ดูเงียบเหงาไม่น้อยสำหรับความเคลื่อนไหวในการสรรหาคณะกรรมกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ “บอร์ด กสทช.” นับตั้งแต่ปิดรับสมัครไปตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน เป็นต้นมา ชาวบ้านมีโอกาสรับรู้เพียงแค่รายชื่อผู้สมัคร 78 คนว่าใครเป็นใครเท่านั้น หลังจากนั้นแทบไม่เคยรับรู้ความคืบหน้าใด ๆ อีกเลย
กระทั่งล่าสุดเพิ่งจะได้ฤกษ์นัดหมายผู้สมัครมาสัมภาษณ์สิ้นเดือนสิงหาคมนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะมีคัดกรองคุณสมบัติก่อนหรือไม่ หรือยังจะใช้แบบเดิม ๆ คือ เชิญผู้สมัครทั้ง 78 คนมาสัมภาษณ์ เหมือนคราวที่แล้วที่เปิดโอกาสให้ผู้สมัครทั้ง 80 คน โดยให้เวลาคนละเพียง 10 นาที ซึ่งน้อยมากสำหรับองค์กรที่มีความสำคัญอย่างอย่างกสทช.
จึงโดนวิพากษ์วิจารย์อย่างหนัก เพราะผู้ผ่านการคัดเลือกหลายคนมีปัญหาในเรื่องคุณสมบัติ บางคนมีประวัติด่างพร้อย บางคนมีผลประโยชน์ทับซ้อน และบางคนคุณสมบัติขัดกับระเบียบในการรับสมัคร แต่หลุดลอดเข้ามา ในที่สุดก็โดนสว.ล้มกระดานให้กลับไปสรรหาใหม่
อย่างที่รู้ ๆ “กสทช.” เป็นองค์กรอิสระระดับ “เกรดเอบวก” รายได้และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จึงหอมหวนจนใคร ๆ ก็อยากเข้ามานั่งเป็นบอร์ด แค่ลำพังเงินเดือนของบอร์ดแต่ละคนอยู่ที่ 269,000 บาท ประธานบอร์ดมากกว่านั้นยังมี “งบเดินทางต่างประเทศ” นั่งเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาสมี “งบรับรอง” คนละ 200,000 แสนบาทต่อเดือน ยังไม่รวมถึงสิทธิประโยชน์อื่น ๆ จึงไม่แปลกใจที่ใคร ๆ ก็อยากจะเป็นบอร์ดกสทช.
เข้าใจว่าเจตนาที่ต้องกำหนดให้รายได้บอร์ดกสทช.ในอัตราสูง ๆ ก็เพื่อจะจูงใจ “คนเก่ง” “คนดี” “นักบริหารมืออาชีพ” ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญจริง ๆ เข้ามาทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ชาติ รวมถึงใช้สติปัญญาต่อยอดทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาชาติบ้านเมือง แต่จากการสรรหาที่ผ่านมาไม่ว่าชุดไหน ๆ ก็น่ายังห่างไกลเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้
ในการสรรหา 2 ครั้งที่โดนล้มกระดานไปหมาด ๆ ก็ได้คนที่มีคุณสมบัติ “ไม่ตรงปก” ไม่ตรงสเป็คตามสายงานที่ต้องการ บางคนเคยมีประวัติด่างพร้อยถูกร้องเรียน บางคนเป็น “นอมินี” จากกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม เป็นที่น่าสังเกตบอร์ดทุกชุดจะต้องมีคนมีสีถูกส่งเข้ามาเฝ้าขุมทรัพย์ให้กองทัพทำนองว่า “ขุมทรัพย์ข้าใครอย่าแตะ” บางคนไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในกิจการโทรมนาคมกิจการวิทยุและโทรทัศน์ เคยแต่นั่งอยู่บนหอคอยงาช้าง
