TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessชิปป็อป จับมือ บิทคับ แจกซองพัสดุ 1 ล้านซอง ช่วยลดต้นทุนผู้ค้าออนไลน์ สร้างการรับรู้แบรนด์

ชิปป็อป จับมือ บิทคับ แจกซองพัสดุ 1 ล้านซอง ช่วยลดต้นทุนผู้ค้าออนไลน์ สร้างการรับรู้แบรนด์

ชิปป๊อป (SHIPPOP) สตาร์ตอัพสัญชาติไทย ผู้ให้บริการด้านขนส่งครบวงจร (Total Solutions for Commerce and Logistic) ผนึกกำลังกับทางบิทคับ จัดแคมเปญพิเศษ “BITKUB x SHIPPOP แจกซองพัสดุ 1 ล้านซอง” เพื่อร่วมกันสนับสนุนกลุ่มร้านค้าและเจ้าของร้านค้าออนไลน์ ทั้งลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ มุ่งผลักดันให้ลูกค้าเกิดการรับรู้และสร้างโอกาสที่ดีทางธุรกิจต่อไป เชื่ออุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของไทยมีแนวโน้มเติบโตในทางบวกสอดรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ 

สุทธิเกียรติ จันทรชัยโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิปป๊อป จำกัด กล่าวถึงเป้าหมายหลักในการจัดงานในครั้งนี้ว่ามีขึ้นเพื่อลดต้นทุนของบรรดาผู้ค้าออนไลน์ที่ต้องเสียเงินซื้อซองใส่พัสดุเพื่อจัดส่งสินค้าในแต่ละวันอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ก็หวังให้แคมเปญดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างการรับรู้แพลตฟอร์มของชิปป็อปให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น 

เราไม่ใช่ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าโดยตรง แต่เราเป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมผู้ให้บริการขนส่งทั้งหมดที่มีอยู่ในไทย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทสัญชาติไทยหรือต่างประเทศเข้ามาอยู่ในพื้นที่เดียว ทำให้ลูกค้าสามารถมีข้อมูลพิจารณาเปรียบเทียบเพื่อตัดสินใจเลือกใช้บริการแบรนด์ที่ตอบโจทย์ตรงกับความต้องการของตนเองมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของระยะเวลาการขนส่ง วิธีขนส่ง และราคาค่าขนส่ง” สุทธิเกียรติ กล่าว 

นอกจากนี้ ด้วยความเป็นแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลสที่รวมทุกแบรนด์มาไว้ในที่เดียว ทำให้ชิปป็อปมีข้อมูลมหาศาลอยู่ในมือ ซึ่งชิปป็อบก็ได้อาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการบริหารจัดการและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อส่งต่อข้อมูลในส่วนที่จะเป็นประโยชน์ให้แก่ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าได้นำไปใช้ปรับปรุงพัฒนาบริการให้ตอบโจทย์โดนใจผู้บริโภคต่อไป 

ด้าน ชาญวิทย์ สงวนสินธุกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ ชิปป็อป เสริมว่า บริษัทตั้งเป้าที่จะแจกซองให้หมดภายใน 3 เดือน หวังช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกประเภท โดยหลังจากสิ้นสุดแคมเปญนี้ ทางบริษัทก็ยังมีแผนที่ช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในอีกหลาย ๆ ทาง รวมไปถึงการบริการในรูปแบบใหม่ ๆ ซึ่งรวมถึงความร่วมมือกับทางบิทคับ 

“เราเชื่อว่าในอนาคตจะมีสิ่งที่สามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการได้มากกว่านี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ชิปป็อบจะได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่าย แต่ให้มั่นใจได้ว่า เราจะทำสิ่งที่ไม่ต้องเสียเวลา และใช้ระยะดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ไม่ยุ่งยาก เพื่อช่วยผู้ประกอบการได้เร็วที่สุดในช่วงที่เดือดร้อนเช่นนี้” ชาญวิทย์ กล่าว 

