ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) มั่นใจขึ้นแท่น Regional Compnay สิ้นปี 2565 หลังดัน ANI เข้าตลาดหลักทรัพย์ เดินหน้าเติบโตด้วยกลยุทธ์ Operating Holding
ทริพเพิล ไอ ตั้งเป้าว่าภายใน 2 ปีรายได้จากการทำธุรกิจใหม่ ๆ จะมีสัดส่วน 50% ของรายได้รวมของทริพเพิล ไอ เป็นทั้งการขยายธุรกิจให้เติบโตให้เร็วมากขึ้น และเป็นการกระจายความเสี่ยงโดยไม่พึ่งพิงรายได้จากธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง ซึ่ง ทริพเพิล ไอ ตั้งเป้าการเติบโตของบริษัทไม่ต่ำกว่า 20% ในปี 2565 ด้วยกลยุทธ์ Operating Holding ทำให้รายได้การเติบโตจะมาจากการรับรู้ผลการลงทุนในบริษัทต่าง ๆ
ทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทริพเพิล ไอ ผู้นำโลจิสติกส์ครบวงจรของไทย กล่าวว่า การเติบโตของ ทริพเพิล ไอเป็นการเติบโตแบบกลยุทธ์โฮลดิ้ง (Operating Holding) การเติบโตของ ทริพเพิล ไอ จะถูกขับเคลื่อนด้วยการเติบโตของธุรกิจที่ไปร่วมทุน ในขณะที่ธุรกิจหลักเดิม 4 หน่วยธุรกิจจะยังคงเติบโตเช่นกันแต่เติบโตในอัตราที่ต่ำกว่า
ดัน ANI เข้าตลาดฯ
ANI จะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ทำให้ภาพรวมของธุรกิจทริพเพิล ไอ เติบโตทั้งในเรื่องเครือข่าย การขยายพื้นที่ในการทำธุรกิจ รวมไปถึงการขยายตัวเลขผลประกอบการที่จะเติบโตขึ้น
ด้วยการตั้งเป้าเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ในระดับภูมิภาค ทริพเพิล ไอ เดินหน้าซื้อกิจการ DGP ในสิงคโปร์ และ Around Logistics ในฮ่องกง พัฒนาต่อเนื่องมาเป็น ANI หรือ บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด ซึ่ง ANI ตัวแทนบริหารโลจิสติกส์ให้สายการบิน เป็นบริษัทระดับภูมิภาค มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพ ผลประกอบการกว่า 70% มาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย มาจากในประเทศไทยประมาณ 30%
“ทริพเพิล ไอ ถือหุ้นใน ANI อยู่ 50.4% เราจะใช้บริษัท ANI ในไทย เป็นบริษัทแม่ที่จะ spin off บริษัทลูก และตั้งใจนำ ANI เข้าตลาดฯ ในไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งหากเรียบร้อยจะทำให้ ANI เป็นบริษัทระดับภูมิภาคที่ชัดเจน และเป็นรูปแบบธุรกิจเดียวที่มีอยุ่ในตลาดหลักทรัพย์ ที่จะเป็นตัวแทนสายการบิน บริหารให้กว่า 20 สายการบินทั่วเอเชีย และพร้อมที่จะระดมทุน เพื่อที่จะขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต”
ANI เป็นบริษัทลูกของทริพเพิล ไอ ที่มีขนาดรายได้ไตรมาส 1/2565 ที่ 1,500 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 125 ล้านบาท ตามแผนคือนำ ANI เข้าระดมทุนในตลาดฯ และนำเงินไปซื้อกิจการกลุ่มบริษัท เอเชีย จีเอสเอ (เอ็ม) เซินดิเรียน เบอร์ฮัด (ASIA GSA (M) Sdn. Bhd. ที่เหลืออีก 80% (ก่อนหน้านี้ ANI ซื้อไปแล้ว 20%) ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท
รุกขนส่งทางราง
แผนขยายธุรกิจการขนส่งทางรางของทริพเพิล ไอ ปีนี้จะเป็นการวางรากฐานการขนส่งทางราง เส้นทางรางระหว่างประเทศเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟสายจีน-สปป.ลาว ทริพเพิล ไอ เห็นโอกาสนี้มาและเริ่มให้บริการขนส่งทางรางในประเทศรองรับไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และพร้อมที่จะเชื่อมกับบลาวและเข้าไปจีน
