TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessไทยพาณิชย์ โพรเทค รุกภูมิภาค เริ่มเชียงใหม่รับตลาดประกันฟื้นตัว อัตราเติบโตต่อเนื่อง

ไทยพาณิชย์ โพรเทค รุกภูมิภาค เริ่มเชียงใหม่รับตลาดประกันฟื้นตัว อัตราเติบโตต่อเนื่อง

อัตราการถือครองกรมธรรม์ในประเทศยังมีจำนวนน้อย โอกาสเติบโตจึงมีสูงทั้งประกันชีวิต และประกันวินาศภัย โดยมีคาดการณ์ปี 2566 แนวโน้มการเติบโตของประกันชีวิตจะเพิ่มขึ้น 0-2% ส่วนประกันภัยคาดเบี้ยรับรวมจะเพิ่มขึ้น 4-5% และหลังโควิดสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กลับมาเปิดสอบนายหน้าประกันตั้งแต่ปีที่ผ่านมา

หนทางตลาดเริ่มสดใส ล่าสุดไทยพาณิชย์ โพรเทค โบรกเกอร์ประกันในเครือธนาคารไทยพาณิชย์เปิดแผนธุรกิจปี 2566 ต่อยอดทิศทางแบงก์แม่ ชูจุดเด่นการวางระบบรากฐานข้อมูลเทคโนโลยีจากสำนักงานใหญ่ส่งบริการเชื่อมถึงกันแบบไร้รอยต่อจากทุกช่องทางสู่ทุกภูมิภาค ประเดิมเปิดศูนย์กลางการดำเนินงานภาคเหนือ เชียงใหม่ เป็นแห่งแรก ก่อนขยายสู่อีก 3 ภูมิภาคภายในปีหน้า

ปรมาศิริ มโนลม้าย รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจประกัน ธนาคารไทยพาณิชย์ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยพาณิชย์ โพรเทค จำกัด นายหน้าประกันชีวิตและประกันวินาศภัย เล่าถึงความก้าวหน้าของธุรกิจว่า จากการวางรากฐานการทำงานเพื่อสร้างการเจริญเติบโตในช่วงที่ผ่านมา การนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านความคุ้มครองที่คุ้มค่าและพัฒนาช่องทางการติดต่อลูกค้าทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อให้ผู้บริโภคกลุ่มแมสเข้าถึงความคุ้มครองที่ต้องการได้ง่าย โดยเฉพาะช่องทางประกันออนไลน์ (Digital Insurance) ที่ https://online.scbprotect.co.th/ ส่งผลให้บริษัทก้าวขึ้นเป็นบริษัทนายหน้าประกันชีวิตและประกันวินาศภัยที่มียอดกรมธรรม์ผ่านช่องทางออนไลน์ที่เติบโตรวดเร็วที่สุดในตลาด ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 200% ต่อเดือน

ผลประกอบการปี 2565 บริษัทมีเบี้ยรับรวม 1,700 ล้านบาท ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นกว่า 1.8 แสนราย มีรายได้ 800 ล้านบาท และตั้งเป้าการเติบโตอย่างมีศักยภาพในปี 2566 เบี้ยประกันจะเพิ่มเป็น 3,400 -3,500 ล้านบาท รายได้เพิ่มเป็น 1,600 – 1,700 ล้านบาท โดยกำหนดกลยุทธ์สอดรับกับกลยุทธ์ของธนาคารไทยพาณิชย์ที่ประกาศเป็นดิจิทัลแบงก์ที่เป็นอันดับหนึ่งด้านการบริหารความมั่งคั่ง พร้อมมอบประสบการณ์การให้บริการที่เชื่อมถึงกันอย่างไร้รอยต่อในทุกช่องทาง

ทั้งนี้ ได้วางโครงสร้างการให้บริการและการวางระบบรากฐานข้อมูลเทคโนโลยีให้รองรับการให้บริการที่เชื่อมถึงกันอย่างไร้รอยต่อ (Omni-Channel) จากช่องทางการขายที่แตกต่างกัน ผสานความสะดวกสบายในการเข้าถึงความคุ้มครองผ่านทางดิจิทัลกับการดูแลและให้บริการลูกค้าจากพนักงานทั้งก่อนและหลังการขาย รวมถึงได้พัฒนา AI ในการเรียนรู้และวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และค่าเบี้ยที่คุ้มค่าผ่านช่องทางการขายที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าแต่ละราย

เปิดศูนย์แห่งแรกเชียงใหม่

ขณะเดียวกัน ยังขยายเครือข่ายสู่ภูมิภาคหลัก 4 แห่ง ซึ่งเพิ่งเปิดศูนย์กลางการดำเนินงานประจำภูมิภาคแห่งแรกที่ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ และจะทยอยเปิดที่ภูมิภาคอื่น ๆ ต่อไป คือ อิสาน ที่ขอนแก่น ตามด้วยภาคใต้ หรือภาคตะวันออก โดย 3 แห่งแรกจะเปิดภายในไตรมาส 4 ปีนี้ และจะมีส่วนผลักดันให้เบี้ยรับรวมและรายได้ปีนี้เติบโต 200%

