TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessดีแทค เผยผลประกอบการ 9 เดือน กำไรสุทธิ 1.4 พันลบ.

ดีแทค เผยผลประกอบการ 9 เดือน กำไรสุทธิ 1.4 พันลบ.

ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/63 ดีแทคมีฐานลูกค้าจำนวนทั้งสิ้น 18.7 ล้านราย ลดลง 107,000 รายในไตรมาสนี้ ซึ่งน้อยกว่าการลดลงในไตรมาสที่แล้วอย่างมีนัยสำคัญ จํานวนลูกค้าที่ลดลงเป็นผลจากการฟื้นตัวที่ล่าช้าและการแข่งขันที่มีความรุนแรง

รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่า IC ในไตรมาส 3/63 ลดลงร้อยละ 1.7 จากไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 7.6 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่รายได้จากค่าบริการหลักในไตรมาส 3/63 ลดลงร้อยละ 1.4 จากไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

EBITDA ลดลงร้อยละ 4.3 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 3.0 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจากรายได้ที่ลดลง

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความไม่แน่นอนในส่วนของรายได้ แต่ EBITDA margin (normalized) ของผลประกอบการ 9 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ร้อยละ 46.8 ซึ่งสูงกว่าระดับก่อนโควิด-19 อันเป็นผลมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ กำไรสุทธิสำหรับไตรมาสที่ 3/63 มีมูลค่าจำนวน 1.4 พันล้านบาท

ดิลิป ปาล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการเงิน บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า แม้ว่าการเติบโตของรายได้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนและสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ดีแทคมั่นใจในการบริหารจัดการทางการเงินที่มีวินัย ไตรมาสนี้เป็นอีกไตรมาสหนึ่งที่ดีแทคยังคงไม่เห็นการกลับมาของนักท่องเที่ยวตลอดทั้งไตรมาส

“เรายังคงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาบริการเพื่อสร้างประสบการณ์เครือข่ายที่ดีที่สุดแก่ฐานลูกค้าคนไทยพร้อมไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ซึ่งเมื่อรวมกับการเดินหน้าเปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิทัล เรามั่นใจว่าดีแทคพร้อมที่จะสร้างผลประกอบการที่เติบโตอย่างยั่งยืนได้ในระยะยาว”

ดีแทคได้ปรับแนวโน้มสำหรับปี 2563 ในส่วนของรายได้จากการให้บริการไม่รวมค่า IC ในปี 2563 จากตัวเลขติดลบหลักเดียวระดับต่ำ เป็นตัวเลขติดลบหลักเดียวระดับกลาง ในขณะที่คงแนวโน้มที่เหลือเหมือนเดิม คือ EBITDA ในจํานวนใกล้เคียงปี 2562 และค่าใช้จ่ายลงทุนที่ 8-10 พันล้านบาท

ตัวเลขสำคัญทางการเงินในไตรมาส 3/63

  • มีรายได้จากการให้บริการ ไม่รวมค่า IC มูลค่า 1.44 หมื่นล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.7 จากไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 7.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
  • EBITDA อยู่ที่ 7.8 พันล้านบาท ลดลงร้อยละ 4.3 จากไตรมาสก่อนและร้อยละ 3.0 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
  • EBITDA margin (normalized) อยู่ที่ร้อยละ 47.7
  • กำไรสุทธิ อยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท

เป็นผลจากการบริหารจัดการต้นทุนและวินัยทางการเงินที่เข้มงวด ดีแทค ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องด้านประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงใจและสอดคล้องความต้องการของผู้บริโภค โดยให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

ชารัด เมห์โรทรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า การปรับตัวใช้งานดิจิทัลมีแนวโน้มสูงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะเป็นช่วงหลังจากการผ่อนคลายมาตรการปิดประเทศและมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมแล้ว ดีแทคกำลังเดินหน้าพัฒนาทางดิจิทัลเพื่อยกระดับการให้บริการลูกค้าและการทํางานภายในองค์กร ซึ่งสอดคล้องกับธุรกิจต่าง ๆ ที่มีการปรับตัวไปสู่วิธีการทำงานที่สามารถรองรับในระยะยาว และพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนที่ยืดเยื้อจากการแพร่ระบาดของโควิด -19

ดีแทคนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่สอดคล้องกับความต้องการในสิ่งจําเป็นขั้นพื้นฐานของลูกค้าแต่ละกลุ่ม ผู้บริโภคที่มีความระมัดระวังในการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น ดีแทคร่วมมือกับพันธมิตรช่วยนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่สอดคล้องกับความต้องการ ให้มีการใช้ประโยชน์ และสิทธิพิเศษได้อย่างทั่วถึง

ดีแทคได้เปิดตัว ดีแทค บิสิเนส (dtac Business) สำหรับกลุ่มลูกค้าองค์กร ที่ครอบคลุมทั้งซิม โซลูชั่น IoT และคลาวด์โซลูชั่น  พร้อมทั้งนำเสนอช่องทางให้บริการดิจิทัล พัฒนามาจากความเข้าใจที่แท้จริงของปัญหาธุรกิจ

“ด้วยการพัฒนาเครือข่ายที่เป็นไปตามเป้าหมาย เรามั่นใจในคําสัญญาที่จะมอบการเชื่อมต่อที่มีเสถียรภาพอย่างต่อเนื่องสำหรับทุกคน”

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