จึงไม่แปลกใจในการสรรหาแต่ละครั้งจึงมีการวิ่งเต้นกันฝุนตลบเพื่อ “ล็อบบี้” ให้ตัวเองเข้ามาเป็น 1 ในอรหันต์ทั้ง 7 คราวนี้ก็เช่นกัน ส่อเค้าว่าชักจะมีกลิ่นทะแม่ง ๆ นัยว่ามีการ “ล็อกสเป็ค” ไว้ให้ใครบางคน ซึ่งได้แอบสืบทราบมาว่ามี “มือที่มองไม่เห็น” แผ่อิทธิพลข้ามหัวกรรมการสรรหาฯ เข้าไปจัดวางเอาคนของตัวเองไปนั่งเป็นบอร์ดกสทช.ล่วงหน้าไว้แล้ว อย่างน้อย ๆ ที่ตอนนี้ล็อกกันไว้แล้ว 3 ด้านด้วยกัน
เท่าที่ดูแต่ละคนที่ล็อกสเป็ค หากเป็นไปตามที่โผแย้มออกมา ล้วนแต่ไม่ตรงปก บางคนมีคุณสมบัติขัดกับระเบียบที่กำหนดไว้ โดย 2 ใน 3 เป็นคนในกสทช. อีกคนจากสายวิชาการหวัง “กินรวบ” อำนาจในกสทช. ซึ่งมีเดิมพันผลประโยชน์ประเทศปีละหลายแสนล้านบาท เรื่องอย่างนี้โบราณว่า “ไม่มีมูล หมาไม่ขี้” ยังไงกรรมการสรรหาน่าจะลองเช็คข้อมูลว่าเป็นจริงหรือไม่
สอดคล้องกับก่อนหน้านี้ “พล.ต.สุพิชาติ เสนานุรักษ์” ผู้สมัครกสทช.ด้านกฏหมายที่เคยออกมาตั้งข้อสังเกตถึงความไม่ชอบมาพากลในกระบวนการสรรหาครั้งนี้ ที่อาจเป็นเหตุให้การรับสมัครและสรรหากสทช.คราวนี้อาจจะต้องล่ม ซ้ำรอยคราวที่แล้ว พร้อมกันนี้เขายังเรียกร้องให้กรรมการสรรหากสทช. ตรวจสอบวินิจฉัยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครทุกคนอย่างละเอียดไม่ใช่ “ปล่อยผี” เหมือนครั้งที่แล้ว
เท่าที่ดูโปรไฟล์คณะกรรมการสรรหา ที่แต่ละท่านล้วนเป็นบุคคลที่มีทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ เป็นที่น่าเชื่อถือ ดังนั้น ก่อนจะนัดหมายผู้สมัครมาสัมภาษณ์ ควรจะต้องคัดกรองคุณสมบัติผู้สมัครแต่ละคนให้เรียบร้อยก่อน ใครคุณสมบัติไม่ผ่านก็ต้องคัดทิ้ง แล้วประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านการคัดกรองให้ชาวบ้านทราบ ไม่ใช่แอบทำมุบมิบเหมือนที่ผ่าน ๆ มา
ระวังประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอย คือ จะได้แต่ “ของปลอม” ในที่สุดก็จะโดนสว.ล้มกระดาน ต้องสรรหากันใหม่ พายเรือวนอยู่ในอ่างอย่างนี้ไปไม่ถึงไหน ปล่อยให้กสทช.ชุดปัจจุบันที่ต้องอยู่ทำหน้าที่ตามคำสั่งคสช.มาจนรากงอกเสวยสุขอิ่มหมีพีมันต่อไป
ทวี มีเงินผู้เขียน: ทวี มีเงิน …. นักเขียน นักหนังสือพิมพ์ คอลัมนิสต์ อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ธุรกิจยักษ์ใหญ่ ผู้คร่ำหวอดในวงการสื่อหนังสือพิมพ์ธุรกิจมากว่า 30 ปี
