TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessกลุ่มทรูร่วมถอดบทเรียนทางรอดธุรกิจ... เร่งทรานส์ฟอร์ม ก่อนถูกดิสรัป

กลุ่มทรูร่วมถอดบทเรียนทางรอดธุรกิจ… เร่งทรานส์ฟอร์ม ก่อนถูกดิสรัป

การมาของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง ทำให้หลายอุตสาหกรรมต้องเร่งปรับตัว สิ่งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจอยู่รอดพร้อมไปต่อได้ คือการทรานส์ฟอร์มให้ทันการเปลี่ยนแปลง

กลุ่มทรู โดย ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมถอดบทเรียนธุรกิจ การปรับตัว สร้างโอกาสรอดฝ่าวิกฤติ พร้อมเปิดวิสัยทัศน์การนำนวัตกรรมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงบนเวทีเสวนาหัวข้อ “Innovative Organization Perspective for Transforming Enterprise” ในงานแถลงข่าวจัดงาน “STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO 2022” จัดโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมด้วยผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำของประเทศ ได้แก่ ดร.พัชรินทร์ บุญยะรังสรรค์ รักษาการผู้ช่วยประธานฝ่ายปฏิบัติการ ด้านคุณภาพการรักษาพยาบาลและนวัตกรรม บมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ ดร.ก่อศักดิ์ โตวรรธกวณิชย์ ผู้จัดการสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น และ ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม NIA ณ โรงแรมเดอะสุโกศล

ธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนตลอดเวลาเพื่อรับมือการถูกดิสรัป

ดร.ธีระพล เผยว่า สถานการณ์โควิดทำให้เกิดการหยุดชะงักทั้งการใช้ชีวิต ภาคธุรกิจ ไม่เพียงแต่ระดับองค์กร ยังรวมถึงลูกค้า คู่แข่ง อุตสาหกรรมต่างถูกดิสรัปหมด การทรานส์ฟอร์มโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในกระบวนการทำงาน รวมถึงการทำงานจากที่ไหนก็ได้ วันนี้เชื่อว่าหลายคนไม่อยากกลับไปทำงานที่สำนักงาน เพราะเริ่มชินกับชีวิตรูปแบบใหม่ ที่สำคัญ ผู้บริโภคยังมีอำนาจในการเลือกสิ่งต่าง ๆ มากกว่าเดิม

สิ่งท้าทายหลังจากนี้คือโลกหลังโควิดที่จะไม่กลับไปเหมือนเดิม มีกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีจากต่างประเทศไหลเข้ามาร่วมแข่งขันในอุตสาหกรรมมากขึ้น ภาคธุรกิจจึงต้องปรับตัว วันนี้ในฐานะบริษัทไทยต้องปรับตัวให้รูปแบบบริการสู้กับผู้เล่นจากต่างประเทศให้ได้ นวัตกรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน สามารถเริ่มจากการสร้างวัฒนธรรมนวัตกรรมในองค์กร การนำปัญหาลูกค้ามาสร้างนวัตกรรม รวมถึงการสร้างสตาร์ทอัพอีโคซีสเต็ม ทั้งหมดนี้คือสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในแข่งขันในอนาคตได้

ในวิกฤติ จะเห็นได้ว่ายังมีบางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้ เกิดจากการปรับเปลี่ยนต่อยอดธุรกิจไปสู่การแข่งขันแบบนิวนอร์มัล รวมถึงเชื่อมโยงธุรกิจในภาพระดับโลก ดังนั้น นอกจากเอกชนต้องปรับตัวเองแล้ว ทางภาครัฐและหน่วยงานกำกับดูแล ต้องปรับตัวรวมถึงปรับเปลี่ยนกฎระเบียบต่างๆ ให้สอดคล้องเท่าทันโลกที่เปลี่ยนไป

นำนวัตกรรมเทคโนโลยียกระดับการดูแลสุขภาพ

ด้านการปรับตัวของธุรกิจการแพทย์ ดร.พัชรินทร์ กล่าวว่า วิกฤติทำให้ได้ทบทวน และปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินธุรกิจ จากเดิมแพทย์เป็นศูนย์กลางให้บริการ แต่ขณะนี้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางรับบริการ จึงต้องมองหาสิ่งที่ช่วยให้การทำงานสะดวกรวดเร็วมากขึ้น รวมถึงให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพก่อนถึงสภาวะเจ็บป่วย ส่งเสริมคุณภาพชีวิต ซึ่งดิจิทัล เฮลท์เข้ามามีบทบาทสำคัญ ตลอดจนโซลูชันต่าง ๆ ที่ช่วยดูแลสุขภาพในองค์รวม นับเป็นโอกาสที่จะนำนวัตกรรมเทคโนโลยีจากสตาร์ตอัพเข้ามาเติมเต็ม

