TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessโออาร์ มั่นใจ ปีนี้โตต่อ หลังปี 64 กำไรโต 30.5%

โออาร์ มั่นใจ ปีนี้โตต่อ หลังปี 64 กำไรโต 30.5%

บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) มั่นใจปีนี้ โตต่อเนื่องหลังจากปี 64 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 11,474 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30.5% ยอมรับขาดทุนสต็อก วันลดภาษีดีเซลวันเดียว 200 ล้านบาท แต่ค่าการตลาดดีขึ้น เร่งสร้างรายได้ธุรกิจไม่ใช่น้ำมัน คาด 5 ปีข้างหน้าจะมีสัดส่วนสร้าง EBITDA 39 % ตามเป้าหมาย และธุรกิจเกี่ยวเนื่องน้ำมัน-ขนส่งจะมีสัดส่วนเหลือเพียง 45%

จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผย ตั้งแต่ราคาน้ำมันขยับสูงขึ้น ทางภาครัฐได้ขอความร่วมมือให้บริษัทเป็นส่วนหนึ่งในการลดค่าการตลาดเพื่อร่วมดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาท/ลิตร เพื่อช่วยบรรเทาภาระภาคประชาชน และทำให้อัตรากำไรอ่อนตัวลง อย่างไรก็ตาม จากที่ภาครัฐได้ลดภาษีน้ำมันดีเซล 3 บาท/ลิตร และให้ลดราคาหน้าปั๊มลง 2 บาท/ลิตร ซึ่งโออาร์ได้ปฏิบัติตามและส่งผลให้ ขาดทุนสตอกในครั้งเดียว 200 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การลดภาษีก็มีส่วนทำให้ค่าการตลาดขยับดีขึ้น และเป็นผลดีต่อโออาร์มากขึ้น

ทั้งนี้ จากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยที่ขยับดีขึ้น ที่คาดว่าจีดีพีไทยปีนี้จะโตประมาณ 3.5%-4.5% นักท่องเที่ยวกลับมาเพิ่มขึ้น ก็คาดว่าจะส่งผลให้การเดินทาง การใช้น้ำมัน การจับจ่ายซื้อสินค้าดีขึ้น รวมถึงธุรกิจใหม่ที่โออาร์เข้าไปร่วมลงทุนทั้งสตาร์ตอัพ นวัตกรรม และอื่น ๆ ก็จะทำให้ส่วนแบ่งรายได้ดีขึ้นด้วย จึงมั่นใจว่าปีนี้ผลดำเนินการจะโตต่อเนื่อง แม้ว่าโลกยังมีความเสี่ยงจากการควบคุมโควิด-19 บ้างก็ตาม โดยคาดว่าจะโตจากที่ปี 2564 มีรายได้ขายและบริการ 511,799 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.4% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 11,474 ล้านบาท สูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 2,683 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30.5% ทั้งจากรายได้ขายและบริการ และ EBITDA ที่เพิ่มขึ้น

โดยภาพรวมผลการดำเนินงาน กลุ่มธุรกิจ Mobility ดีขึ้นจากกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันจะปรับลดลง 5.1% ผลการดำเนินงานของ กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ปรับตัวลดลงเล็กน้อย จากการมาตรการในการควบคุมการแพร่กระจายของโรค COVID-19 อย่างเข้มงวด มีการล็อกดาวน์ทั่วประเทศไทยในบางช่วงของปี สำหรับ กลุ่มธุรกิจ Global มีผลการดำเนินงานปรับตัวลดลง โดยหลักมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่มีการใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวดในบางประเทศ

“แม้ช่วงราคาน้ำมันที่สูงและเราช่วยแบ่งเบาภาระผู้บริโภค ร่วมดูแลราคาดีเซล แม้จะเป็นแรงกดดันในช่วงที่ผ่านมาบ้างก็ตาม และส่งผลมายังราคาหุ้น แต่จากการที่เศรษฐกิจดีขึ้น เราปรับไปสู่ธุรกิจใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น ผลตอบแทนของเราก็จะดีขึ้น เป็นบวกต่อโออาร์ ส่วนเรื่องการใช้เงินสกุลดิจิทัลแน่นอนว่า โออาร์มีการศึกษาและเตรียมพร้อม แต่จะนำมาใช้ได้ก็ต่อเมื่อ กฏระเบียบ และกฏหมายต่าง ๆให้การรองรับที่พร้อม เพราะเราข้องเกี่ยวกับหลายยภาคส่วน” จิราพร กล่าว