ล่าสุด ทริพเพิล ไอ เตรียมตั้งบริษัทร่วมทุนร่วมกับ Sitthi Logistics Laos (Sitthi) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์และคลังสินค้าครบวงจรชั้นนำในประเทศลาว เพราะลาวจะเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมจีนกับอาเซียนทั้งหมด รายได้จะเริ่มทยอยเข้ามาในครึ่งปีหลัง และจะมีการเติบโตชัดเจนในปี 2566 ซึ่งการขนส่งทางรางจีนเป็นประเทศหลัก แต่ปีนี้มีการล็อกดาวน์ในจีนอาจจะทำให้การขยายธุรกิจตรงนี้อาจจะชะลอตัว แต่เป็นอนาคตของธุรกิจขนส่งทางรางระหว่างประเทศที่ทริพเพิล ไอเตรียมผลักดันตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป
“ทริพเพิล ไอ ลงทุนร่วมจัดตั้ง Sitthi Logistics ในสัดส่วน 50% ของงบลงทุน 10 ล้านบาท”
ปรับโครงสร้าง ขยายธุรกิจใหม่
จากการเข้าไปร่วมลงทุนกับสบาย เทคโนโลยี และเข้าซื้อกิจการบริษัท เอ.ที.พี.เฟรนด์ เซอร์วิส จํากัด (Shipsmile) ซึ่งเป็นธุรกิจจุดรับส่งพัสดุ (drop-off) และ express shop ในระบบแฟรนไชส์ ปัจจุบันมีการปรับโครงสร้างและมีการทำธุรกิจ drop-off โดยเฉพาะ ภายใต้ชื่อบริษัท สบาย สปีด จำกัด (SBS) ซึ่งสบาย สปีดจะมีบริษัทลูกอีก 5-6 บริษัททำให้เครือข่ายของ Shipsmile มีเครือข่ายอยู่ 12,000 สาขา ตั้งเป้าเป็น 20,000 สาขาภายในสิ้นปีนี้ เพื่อที่จะต่อยอดสร้างเครือข่ายและระบบนิเวศต่าง ๆ ทั้งระบบเดลิเวอรี่ โลจิสติกส์ และบริการชำระเงิน และบริการเคาน์เตอร์เซอร์วิส ซึ่งมีแนวโน้มที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด
ทั้งนี้ SBS จะเป็นผู้ดําเนินธุรกิจการให้บริการจุดรับส่งพัสดุ และธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องแบบครบวงจร เพิ่มบริการอื่นๆ นอกจากการเป็นจุดรับส่งพัสดุ ได้แก่ บริการขายประกันขนส่ง ประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ บริการต่อพรบ. บริการรับชำระค่าสาธารณูปโภคและค่าโทรศัพท์ เป็นต้น
ซึ่งทริพเพิล ไอ ลงทุนในปี 2564 จำนวน 150 ล้านบาทในบริษัท เอ.ที.พี.เฟรนด์ เซอร์วิส จํากัด (Shipsmile) ล่าสุดมีการปรับโครงสร้างการถือหุ้น โดยการขายหุ้นบริษัท เอ.ที.พี.เฟรนด์ เซอร์วิส จํากัด (Shipsmile) 43% ให้กับบริษัท สบาย สปีด จำกัด (SBS) ซึ่งเป็นโฮลดิ้ง ภายหลังการปรับโครงสร้าง ทริพเพิลไอ จะเข้าถือหุ้น SBS ในสัดส่วน 18% และมีแผนจะนำ SBS เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไปในอนาคต
“ทั้งหมดคือไฮไลท์ที่จะทำให้ทริพเพิล ไอ เติบโตอย่างน้อย 20% ได้แก่ การเติบโตใหม่ ๆ ที่บริษัทจะทำ ทั้ง ANI ที่จะเป็นบริษัทโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค การขนส่งทางราง และสบายสปีด ส่วนธุรกิจเดิมทั้ง 4 กลุ่ม ทั้งการขนส่งทางเรือ ทางอากาศ โลจิสติกส์สำหรับสินค้าเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย และโลจิติกส์แมเนจเมนต์ที่ทำเรื่อง fulfillment ให้กลุ่มอีคอมเมิร์ซ ก็ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป”
4 ธุรกิจก็ยังโฟกัสอยู่ตลอด แต่จะไม่สามารถเติบโตก้าวกระโดดได้ แต่ทริพเพิล ไอ ใช้ธุรกิจหลักเดิมเพื่อต่อยอดขยายสู่ธุรกิจใหม่ ซึ่ง ทริพเพิล ไอจะเติบโตคู่กันไประหว่างธุรกิจหลักและการลงทุนในธุรกิจใหม่
ปี 2565 ตลาดขนส่งระหว่างประเทศฟื้นตัว
ทิพย์ กล่าวว่า จากสัญญาณการเติบโตของธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสแรก หลายประเทศทั้งภูมิภาคยุโรป และเอเชีย เริ่มผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ ทำให้แนวโน้มปริมาณเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น
โดยจะเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 นี้ ทำให้บริษัทฯ มีอุปทานของพื้นที่ระวางขนส่งสินค้าทางอากาศให้บริการแก่ลูกค้ามากขึ้น นับเป็นปัจจัยบวกต่อแผนการแตกธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน ของ ANI
ผลประกอบการของ บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ในไตรมาส 1/2565 มีรายได้รวม 745 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 112.73 ล้านบาท เติบโตกว่า 45.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
