตนในช่วงปีนี้อย่างน้อย 25% เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ดังนั้น การสนับสนุนให้ธุรกิจขนาดเล็กใช้แพลตฟอร์มออน์ไลน์ รวมถึงเครื่องมือต่าง ๆ ของเฟซบุ๊กเพื่อให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งจึงเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญ
นอกจากนี้ ทีมตัวแทนจากเมตายังให้คำแนะนำกับผู้ประกอบการขนาดเล็กที่สนใจจะดันธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในปี 2022 ว่า จะต้องรู้จักใช้ช่องทางสื่อสารออนไลน์ในการศึกษาทำความเข้าใจกับความต้องการของลูกค้า จัดทำเนื้อหาวีดีโอแนะนำสินค้าและบริการให้เข้าใจง่ายที่สุด และเตรียมความพร้อมกับกิจกรรมโปรโมทพิเศษอย่าง Mega Sales Days ทั้งหลาย
ในส่วนของพื้นที่ส่วนที่ 3 ที่เมตามุ่งให้ความสำคัญ คือ การเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีในการใช้บริการสื่อสังคมออไลน์ของเมตาให้ครอบคลุมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรม Reels บนอินยสตาแกรม ระบบสนทนาสด หรือ Live Audio Room, HORIZON WORKROOMS สำหรับพื้นที่ทำงานร่วมกันบนโลกเสมือน, คอลเล็คชั้นแว่นตาอัจฉริยะ RAY-BAN STORIES, โปรแกรม PORTAL+ and PORTAL GO และพื้นที่สำหรับร้านค้า
แดน กล่าวว่า ด้วยจำนวนธุรกิจขนาดเล็กที่พึ่งพาเครื่องมือดิจิทัลมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น ทางเมตาจึงเดินหน้าลงทุนผลิตภัณฑ์และเครื่องมือใหม่ ๆ เพื่อให้ความช่วยธุรกิจในการเชื่อมโยงกับลูกค้า ตลอดจนการบริหารจัดการธุรกิจรายวัน
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก รีแบรนด์ Facebook เป็น Meta ลุยโลกเสมือน Metaverse
