กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล ประธาน KBTG และ President of Technology ธนาคารกสิกรไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว วิเคราะห์, สรุปและแชร์ เรื่องเศรษฐกิจจีนหลังโควิด-19 ดังนี้
-เปิดวิสัยทัศน์ “กระทิง” โลกหลังโควิด-19 … ที่ไม่เหมือนเดิม
-Digital Transformation จะเกิดขึ้นมหาศาล
China Post-COVID Recovery and Economic Outlook โดย Prof. Ma Yun ที่เป็นอาจารย์ผมที่ Tshinghua University ผมเห็นว่าน่าสนใจมากเลยเอามาวิเคราะห์, สรุปและแชร์ให้เพื่อน ๆ ฟังครับ.
1.GDP ของจีนติดลบ ( -6.8% ) ใน Q1 2020 ต่ำสุดในรอบหลายสิบปี, ยอดขายปลีกลดลง 20% และยอดขายรถยนต์ตกลงมากว่า 60% Year-On-Year (YoY) ใน Q1 2020 ครับ.
2.การลงทุนใน Fixed Asset – Property, Infrastructure, และ Manufacturing ลดลงกว่า 20% YoY ใน Q1 2020 เช่นเดียวกัน.
3.กำไรในภาคอุตสาหกรรมตกลงกว่า 37% ใน Q1 และยอดขายที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ตกลงไปกว่า 40% YoY ใน Q1 2020 เช่นเดียวกัน.
4.จึงไม่น่าแปลกใจที่อัตราการว่างงานของคนจีนพุ่งขึ้นเป็น 6% จาก 5% ในเดือนกุมภา คือคนตกงานเพิ่มอีกเป็นสิบล้านคนซึ่งเป็นช่วงที่สถานการณ์ COVID อยู่ในจุด peak พอดี
แต่ทว่า จีนกลับ rebound ขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว…..
5.ดัชนีการผลิด ( Manufacturing PMI ) รีบาวนด์กลับมาที่อัตราเดิมก่อน COVID คือ 50 กว่าๆ ในเดือน มีนา – เมษายนและ 96% ของบริษัทขนาดกลางและใหญ่กลับมาดำเนินงานเป็นปกติได้แล้วครับ.
6.ยอดส่งออกในเดือนมีนา – เมษายนกลับมาเติบโตเป็นบวกกว่า 5% และอัตราการบริโภคของผู้บริโภคเด้งกลับมาเกือบปกติ ยอดขายสินค้า electronics บน Tmall เติบโตกว่า 200% ในช่วง Labor Day Weekend และสินค้าในหมวดหมู่อื่นก็กลับมาเติบโตอีกครั้ง
7.Traffic ของคนที่ไปใช้งานรถไฟใต้ดินและรถสาธารณะ กลับมาที่ 86% ของปกติ (ซึ่งอันนี้ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดีกันแน่ครับแต่ชัดเจนว่า คลาย lock down เกือบ 100%).
8.สรุปคือจีน rebound กลับมาได้รวดเร็วมากและ”ถ้าไม่มี 2nd Wave” ของ COVID, GDP น่าจะกลับมาเติบโตที่ 5% ซึ่งเป็นระดับ Pre-COVID ภายใน Q3 ปีนี้ และคาดว่าจะเติบโตเกือบ 20% ใน Q1 ปีหน้า (ส่วนใหญ่เพราะฐาน Q1 ปี 2020 นี้ติดลบเลยมีฐานที่ต่ำ ) และstabilize ที่ 5% GDP Growth และ ทั้งปี 2021 GDP จีนมีสิทธิ์โตถึง 7% ครับ.
9.แต่เศรษฐกิจจีนก็ยังมีความเสี่ยงโดยเฉพาะคุณภาพหนี้และสินทรัพย์ด้อยค่าลงในภาค financial sector, และ ความเสี่ยงของธุรกิจเล็กๆและธนาคารขนาดเล็กรวมทั้ง มาตรการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่ต้องเข้าไปช่วยเหลือคนตกงานโดยการให้ social safety net และพยุงภาค SME และ ธนาคารขนาดเล็กรวมทั้งรัฐวิสาหกิจที่อ่อนแอซึ่งคาดว่าจะทำให้การขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น อีก ~ 1%.
10.หลัง COVID นั้นจีนน่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมีสิทธิที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำโลกเต็มตัวเพราะ สหรัฐและพันธมิตรยุโรปนั้นน่าจะอ่อนแอลงมากหลังจากวิกฤติ COVID นี้ ซึ่งจริงๆแล้วมันอาจจะแค่เป็นการเร่งการ shift of global power ที่ยังไงก็ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนก็ได้ครับ…และล่าสุด Digital Yuan นั้นชัดเจนว่าจีนกำลังพยายามที่จะผลักตัวเองเป็น global super power และ leading currency ครับ.
11.เราจึงเห็นการ “รุมยำ” จีนและเตะตัดขาจีนทั้งผ่านทางองค์กรระดับโลก, รุมสอบสวนจีนเรื่องแหล่งที่มาของ COVID หรือการกลับมายำบริษัทจีนอย่าง Huawei อีกครั้งและมันจะรุนแรงมากขึ้นแน่นอนในปีนี้ที่เป็นปีแห่งการเลือกตั้งประธานาธิปดีสหรัฐอเมริกาและมีการนำจีนไปเป็นประเด็นในการหาเสียงเยอะพอสมควร ส่วนตัวเศรษฐกิจสหรัฐเองนั้นหลายๆคนวิเคราะห์กันว่ามีความเป็นไปได้ที่มันเองกำลังจะกลายเป็น rich, old , slow-growth economy เหมือนญี่ปุ่น ( the Japanification of US ) ครับ.
12.ในสถาณการณ์ที่จีนมีสิทธิ์จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำโลกอย่างรวดเร็วท่ามกลางความอ่อนแอของ เศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปและ จีนกำลังต้องการพันธมิตรนานาชาติ ดังนั้นบทบาทของ ASEAN และ ไทยที่กำลังเป็นประธาน ASEAN จึงมีความสำคัญอย่างมากซึ่งถ้าเรามียุทธศาสตร์ “จีน” ที่ดีและมีการ balance อำนาจกับมหาอำนาจอื่นๆและใช้ประโยชน์จาก global power shift นี้นี่อาจจะเป็นยุทธศาสตร์ที่ช่วยให้ประเทศไทยได้ประโยชน์อย่างมหาศาลหลัง COVID ก็ได้ครับ.
ที่มา กระทิง พูนผล