“เป็นตัวเลขที่เราค่อนข้างพอใจ เพราะโดยทั่วไปของธุรกิจนี้ แม้ในไตรมาสแรกจะมีปัจจัยภายนอกกระทบ ทั้งเป็นช่วงที่มีความต้องการขนส่งสินค้าน้อยสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นของปี รวมถึงการมีวันหยุดยาว อีกทั้งเมื่อเดือนมีนาคม ยังมีการล็อคดาวน์ของจีน ซึ่งกระทบเราที่มีธุรกิจในเอเชียและจีนมาก แต่เรายังสามารถสร้างการเติบโตได้ และเทียบกับไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งปกติเป็นช่วงพีคสุดของปี ตัวเลขการเติบโตต่างกันเพียง 1%” ทิพย์ กล่าว
การเติบโตในไตรมาสแรก เป็นผลจากการพัฒนาธุรกิจใหม่ ๆ ที่มาจากการเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับโลจิสติกส์ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีการรับรู้ส่วนแบ่งกําไรอย่างโดดเด่น จากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า ขณะที่ยังรักษาระดับการทำกำไรจากธุรกิจหลักในกลุ่มบริหารจัดการโลจิสติกส์ โดยเฉพาะการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ
ทิพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ธุรกิจดังกล่าวจะยังสามารถเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งการขนส่งสินค้าทางทะเลและทางอากาศ ที่บริษัทฯ ได้ให้บริการเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้า จากสถานการณ์ตู้ขนส่งสินค้าขาดแคลน ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเน้นการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไม่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ได้แก่ สินค้ากลุ่มอาหาร ผลไม้ ยาและเวชภัณฑ์
กลยุทธ์การเติบโตในไตรมาส 2/2565 สำหรับกลุ่มธุรกิจหลัก บริษัทฯ ได้ขยายการให้บริการขนส่งทางราง โดยวางภาพไว้ครอบคลุมทั้งภายในประเทศ และระหว่างประเทศ
ในส่วนของการขนส่งในประเทศ เริ่มทดลองให้บริการตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 และจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 นี้ ซึ่งเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม นำร่องจากเส้นทางลาดกระบัง-ราชบุรี จำนวน 3 เที่ยวต่อสัปดาห์ และเตรียมแผนขยายบริการไปยังเส้นทางอื่น ๆ ที่มีศักยภาพ ได้แก่ ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นต้น
สำหรับระหว่างประเทศ บริษัทฯ มีความร่วมมือกับบริษัท Sitthi Logistics Laos (Sitthi) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์และคลังสินค้าครบวงจรชั้นนำในประเทศลาว เพื่อร่วมกันพัฒนาธุรกิจการเป็นตัวแทนให้บริการขนส่งทางรางระหว่างประเทศ คาดว่าจะเริ่มให้บริการตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 65 อีกทั้งถือเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับเป้าหมายหลัก ในการให้บริการขนส่งทางรางระหว่างประเทศ เพื่อเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจีน-สปป.ลาว
“ภายในสิ้นปีนี้บริษัทฯ จะสามารถผลักดันเป้าหมาย การก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค ที่ครอบคลุมทั้งระบบการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศ ทางเรือ และทางราง ผ่านการขยายการลงทุนและความร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตร” ทิพย์ กล่าว
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
แปลงขยะอินทรีย์วัสดุเหลือใช้การเกษตรเป็น ‘พลาสติกชีวภาพ’ รับเทรนด์ ESG
‘โรงเรียนต้นแบบ Coding’ ปั้นครูพันธุ์ใหม่ เสริมทักษะโปรแกรมมิ่งในห้องเรียนจริง