YouTrip แพลตฟอร์ม Multi-Currency Travel Wallet เปิดตัวในประเทศไทยในพฤศจิกายนปี 2019 มียอดการใช้งานค่อนข้างดี แต่หลังจากเกิดวิกฤติโควิด-19 ธุรกิจได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวที่หายไป เพราะคนใช้สกุลเงินต่างประเทศส่วนใหญ่จะเป็นนักเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นท่องเที่ยวหรือทำงาน
-โควิด-19 กระทบสตาร์ตอัพทั้งอีโคซิสเต็มส์ ‘เงินทุน-บุคลากร-ตลาด’
-500 TukTuks ช่วยพอร์ตให้รอดโควิด เดินหน้าลงทุนต่อ
จุฑาศรี คูวินิชกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง YouTrip ประเทศไทย กล่าวกับ The Story Thailand ว่า YouTrip สามารถใช้จ่ายในต่างประเทศมากกว่า 150 สกุลเงิน ผ่านบัตรเติมเงินแบบคอนแทคเลส มาสเตอร์การ์ด โดยไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่มีค่าธรรมเนียมแลกเงิน 2.5% ไม่มีค่าธรรมเนียมออกบัตร และค่าธรรมเนียมรายปี
สามารถแลกเงินล็อกเรทล่วงหน้าได้ 10 สกุลเงิน คือ JPY, SGD, HKD, USD, EUR, GBP, AUD, CHF, CAD และ THB มีระบบ SmartExchange เทคโนโลยีแลกเงินอัตโนมัติ
หลังจากเปิดตัว ตั้งเป้าไว้ว่าจะมียอดดาวน์โหลดถึง 400,000 ครั้ง ผ่านไปครึ่งปีมียอดดาวน์โหลดเข้ามา 200,000 ครั้ง
หลังจากเกิดวิกฤติโควิด-19 ยอดการใช้งานส่วนของการท่องเที่ยวหายไป ขณะเดียวกัน YouTrip โฟกัสในเรื่องการชำระเงินข้ามพรมแดน (Cross-Border Payment) ซึ่งการซื้อของออนไลน์จากต่างประเทศโตขึ้น 3 เท่า
แต่เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอย่าง อาลีบาบา ที่โตขึ้น 6 เท่า หรือ อเมซอน ของประเทศญี่ปุ่นโตประมาณ 3.5 เท่า ด้านอุตสาหกรรมเกมโตขึ้น 6 เท่า และการใช้จ่ายการศึกษาต่อทางประเทศโตขึ้น 30 เท่า หรือ 3000%
ปรับกลยุทธ์ทำแคมเปญออนไลน์
จุฑาศรี กล่าวว่า “เราเริ่มทำแคมเปญออนไลน์ให้เห็นว่าสามารถซื้อของออนไลน์ต่างประเทศได้ถูกกว่าผ่านทาง YouTrip โดยการบริหารอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อให้ได้สินค้าราคาถูกที่สุด”
ปีแรกตั้งเป้าจะทำให้การชำระเงินข้ามพรมแดนทำได้ง่าย คุ้มค่า และใช้จ่ายได้อย่างสะดวกที่สุด สำหรับคนที่เดินทางในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เตรียมโครงสร้างพร้อมพื้นฐานรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตั้งเป้าในอีก 18 เดือนจะขยายไปเปิดอีก 1-2 ตลาด หลังจากเปิดตัวที่สิงคโปร์ ในปี 2018 และ ประเทศไทย ปี 2019
จุฑาศรี กล่าวต่อว่า ปี 2019 YouTrip ระดมทุนรอบ Pre-Series A ไป 26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นโชคดีที่ระดมทุนเพื่อที่จะเข้าไปอีก 1-2 ตลาด จึงมีเงินที่เพียงพอในการใช้จ่าย จึงไม่ต้องลดทีม และพัฒนาเพื่อที่จะรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ ส่วนการระดมทุนรอบต่อไปขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ทั้งธุรกิจและนักลงทุน
“เราบริหารเงินที่นักลงทุนให้มาใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง และตัดต้นทุนที่ไม่จำเป็นออก อีกส่วนหนึ่งคือเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น เราคุยกับทีมทุกคนว่าจะไม่มีการเลิกจ้างและไม่มีการตัดเงินเดือน”
โฟกัสออฟไลน์หลังพ้นโควิด-19
จุฑาศรี กล่าวว่า ถึงแม้ว่าขณะนี้จะหันไปรุกตลาดออนไลน์มากขึ้น แต่เมื่อตลาดกลับมาเป็นปกติ คนก็จะกลับมาเดินทางกันเหมือนเดิม ซึ่งหลังจากจบวิกฤติรอบนี้จะหันกลับไปโฟกัสที่ออฟไลน์มากขึ้น เชื่อว่าเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น และมีวัคซีนออกมา การเดินทางจะมีแต่มากขึ้นไม่มีลดลงแน่นอน
นอกจากนี้ยังวางแผนเติบโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมดหรืออย่างน้อย 8 ใน 10 ประเทศ เมื่อระบบเชื่อมต่อได้ทั้งหมด จะมีอีกหลาย ๆอย่างที่สามารถให้บริการได้มากขึ้น
วางแผนเพิ่มในส่วนของเครื่องมือวิเคราะห์ เพื่อให้คนบริหารเงินได้ง่ายขึ้น เช่น การใช้จ่ายผ่าน YouTrip แทนบัตรเครดิต ซื้อสินค้าจากต่างประเทศ จะประหยัดได้เกือบ 10 เปอร์เซ็นต์
“เราไม่โฟกัสออนไลน์อย่างเดียวเพราะว่าการเดินทางคือชีวิตคน และการเป็นบัตรเดบิต จะมีข้อดีในเรื่องความปลอดภัย สามารถล็อคได้ทันทีเมื่อเกิดปัญหา และยังแยกกับบัญชีหลักอีกด้วย”
อศินา พรวศิน – สัมภาษณ์
ทรงกลด แซ่โง้ว – เรียบเรียง