ทั้งนี้ การเลือกเชียงใหม่เป็นศูนย์แห่งแรก พิจารณาจากศักยภาพและความพร้อมหลายประการ ทั้งความเป็นเมืองหลักของธุรกิจการค้าและการท่องเที่ยวของประเทศ ตลาดแรงงานปรับดีขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนจากจำนวนผู้ประกันตนมาตรา 33 จังหวัดเชียงใหม่ ในไตรมาสแรกของปี 2566 เติบโต 30% อีกทั้งหลังสถานการณ์โควิดดีขึ้นมีแรงงานกลับคืนถิ่นจำนวนมาก และต้องการมีอาชีพที่มั่นคง

ปัจจุบัน ศูนย์ภาคเหนือมีพนักงานรวมทั้งสิ้น 450 คน ส่งผลให้เศรษฐกิจรอบข้างดีขึ้น เช่น ร้านค้าร้านอาหารที่มียอดขายเพิ่มจากจำนวนพนักงานดังกล่าว

การขยายเครือข่ายสู่ภูมิภาค บริษัทตั้งเป้าสร้างเบี้ยรับเพิ่มภาคละ 720 ล้านบาทต่อภาคต่อปี พนักงานเพิ่มรวมประมาณ 2,000 คน จุดเด่นของงาน เช่น เทเลเซลล์ คือเป็นสัญญาจ้างพนักงาน มีเงินเดือนประจำ เบี้ยขยัน ค่าคอมมิชชั่นตามผลงาน รางวัลพิเศษตามแคมเปญ และสวัสดิการต่าง ๆ ทุกคนจะได้รับการอบรมและส่งสอบใบอนุญาตฟรี

เทเลเซลล์สร้างลูกค้า80%

ช่องทางทำยอดขายที่หลากหลาย สามารถแบ่งสัดส่วนการปิดการขาย 80% มาจากเทเลเซลล์ อีก 17-18% มาจากเฟซ ทู เฟซ ส่วนช่องทางดิจิทัลมีเพียง 2-3% แต่เป็นช่องทางที่มีผู้เข้ามาดูข้อมูลจำนวนมาก

ภายใน 1-2 ปีนี้ ช่องทางดิจิทัลจะยังไม่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ แต่ข้อมูลที่ได้มาจากดิจิทัลจะส่งต่อให้เทเลเซลล์ไปตามต่อ หรือลูกค้าต้องการเฟซ ทู เฟซ ก็ทำได้เช่นกัน ซึ่งการให้คอมมิชชั่นจะนับปลายทางที่ปิดการขายกับลูกค้าได้

รุกลูกค้าองค์กร

พร้อมกันนี้ บริษัทยังลงนามความร่วมมือกับ 5 องค์กรภาคธุรกิจการค้าและการท่องเที่ยวเชียงใหม่ ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ สมาพันธ์ SME ไทย จังหวัดเชียงใหม่ สมาคมส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการไทยจังหวัดเชียงใหม่ ATED.CM และสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ (ตอนบน) สนับสนุนผลิตภัณฑ์ประกันกลุ่มราคาพิเศษ

ทั้งนี้ บริษัทร่วมมือกับซันเดย์ ประกันภัย บริษัทอินชัวร์เทคที่ SCB 10X ถือหุ้นอยู่ พัฒนาผลิตภัณฑ์และระบบที่ทันสมัยเหมาะกับลูกค้าในยุคดิจิทัลที่รับความคุ้มครองผ่านมือถือ ออก 1. ประกันกลุ่มอุบัติเหตุสุดคุ้ม (Group Personal Accident) ประกันพื้นฐานความคุ้มครองสำหรับความเสี่ยงในการใช้ชีวิตประจำวันที่เกิดขึ้นได้บ่อยสำหรับทุกวัย ซึ่งทำได้ทั้งพนักงานองค์กร สมาชิกในองค์กรและครอบครัวของคนในองค์กร ด้วยค่าเบี้ยเริ่มต้นปีละ 225 บาท รับความคุ้มครองชีวิตจากอุบัติเหตุ 1 แสนบาท

2. ประกันกลุ่มอุบัติเหตุ PA แผน 6 ที่มีค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุครั้งละ 5,000 บาท ไม่จำกัดจำนวนครั้ง และความคุ้มครองชีวิตจากอุบัติเหตุสูง 5 แสนบาท ด้วยค่าเบี้ย 1,180 บาทต่อปี

นอกจากนี้ ลำดับถัดไปจะให้บริการประกันกลุ่มรถทัวร์ รถตู้ ประกันทรัพย์สินและโรงงาน

ตลาดประกันปี2566โต

ข้อมูลจากสมาคมประกันชีวิตไทยคาดการณ์ปี 2566 ธุรกิจประกันชีวิตจะมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 612,500 – 623,500 ล้านบาท เติบโต 0–2% อัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ 81–82% สอดคล้องกับ GDP ประเทศที่จะขยายตัว 2.7–3.7%

ส่วนศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดเบี้ยรับรวมของธุรกิจประกันวินาศภัยปี 2566 จะเติบโตต่อเนื่อง 4-5% ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลักจากการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ประกอบกับการแข่งขันด้านราคาลดลง ทั้งจากจำนวนบริษัทประกันลดลง และต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนการเอาประกันภัยต่อที่สูงขึ้น โดยเบี้ยรับหลักมาจากประกันภัยรถ

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

กรุงศรีออโต้ ตั้งเป้ารักษาแชมป์สินเชื่อมอเตอร์ไซค์ ด้วยยอดสินเชื่อสะสม 37 หมื่นล้าน

SCBX เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ครั้งแรก เปิดให้จองซื้อ 21-29 มิ.ย. 66

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