TH | EN
TH | EN
หน้าแรกSustainabilityเอสซีจี แทคทีมเจนวายสายกรีน กู้วิกฤติ Climate Change จัดทริปปลูกหญ้าทะเล ฮีโร่ลดโลกร้อน

เอสซีจี แทคทีมเจนวายสายกรีน กู้วิกฤติ Climate Change จัดทริปปลูกหญ้าทะเล ฮีโร่ลดโลกร้อน

“เอสซีจี” ชวนคนรุ่นใหม่สายกรีนร่วมทริป “ใคร Make Change – ปลูกหญ้าทะเล @ ตรัง” ลงพื้นที่ปลูกหญ้าทะเล ฮีโร่ของการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตัวช่วยกู้วิกฤติโลกร้อนได้มากกว่าการปลูกต้นไม้บนบกสูงสุดถึง 35 เท่า ณ ชุมชนมดตะนอย อ.กันตัง จ.ตรัง แหล่งหญ้าทะเลผืนใหญ่ที่สุดในไทย ผ่านการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ลงมือปลูกกับผู้เชี่ยวชาญและตัวแทนชุมชนที่เป็นตัวจริงด้านการปลูกหญ้าทะเล พร้อมส่งต่อแรงบันดาลใจชวนคนรอบข้างแก้วิกฤติโลกร้อนร่วมกันอย่างยั่งยืน

วีนัส อัศวสิทธิถาวร ผู้อำนวยการ Enterprise Brand Management Office เอสซีจี กล่าวว่า เอสซีจีเชื่อในพลังคนรุ่นใหม่เป็นกำลังสำคัญในการกู้วิกฤติโลกร้อน ชวนน้อง ๆ สายกรีนร่วมทริป ‘ใคร Make Change – ปลูกหญ้าทะเล @ ตรัง’ ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการ “ปลูก ลด ร้อน” เพื่อร่วมเรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการแก้วิกฤติโลกร้อน โดยเฉพาะการปลูกหญ้าทะเล ต้นไม้ที่ช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าต้นไม้บนบกชนิดอื่น ๆ และช่วยฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลให้กลับมาอุดมสมบูรณ์

ผู้ร่วมกิจกรรมจะได้เรียนรู้ และปลุกแรงบันดาลใจให้ลุกขึ้นมาลงมือทำจริงเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้โลกร่วมกัน ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ กิจกรรม Learn From The Real เรียนรู้ความสำคัญและความเชื่อมโยงของระบบนิเวศหญ้าทะเล/ป่าโกงกาง และสิ่งมีชีวิตในพื้นที่ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงปราชญ์ชาวบ้าน และเยาวชนชุมชนมดตะนอยที่มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ กิจกรรม Grow Your Plant ลงพื้นที่ปลูกหญ้าทะเลและป่าโกงกางอย่างถูกวิธีเพื่อให้เติบโตอย่างยั่งยืน กิจกรรม Nature Reconnect สัมผัสวิถีชุมชนชาวเลที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติ ตลอดจนรับความรู้ในการสื่อสารที่ช่วยส่งต่อพลังให้คนรอบข้างร่วมเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นไปด้วยกัน

ด้าน ดร.เพชร มโนปวิตร นักวิทยาศาสตร์ด้านการอนุรักษ์ที่มีประสบการณ์ทำงานองค์กรสิ่งแวดล้อมระดับโลกหลายแห่งตลอด 20 ปีที่ผ่านมา อาทิ IUCN UNDP WWF – กองทุนสัตว์ป่าโลก และ WCS  – สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า กล่าวว่า ภาวะโลกรวน หรือ Climate Change ที่เกิดขึ้นกำลังส่งผลกระทบรุนแรง ทำให้เกิดคลื่นความร้อนใต้น้ำ และภาวะทะเลเป็นกรด รวมถึงสภาพอากาศสุดขั้วที่ทำให้เกิดภัยพิบัติบ่อยครั้ง หญ้าทะเลเป็นระบบนิเวศที่มีความสำคัญมากต่อการรักษาความสมดุลของชายฝั่ง และยังช่วยส่งเสริมความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนและแนวปะการัง บรรเทาความรุนแรงจากพายุ และช่วยแก้วิกฤติโลกร้อนโดยตรง เพราะหญ้าทะเลสามารถกักเก็บคาร์บอนได้มากกว่าป่าเขตร้อนถึง 35 เท่า จนได้ฉายาว่าเป็นคาร์บอนสีน้ำเงิน หรือ Blue Carbon

