TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessSea (ประเทศไทย) ฉายภาพความสำเร็จ 10 ปีในไทย เปิดตัว Sea Academy ติดปีกทักษะดิจิทัล

Sea (ประเทศไทย) ฉายภาพความสำเร็จ 10 ปีในไทย เปิดตัว Sea Academy ติดปีกทักษะดิจิทัล

Sea (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแพลตฟอร์มชั้นนำ ได้แก่ การีนา (Garena) ช้อปปี้ (Shopee) และซีมันนี่ (SeaMoney) ฉายภาพความสำเร็จควบคู่การเติบโตของเศรษฐกิจและสังคมยุคดิจิทัลตลอดระยะเวลา 10 ปี ของการดำเนินงานในประเทศไทย เปิดแผนกลยุทธ์ใหม่เดินหน้าขับเคลื่อน 3 ธุรกิจหลัก ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการรายย่อยด้วยเทคโนโลยี พร้อมเปิดตัวแพลตฟอร์ม Sea Academy เสริมทักษะดิจิทัลให้คนไทยเดินหน้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืน

มณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sea (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา Sea (ประเทศไทย) มีส่วนในการเติมเต็มชีวิตผู้บริโภค และส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการรายย่อยด้วยเทคโนโลยี ด้วยความตั้งใจที่จะพัฒนาธุรกิจควบคู่ไปกับการเสริมความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบัน บริการของเราเข้าถึงคนไทยหลายล้านคนทั่วประเทศ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง”

Garena ต่อยอดเกมสู่กีฬาและอาชีพยุคดิจิทัล

นำเสนอประสบการณ์การเล่นเกมที่น่าพึงพอใจและมีความหลากหลาย ส่งเสริมการเล่นเกมในรูปแบบของกีฬา รวมถึงการสร้างอีโคซิสเต็มของอีสปอร์ต ส่งผลให้การีนาเติบโตอย่างโดดเด่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในปัจจุบันเกมจากการีนาเข้าถึงผู้เล่นกว่า 654 ล้านคนจากกว่า 130 ตลาดทั่วโลก และหากมองการเติบโตย้อนหลังในช่วงปี 2017 – 2021 จำนวน Active Users มีการเติบโตเฉลี่ยต่อปีกว่า 65%

สำหรับประเทศไทย ธุรกิจเกม-อีสปอร์ตยังคงเติบโตต่อเนื่อง สอดคล้องกับพฤติกรรมคนไทยที่ให้ความสนใจกับเกมมากขึ้น โดยในปี 2021 ประเทศไทยมีเกมเมอร์กว่า 32 ล้านคน ส่วนตลาดเกมและอีสปอร์ตไทยมีมูลค่าราว 3.3 หมื่นล้านบาท เติบโตราว 14% จากปี 2020

“การีนาจะยังคงเติบโตควบคู่กับอุตสาหกรรมเกมและอีสปอร์ตต่อไป ทั้งในฐานะผู้ให้บริการและผู้พัฒนาเกม ผ่านเกมหลากหลายประเภทที่การีนาคัดสรรเข้ามาเปิดให้บริการ เช่น Blockman GO (เกมประเภท Sandbox) และ Moonlight Blade (เกมประเภท MMORPG) รวมถึงเกม Garena Free Fire (เกมประเภท Tactical-TPS Survival Open World) ซึ่งเราพัฒนาขึ้นเองบนอินไซต์ผู้ใช้งานจริง ทั้งยังสามารถปรับให้เหมาะกับแต่ละตลาดได้อย่างคล่องตัว นอกจากนี้ เราจะมุ่งต่อยอดวงการเกมและอีสปอร์ตไทยสู่โอกาสทางอาชีพใหม่ ๆ และการใช้เกมเป็นสื่อกลางพัฒนาทักษะดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการ Garena Academy และการร่วมมือกับมหาวิทยาลัย ภาครัฐ ตลอดจนกิจการเพื่อสังคมต่าง ๆ” มณีรัตน์ กล่าว

Shopee พัฒนาต่อเนื่องด้วย Data ส่งเสริม SMEs ทั้งในตลาดไทยและต่างประเทศ

ช้อปปี้ เข้าสู่ตลาดไทยในฐานะ Mobile-first E-commerce Platform ที่มอบบริการครบวงจรในแอปพลิเคชันเดียว ทำให้สามารถมอบประสบการณ์การซื้อ-ขาย ที่ง่าย สะดวกสบาย และปลอดภัย กับทั้งผู้ซื้อผู้ขายได้เป็นอย่างดี