สำหรับแผนการลงทุน 5 ปีนี้ (ปี 2565 – 2569) บริษัทตั้งงบลงทุนจํานวน 93,462 ล้านบาท โดยปีนี้กำหนดงบลงทุนไว้ที่ 26,949 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนในธุรกิจ Mobility จำนวน 9,002 ล้านบาท ธุรกิจ Lifestyle ประมาณ 6,876 ล้านบาท ธุรกิจ Global 4,374 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจ Innovation & New Business ประมาณ 3,768 ล้านบาท และอื่น ๆ อีก 2,929 ล้านบาท โดยภาพรวมแล้ว ใน 5 ปีข้างหน้าจะทำให้สัดส่วน EBITDA ของโออาร์เปลียนแปลงไป รองรับไลฟ์สไตล์และเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้น ซึ่งก็จะทำให้ EBITDA ของ ธุรกิจ Mobility มีสัดส่วนลดลงจาก 76% เหลือ 45% สัดส่วนธุรกิจ Lifestyle เพิ่มสัดส่วนจาก 21% เป็น 45%

“โออาร์ มีผู้สนใจเจรจาเข้าร่วมทุนด้านธุรกิจใหม่เป็นจำนวนมาก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีหลากหลายธุรกิจ ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพและท่องเที่ยว คาดปิดดีล 3-4 ดีลในปีนี้ โดยปีที่แล้ว ธุรกิจที่ร่วมทุน เช่น FLASH ได้สร้างรายได้ทั้งจากธุรกิจและเข้ามาเป็นพันธมิตรซื้อน้ำมันจาก โออาร์ ในขณะนี้ ร้าน “โอ้กะจู๋” ก็ใช้ช่องทางการจำหน่ายทั้งในสถานีและในร้านคาเฟอเมซอนเพิ่มขึ้นคาดปีนี้จะเพิ่มอีก 60 แห่งเป็น 80 แห่ง” จิราพร กล่าว

สำหรับแผนขยายลงทุนใน ปีนี้ ในประเทศไทย ปั๊มน้ำมันจะมีเพิ่มขึ้น 129 แห่งจากปี 64 มี 2,083 แห่ง คาเฟ่เอเมซอนเพิ่มขึ้น 389 แห่ง จากปี 2564 มี 3,628 แห่ง สถานีชาร์จไฟฟ้าอีวีเพิ่มอีก200แห่ง เป็น 300 แห่งในปีนี้ และในต่างประเทศ จะมีปั๊มน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 73 แห่ง จากปี 2564 มี 356 แห่ง และคาเฟ่อเมซอน เพิ่มอีก 129 แห่งจากปี 2564 มี 303 แห่ง

ในปี 2564 ที่ผ่านมา OR ได้เปิดดำเนินการศูนย์กระจายสินค้าสำหรับธุรกิจค้าปลีก โรงงานผลิตผงผสมเครื่องดื่ม Café Amazon และโรงงานผลิตเบเกอรี่ Café Amazon ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพิ่มเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจ คาเฟ่ อเมซอน รวมทั้งได้ลงทุนเพื่อต่อยอดและสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Mobility & Lifestyle เพื่อตอบสนองผู้บริโภคได้อย่างครบวงจร อาทิ การขยายการให้บริการชาร์จรถไฟฟ้า EV Station PluZ ทั้งในและนอก PTT Station การเข้าลงทุนใน บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด บริษัท อิ่มทรัพย์ โกลบอล คูซีน จำกัด และบริษัท คามุ คามุ จำกัด อีกทั้งยังมีการร่วมกับ บริษัท บลูบิก กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จัดตั้ง “Orbit Digital” เพื่อยกระดับขีดความสามารถขององค์กรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม สู่การเพิ่มมูลค่าและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ หรือการร่วมกับ 500 Tuktuks ในการจัดตั้งกองทุน ORZON Ventures เพื่อส่งเสริม Start-up ที่มีศักยภาพในการเติบโตและสอดคล้องกับกลยุทธ์ของ OR เป็นต้น-สำนักข่าวไทย

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

พันธกิจ “โออาร์” ภายใต้แนวคิด Inclusive Growth

บอร์ดดีแทค อนุมัติการควบรวมกับทรู ดีแทค แยกอิสระธุรกิจ จนกว่าควบรวมเสร็จสิ้นในปี 2565

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