ทั้งนี้ ชิปป็อปยังใช้โอกาสนี้เปิดเผยทิศทางและแนวโน้มการเติบโตของชิปป็อบที่มีโอกาสเติบโตตามอุตสาหกรรมขนส่งโลจิสติกส์ของไทย ภายใต้การขยายตัวของอีคอมเมิร์ซ โดย สุทธิเกียรติ ระบุว่า จุดเด่นของชิปป็อป ก็คือการทำให้เรื่องการจัดส่งสินค้าและพัสดุเป็นเรื่องง่าย ซึ่งตลอดช่วงระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เติบโตและเรียนรู้การก้าวสู่ยุคต่าง ๆ โดยแบ่งออกเป็น 3 ช่วง  คือชิปป็อบ 1.0, 2.0 และ 3.0

สำหรับชิปป็อป 1.0 คือการเป็นแพลตฟอร์มแรกหนึ่งเดียวในไทยที่รวบรวมพันธมิตรขนส่งมากกว่า 27 ราย ไว้ในระบบเดียวผ่านการเชื่อมต่อระบบทั้งหมด เพื่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ตั้งแต่การทำเรื่องจองขนส่งออนไลน์, เรียกขนส่งเข้ารับพัสดุที่บ้าน, ช่วยพันธมิตรลดต้นทุน, ติดตามพัสดุ, ทีมงานสนับสนุนลูกค้าที่คอยดูแลและพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง, ระบบเก็บเงินปลายทาง และการเพิ่มประกันมูลค่าพัสดุเสียหาย 

ต่อมาชิปป็อปได้ต่อยอดเป็น SHIPPOP 2.0 โดยเริ่มต้นจากการทำแฟรนไชส์ ร้านรับฝากพัสดุ ซึ่งภายใน 1 ปี สามารถขยายสาขามากกว่า 1,200 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศ และยังมีบริการส่งของภายนอกประเทศ (International Shipping) อีกทั้งยังได้เริ่มสร้างระบบ AI & Machine Learning จัดเก็บ Data จนมีข้อมูลในระบบมากกว่า 100,000,000 ข้อมูล ที่พร้อมนำไปใช้งานต่อยอดทางธุรกิจ ส่งผลให้รายได้และการเติบโตของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ในปี 2564 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ชิปป็อปยัง ได้รับรางวัล Startup of the Year (PRIME MINISTER AWARD) และ รางวัล Best Small Franchise Award (จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์) อีกทั้งยังสร้างรายได้มากกว่า 500 ล้านบาท และมียอดจำนวนการจัดส่งพัสดุมากกว่า 11 ล้านชิ้น ยอดขนส่งเก็บเงินปลายทาง สูงถึง 1,350 ล้านบาท ถือได้ว่าเป็นบริษัทสตาร์ตอัพที่มีกำไร และการเติบโตเป็นที่สนใจในวงการขนส่งอย่างมาก โดยปีนี้ ชิปป็อบตั้งเป้าที่จะขยายสาขาของตนให้ครอบคลุม 1 ตำบล 1 ชิปป็อป 

สำหรับ ชิปป็อบ 3.0 คือกลยุทธ์หรือแผนการตลาดสำหรับปี 2565 ที่ได้มุ่งปรับปรุงซอฟต์แวร์ของบริษัทให้กลายเป็น Infrastructure (โครงสร้างพื้นฐาน) ที่ตัวระบบจะถูกออกแบบให้ทุกคนทั่วโลกสามารถสร้างบริการของตัวเอง และพัฒนาต่อยอดจากระบบพื้นฐานได้ โดยบริการดังกล่าว อาจจะครอบคลุมทุกขั้นตอนของการขนส่ง หรือเป็นบริการเฉพาะสำหรับบางขั้นตอนก็ได้ หรือแม้กระทั่งการก้าวเข้าไปสู่โลกเมตาเวิร์ส (Metaverse) ที่ต้องมีการจัดส่งสินค้าก็เช่นกัน