นอกจากนี้ยังช่วยปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ อย่างที่ทราบกันดีว่าหญ้าทะเล คือบ้านของพะยูน สัตว์ทะเลหายาก ตรังถือเป็นเมืองหลวงของพะยูน ที่นี่เป็นแหล่งหญ้าทะเลที่ใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับการอนุรักษ์และฟื้นฟูอย่างถูกวิธี

รสิตา พระคง หรือ น้องซันมา แกนนำกลุ่มเยาวชนมดตะนอย อายุ 16 ปี เล่าถึงการร่วมมือกันดูแลธรรมชาติของคนในชุมชนว่า “หนูเกิดและโตในชุมชนชาวประมงริมทะเล เริ่มปลูกหญ้าทะเลตั้งแต่ 6 ขวบ เพราะแม่ปลูกฝังว่าป่าชายเลน และหญ้าทะเลมีความสำคัญต่อระบบนิเวศ และส่งผลต่อการทำประมงของพวกเรามาก พอโตขึ้นมา หนูกับเพื่อน ๆ ได้รวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มเยาวชนบ้านมดตะนอย 30-40 คน มาช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมในชุมชน ปลูกหญ้าทะเล ป่าชายเลน และคอยเก็บขยะตามชายหาดเพื่อให้ชุมชนมีความอุดสมบูรณ์ จะได้มีสัตว์น้ำเยอะๆ พวกหนูภูมิใจมากที่ทำให้ชุมชนอุดมสมบูรณ์ พี่ ป้า น้า อามีความสุข คนในหมู่บ้านได้ทำอาชีพประมงกันต่อไป”

สุภาพิชญ์ ไชยดิษฐ์, โยธิน ทองพะวา และภานุวัฒน์ เดชานุภานนท์ 3 สมาชิกจากทีม Grow up together เล่าถึงความประทับใจ และสิ่งที่ได้รับจากการร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ว่า “เรา 3 คนมีบทบาทอยู่ในสภาเด็ก และเยาวชนแห่งประเทศไทย เรื่องสิ่งแวดล้อมก็เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญ แต่ส่วนมากเน้นการให้ความรู้ น้อยครั้งที่จะได้ลงมือปฎิบัติจริง และไม่เคยรู้เลยว่าหญ้าทะเลมีความสำคัญอย่างไร จึงตัดสินใจสมัครมาร่วมทริป ซึ่งพวกเราได้เรียนรู้ถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน การปลูกและความสำคัญของหญ้าทะเลที่เป็นเหมือนบลูคาร์บอน (Blue Carbon)

นอกจากนี้ ยังได้เรียนรู้วิถีชุมชน ที่ให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล โดยมีการปลูกฝังตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เช่น การแยกขยะ พวกเรามีความตั้งใจที่จะไปทำนโยบายต่อในเรื่องสิ่งแวดล้อม ที่จะต้องเป็นการปรับเปลี่ยนในเชิงพฤติกรรมให้เยาวชนได้เข้าใจมองเห็นคุณค่าของสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น เรามองว่าสิ่งที่ยากที่สุดคือ การปลูกต้นไม้ในใจคน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือการดูแลโลกมันไม่ได้เป็นการทำเพื่อตัวเองแต่เป็นการทำเพื่ออนาคตการสื่อสารให้เขาเห็นถึงผลกระทบ รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งใกล้ตัวเพื่อให้ได้รู้ว่าปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศมันส่งผลถึงภาพรวมทั้งหมดในระยะสั้นและระยะยาว การได้เรียนรู้ด้วยประสบการณ์จริงก็จะมีส่วนช่วยให้ทุกคนได้เห็นความสำคัญถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมได้ดีที่สุด เหมือนกับพวกเราที่ได้มาร่วมกิจกรรมในทริปนี้”

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ซีพี ออลล์ จับมือ 10 พันธมิตร สร้างระบบนิเวศจัดการขยะที่ใหญ่ที่สุดในไทย

Krungthai COMPASS ชี้ โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนโตรับ BCG economy

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