จากนั้นจึงมุ่งสร้างการเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจผู้ขายบนช้อปปี้ โดยสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยในประเทศไทยให้สามารถทำธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยโครงการพัฒนาทักษะผู้ขาย เช่น Shopee University และบริการส่งเสริมธุรกิจผู้ขาย เช่น Shopee Seller Centre ซึ่งช่วยให้ผู้ขายเข้าถึงเครื่องมือต่าง ๆ ให้สามารถจัดการร้านค้าออนไลน์, ระบบการจัดการคลังสินค้า Warehouse Management System (WMS), ระบบการบริการ Fulfillment by Shopee และระบบโลจิสติกส์คุณภาพ ทั้ง Shopee Xpress และเครือข่ายพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่งและครอบคลุม พร้อมกันนี้ ยังทำการพัฒนาประสบการณ์ผู้ซื้อและสร้างการมีส่วนร่วมกับแพลตฟอร์ม ด้วยเอนเตอร์เทนเมนท์ต่าง ๆ บนแอปพลิเคชัน

ด้วยเหตุนี้ ช้อปปี้จึงมีการเติบโตอย่างเข้มแข็ง โดยมีกว่า 2 พันล้าน Gross Order จากทั่วโลกในไตรมาส 4 ของปี 2021 นอกจากนี้ หากย้อนดูการเติบโตในช่วงปี 2017 – 2021 พบว่ามูลค่า GMV มีการเติบโตเฉลี่ยต่อปีกว่า 83% สำหรับตลาดไทย จำนวนผู้ขายและแบรนด์พันธมิตรก็เพิ่มขึ้นสอดคล้องกัน

ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยเติบโตต่อเนื่อง โดยในปี 2021 อีคอมเมิร์ซไทยมีมูลค่ายอดขายสินค้าออนไลน์ (GMV-Gross Merchandise Volume) อยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านเหรียญ และคาดการณ์ว่าจะพุ่งสูงไปถึง 3.5 หมื่นล้านเหรียญในปี 2025 หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 14% นอกจากนี้ อีคอมเมิร์ซยังรองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายและเข้าถึงผู้คนในหลากหลายพื้นที่มากขึ้น สะท้อนจากจำนวนผู้ขายและผู้ใช้งานช้อปปี้ในประเทศไทย

ในปี 2021 จำนวนผู้ขายช้อปปี้ที่อยู่นอกเมืองใหญ่เติบโตขึ้น 70% ส่วนจำนวนผู้ใช้งานที่อยู่นอกเมืองใหญ่เพิ่มขึ้นถึง 40% นอกจากนี้ ช้อปปี้ได้ช่วยเพิ่มโอกาสในการขาย ช่วยสนับสนุนผู้ขายไทยให้มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยผู้ขายรายใหม่มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 18 เท่า ในช่วง Shopee 11.11 Big Sale ปี 2021

“ปัจจุบัน ช้อปปี้ทำธุรกิจแบบ Data Driven และใช้เทคโนโลยีเป็นปัจจัยหลักในการสร้างประสบการณ์ที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Data นำเสนอสินค้าและบริการแบบเฉพาะบุคคล ตลอดจนการพัฒนาระบบการค้นหาสินค้าให้มีประสิทธิภาพด้วย AI และเรายังพัฒนาการส่งเสริมธุรกิจผู้ขายบนช้อปปี้ ทั้งในตลาดไทยและต่างประเทศ โดยล่าสุดเราได้เปิดตัวโครงการ Shopee International Platform (SIP) ขยายโอกาสทางธุรกิจด้วยการเพิ่มช่องทาง การขายไปยังตลาดต่างประเทศให้กับผู้ประกอบการไทย โดยช้อปปี้จะช่วยสนับสนุนด้านการจัดการร้านค้าให้กับร้านที่ร่วมโครงการฯ เช่น การสร้างร้านค้าในต่างประเทศ การจัดการสินค้าและสต๊อก การแช็ตกับผู้ซื้อ และการจัดส่งไปต่างประเทศ โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม โดยในระยะแรกจะเปิดโอกาสให้ผู้ขายไทยสามารถรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์” มณีรัตน์ กล่าวเสริม

SeaMoney ขยายการเข้าถึงบริการทางการเงินให้ครอบคลุม

ด้านธุรกิจการเงินดิจิทัลอย่างซีมันนี่ เริ่มต้นจาก AirPay บริการทางการเงินที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์การเติมเงินเกมของกลุ่มเกมเมอร์ จากนั้นจึงมีการขยายขอบเขตการให้บริการจนครอบคลุมไลฟ์สไตล์ผู้ใช้งานมากขึ้น เช่น การจองตั๋วภาพยนตร์ การสั่งอาหาร การจ่ายบิลค่าสาธารณูปโภค และการเติมเงินโทรศัพท์ ภายหลังจึงเข้ามาเป็นหนึ่งในช่องทางการรับชำระเงินบน Shopee ในปี 2019 เพื่อรองรับการเติบโตที่ก้าวกระโดดของอีคอมเมิร์ซ และมีการรีแบรนด์เป็น ShopeePay ในปี 2021

การชำระเงินดิจิทัล หรือ Digital Payment กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง และผู้บริโภคไทยยังใช้ E-wallet มากขึ้น ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเพิ่มจาก 18.6 ล้านคนในปี 2020 เป็น 41.9 ล้านคนในปี 2025

ในปี 2021 จำนวนผู้ใช้งาน ShopeePay ในพื้นที่นอกเขตหัวเมืองใหญ่ของประเทศไทย ยังเพิ่มขึ้นกว่า 50% จากปี 2020 สะท้อนการเข้าถึงบริการการเงินดิจิทัลที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น

มณีรัตน์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทิศทางการดำเนินธุรกิจของซีมันนี่ว่า นอกจากการมอบประสบการณ์การชำระเงินที่คุ้มค่า สะดวกสบาย และปลอดภัยครอบคลุมในทุกไลฟ์สไตล์ด้วยช้อปปี้เพย์ (ShopeePay) ซึ่งสามารถรองรับการสแกนจ่ายด้วย QR Code พร้อมเพย์ได้

“นอกจากนี้ ซีมันนี่ยังให้ความสำคัญกับการขยายบริการ Digital Finance ด้านอื่น ๆ โดยเราได้รับใบอนุญาตผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลจากธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นรายแรก ในปัจจุบัน ซีมันนี่มีบริการสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล เช่น SEasyCash เป็นบริการ Digital Personal Loan สินเชื่อเงินสดสำหรับบุคคลทั่วไป ซึ่งสามารถนำเงินไปใช้จ่ายได้อย่างอเนกประสงค์, SEasyCash for Sellers ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ และ SPayLater เป็นบริการที่เป็นโซลูชันทางการเงินเพื่อมุ่งเสริมสภาพคล่องในการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าที่ต้องการบนช้อปปี้ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงสินค้าที่ต้องการได้ด้วยข้อจำกัดที่น้อยลง”

ในไตรมาสที่ 4 ปี 2021 บริการการเงินดิจิทัลของ SeaMoney สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานกว่า 45.8 ล้านคน

ต่อยอดความเชี่ยวชาญ สู่การพัฒนาโครงการขับเคลื่อนสังคม

นอกจากการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยบริการต่าง ๆ Sea (ประเทศไทย) ยังต้องการแผ่ขยายคุณค่าที่สามารถส่งมอบให้กับสังคมผ่านโครงการ Social Impact ต่าง ๆ และความร่วมมือระหว่าง Sea (ประเทศไทย) ร่วมทำกับพันธมิตรหลากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และกิจการเพื่อสังคมต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนชุมชนในพื้นที่ชนบทและลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม (Inclusive Society) เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภัยพิบัติ (Disaster Relief) และเพื่อถ่ายทอดความรู้และทักษะดิจิทัล (Digital Education) ภายใต้ยุทธศาสตร์ 10 in 10 ที่ตั้งเป้าสร้าง ‘Digital Talent’ 10 ล้านคน ใน 10 ปี

ปัจจุบัน Sea (ประเทศไทย) สามารถเข้าไปสร้างเสริมทักษะดิจิทัลด้านต่าง ๆ ให้แก่คนไทยได้แล้วราว 4.18 ล้านคน

ล่าสุด เปิดตัวเว็บไซต์ Sea Academy แพลตฟอร์มที่รวบรวมความรู้หลากหลายด้านจากโครงการต่าง ๆ ของ Sea (ประเทศไทย) มีเนื้อหาครอบคลุม 3 ด้าน ได้แก่

  1. การใช้อีคอมเมิร์ซและการทำธุรกิจในยุคออนไลน์
  2. การเงินดิจิทัลและความปลอดภัย
  3. ทักษะสำหรับอาชีพในวงการเกมและอีสปอร์ต และจะมีการเพิ่มเนื้อหาเข้าไปเรื่อย ๆ ในอนาคต โดยทุกคนสามารถเข้าถึงความรู้เหล่านี้ได้อย่างอิสระ

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

i-Tail เผยตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงโตตัวต่อเนื่อง เตรียมขาย IPO ขยายกำลังการผลิต

AnyMind Group ระดมทุน 4 พันล้านเยน ขับเคลื่อน Next-generation Commerce

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