อย่างไรก็ตามการทำงานกับสตาร์ตอัพต่างประเทศพบข้อจำกัดหลายเรื่อง ทั้งกฎหมายข้อกำหนด และการรับรองมาตรฐานต่าง ๆ ทำให้ค่อนข้างยากในการนำนวัตกรรมเข้ากระบวนการของโรงพยาบาล จึงต้องเสริมจุดแข็งอื่น ๆ ที่สามารถทำได้และทำให้ค่ารักษาพยาบาลเหมาะสม สตาร์ตอัพไทยมีศักยภาพทัดเทียมสตาร์ตอัพต่างประเทศจึงอยากให้ช่วยกันสนับสนุนให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

สร้างธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลก

ด้านความท้าทายในอุตสาหกรรมพลังงาน ดร.ก่อศักดิ์ ชี้ให้เห็นการปรับองค์กรตั้งแต่ก่อนวิกฤติโควิด ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในต่างประเทศ และการมุ่งสู่ธุรกิจพลังงานสะอาด เช่น พลังงานไฟฟ้า กลุ่มไบโอดีเซล วิกฤตทำให้ทุกคนในองค์กรต้องปรับตัว ผนึกกำลังกันและคิดค้นนวัตกรรมมากขึ้น มีการอัปสกิล-รีสกิลเพิ่มขีดความสามารถของพนักงาน พร้อมเปิดโอกาสให้เป็นสตาร์ตอัพเพื่อเพิ่มโอกาสเติบโต

นอกจากนี้ บางจากยังปรับทิศทางเป็นองค์กรนวัตกรรมพลังงานสีเขียว ตอบโจทย์ความยั่งยืน มีการทำงานวิจัยพัฒนาโดยเน้นความร่วมมือกับพันธมิตร ทั้งยังสร้างแพลตฟอร์ม BIOSPHERE ที่ช่วยพัฒนาบุคลากรและเชื่อมโยงอาจารย์ นักวิจัย และสตาร์ตอัพที่มีเทคโนโลยี เพื่อร่วมสร้างอีโคซิสเต็ม ตลอดจนมีการลงทุนในสตาร์ตอัพและลงทุนในต่างประเทศ

ฝากถึงสตาร์ตอัพไทยว่าถ้ามองเรื่องขนาดตลาดหรือการเติบโตเพียงระดับภายในประเทศตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม และหากไม่รู้จักธุรกิจดีพอ อาจทำให้ไปไม่ถึงซีรีส์เอ

มุ่งสู่ตลาดต่างประเทศ ต้องพร้อมทั้ง เงิน ความรู้ คน และโอกาส

ดร.กริชผกา เปิดประเด็นว่า สิ่งที่ผู้ประกอบการทั้ง 3 รายบนเวทีเสวนา เห็นพ้องต้องกันคือการเติบโตสู่ตลาดต่างประเทศ โดยต้องมีความพร้อมทั้งเรื่องเงิน ความรู้ คน และโอกาสทางธุรกิจ ที่ผ่านมา NIA มุ่งภารกิจ 7 ด้าน ได้แก่ 1) การหนุนองค์กรนวัตกรรม 2) การสร้างคน 3) การสร้างและการใช้ประโยชน์จากอุทยานวิทยาศาสตร์ในพื้นที่ 4) การสร้างโอกาสในภูมิภาค 5) การทำกฎระเบียบข้อบังคับให้เอื้อต่อการทำนวัตกรรม รวมถึงการปลดล็อกต่าง ๆ 6) หนุนไทยให้เป็นชาตินวัตกรรม และ 7) เพิ่มศักยภาพในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ตาม หลังวิกฤติคลี่คลาย หลายประเทศเริ่มเปิดเมืองเพื่อกลับมาเชื่อมโยงกันอีกครั้ง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีอะไรเหมือนเดิม ขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถสร้างโอกาสให้ทำธุรกิจได้อย่างไร สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องท้าทายที่ผู้ประกอบการไทยและประเทศไทยต้องร่วมกันผลักดันให้ได้

จากมุมมองของเหล่าผู้นำองค์กร อาจกล่าวได้ว่า ในยุคหลังโควิดที่ไม่มีอะไรกลับไปเหมือนเดิม ทุกอุตสาหกรรมต่างเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงจากหลากหลายด้าน ซึ่งเป็นทั้งวิกฤติและโอกาสได้พร้อมกัน การปรับตัวรวมถึงการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นหัวใจสำคัญตลอดจนนโยบายกำกับดูแลจากภาครัฐที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกทั้งหมดนี้คือความท้าทายที่จะทำให้ก้าวผ่านวิกฤติไปได้ด้วยกัน

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

เบทาโกร ผนึก freshket ขยายดิสทริบิวชัน เน็ตเวิร์ค รุก E-Commerce

เนสกาแฟทุ่ม 800 ล้าน เปิดตัว ‘เบลนด์ แอนด์ บรู ริช อโรมา’ สูตรที่ดีที่สุดของเนสกาแฟ

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