และด้วยการมาของ WEB 3.0 ชิปป็อปยังมองว่าผู้คนสามารถได้รับรางวัล (Reward) จากการช่วยตรวจสอบ ประมวลผล ยืนยันข้อมูลพัสดุต่าง ๆ ได้ ไม่ใช่แค่ในรูปแบบของการเป็นโหนด (node) เท่านั้น แต่ยังหมายถึงการเป็น 3rd party service ด้วย เช่น การชั่ง การวัดขนาดพัสดุ การนำส่ง สิ่งเหล่านี้จะช่วยแก้ปัญหาให้กับระบบขนส่งในปัจจุบัน ผู้ใช้งานหรือผู้มีส่วนร่วมในบริการขนส่งจะได้รับประโยชน์มากขึ้น เช่นเดียวกับพันธมิตรขนส่งของบริษัทที่จะมีชิปป็อปเป็นประตูสู่โลกใหม่ให้ โดยชิปป็อปพร้อมเปิดรับพันธมิตร และโอกาสใหม่ ๆ อยู่เสมอ

“บริษัทฯ ได้มีโอกาสในการเข้าร่วมโครงการ Live Accelerator Batch 1 เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าตลาด Live Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มระดมทุนผ่านตลาดทุน พร้อมมีแผนการที่จะเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต และยังเปิดโอกาสรับนักลงทุนที่มีความสนใจให้สามารถเข้ามาร่วมลงทุนกับบริษัทฯ ได้ อีกทั้งในการวางระบบและโครงสร้างของ ชิปป็อป3.0 ครั้งนี้ เราได้ผนึกกำลังร่วมกับ บิทคับ แอปพลิเคชันสำหรับนักลงทุนบิทคอยน์อันดับหนึ่งของเมืองไทย โดยคาดหวังเพื่อขยายฐานลูกค้าของทั้งสองฝ่าย โดยการแจกซองพัสดุร่วมกัน ให้กับลูกค้าของชิปป็อบเป็นจำนวน 1 ล้านซอง เพื่อให้กลุ่มลูกค้ามีก้าวแรกที่ดี ในการเข้าสู่โลกของคริปโทเคอร์เรนซีและบล็อกเชน และเพื่อให้ผู้คนที่รู้จักบิทคับได้ทดลองใช้บริการของทางชิปป็อบ และที่สำคัญการร่วมมือครั้งนี้ทางชิปป็อบคาดหวังว่า จะมีโอกาสได้ร่วมต่อยอดความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในธุรกิจของลูกค้าของทั้งชิปป็อปและบิทคับ และเติบโตไปสู่ยุคใหม่ด้วยกัน” สุทธิเกียรติ กล่าว

ปัจจุบัน ชิปป็อปกำลังทดลองใช้ระบบบริการรับชำระเงินคริปโท หรือ “Crypto Payment” ผ่าน เพย์ โซลูชั่น (Pay Solution) โดยระบบจะเปลี่ยนคริปโทให้เป็นเงินบาททันที ซึ่งตอบโจทย์สำหรับความต้องการของธุรกิจ ทำให้ผู้บริโภคเลือกชำระเงินได้อย่างหลากหลาย เราตั้งเป้าที่จะพัฒนาโซลูชั่นใหม่ ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าต่อไป

ด้าน จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวในฐานะพันธมิตรถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า เป็นแนวทางของบิทคับที่ต้องการให้ความช่วยเหลือในหลายภาคส่วนธุรกิจเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้คนตัวเล็ก ๆ ในไทย อย่างผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 90% ของเศรษฐกิจประเทศ สามารถยืนหยัดอยู่รอดในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ 

“เราจับมือเป็นพันธมิตรกับชิปป็อปเพื่อยกระดับเอสเอ็มอีไทย เพราะเอสเอ็มอีคือรากฐานที่สำคัญของประเทศ แล้วถ้าเอสเอ็มอีไม่สามารถปรับตัวได้ ประเทศไทยก็จะไม่สามารถหลุดจากกับดักรายได้ปานกลางได้ ดังนั้น ผมคิดว่าในเมื่อเรามาถึงจุดหนึ่งที่เราจะสามารถช่วยสังคมได้จริง ๆ แล้ว เราก็จะพยายามช่วยอย่างเต็มที่ ส่วนตัวมองว่าการแจกซองเป็นสิ่งที่ทำให้เห็นผลในทันที เพราะเอสเอ็มอีต้องมีการส่งของทุกวันอยู่แล้ว แล้วก็หวังว่าในอนาคตถ้าเราสามารถต่อยอดสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ขึ้นมา ทำให้เงินกระจายตัวได้คล่อง เศรษฐกิจก็จะยิ่งเติบโตมากขึ้น รวมถึงทำให้คนในประเทศเห็นว่า สตาร์ตอัพ ถ้าทำแล้วเวิร์กแล้วมาจับมือเป็นพันธมิตรกัน เหมือนบิทคับกับชิปป็อป ก็จะสามารถสร้างผลกระทบทางบวกให้กับสังคมได้อย่างมหาศาลจริง ๆ “ จิรายุส กล่าว 

ในมุมมองของจิรายุส ธุรกิจกลุ่มอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์มีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากสถานการณ์ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากเดิม ทำให้การซื้อขายสินค้าผ่านทางออนไลน์เข้ามามีบทบาทมากขึ้น และคาดว่าปีนี้สตาร์ตอัพกลุ่มโลจิสติกส์และอีคอมเมิร์ซจะยังสามารถคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในฐานะของธุรกิจสตาร์ตอัพ จึงเข้าใจและเห็นใจผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจ และอยากเป็นส่วนหนึ่งในการให้กำลังใจผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ผู้ใช้ใหม่และเก่า ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การแจกร่มบิทคับให้กับพ่อค้าแม่ค้าในตลาดนัดช่วงปลายปี 2564 หรือแม้แต่การร่วมมือกับชิปป็อป SHIPPOP จัดแคมเปญแจกซองพัสดุ 1 ล้านซองในครั้งนี้ 

“เราหวังว่า กิจกรรมนี้จะช่วยให้ผู้ขายหรือกลุ่มธุรกิจออนไลน์ สามารถสร้างส่วนต่างระหว่างต้นทุนกับกำไรได้มากขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นการสนับสนุนพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์แล้ว กิจกรรมนี้ยังเป็นการเพิ่มการมองเห็น และสร้างฐานลูกค้าเพื่อให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง พร้อมเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ด้วยในคราวเดียวกัน โดยเป็นจุดประสงค์ของแบรนด์ที่พร้อมเป็นพันธมิตรกับธุรกิจหลากหลายวงการ เพื่อร่วมมือกันยกระดับประเทศไทยให้ก้าวเข้าทันการปรับตัวในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังจะมาถึง” จิรายุส กล่าว

ขณะเดียวกัน จิรายุสยังได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเทคโนโลยีบลอกเชนและคริปโตกับอุตสาหกรรมขนส่งโลจิสติกส์ว่า สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวเข้ามาใช้เพื่อปรับตัวเข้าสู่โลกดิจิทัลได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว และเพื่อสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ที่แตกต่างไปจากเดิม เช่น อาจจะมีระบบ ชิปทูเอิร์น (Ship to Earn) เกิดขึ้น แต่ทั้งหมดอาจจะต้องมีการจัดทำสถาบัน หรือ อะคาเดมีขึ้นเพื่อให้ปิดช่องว่างความต่างของทรัพยากรคน ทำให้คนส่วนใหญ่ในประเทศสามารถปรับตัว เรียนรู้และใช้งานเทคโนโลยีนวัตกรรมได้อย่างคล่องแคล่วต่อไป

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดตัวอัตลักษณ์ใหม่ของแบรนด์สู่ความทันสมัย เดินหน้าสู่ผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าของไทย

ลอรีอัล เดินหน้า Beauty Tech จับมือ เวริลี ยกระดับสุขภาพผิวแบบแม่นยำ

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