TH | EN
TH | EN
หน้าแรกTechnologyเสียวหมี่ ตั้งเป้าเบอร์ 3 สมาร์ทโฟนไทย เพิ่ม Mi Store เป็น 100 สาขา ในปี 64

เสียวหมี่ ตั้งเป้าเบอร์ 3 สมาร์ทโฟนไทย เพิ่ม Mi Store เป็น 100 สาขา ในปี 64

เสียวหมี่ เดินหน้ากลยุทธ์ปี 64 อัดงบการตลาดเพิ่ม 2 เท่า เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ ตั้งเป้าขึ้นอันดับ 3 ยอดขายสมาร์ทโฟนในไทย พร้อมรุกตลาด AIoT ขยายสาขาเพิ่มจาก 30 เป็น 100 สาขา และเพิ่มพาร์ทเนอร์ให้มีจุดขายจาก 4,000 เป็น 8,000 จุด ภายในปี 2564

คามัล เหลียง ผู้จัดการทั่วไป ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เสียวหมี่ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า ตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทย ในปี 2563 ที่ผ่านมา เสียวหมี่เติบโต 234% มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ประมาณ 11% เป็นสมาร์ทโฟนที่มียอดขายอับดับ 4 ในไทย โดยเหตุผลหลักที่ทำให้ประสบความสำเร็จ เพราะเสียวหมี่มีนวัตกรรมที่ล้ำหน้า ราคาจับต้องได้ แข็งแกร่งในช่องทางอีคอมเมิร์ซ และมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย

“ปัจจุบันเราเป็นอันดับ 4 แต่เรามั่นใจว่าจะขึ้นเป็นอันดับ 3 เร็ว ๆ นี้ ถึงแม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะยังไม่ดี แต่เราเชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้น เพราะเราเห็นสัญญญาณบวก คนใช้อีคอมเมิร์ซมากขึ้น และคนไทยเปิดรับเทคโนโลยีเร็ว เช่น 5G”

ปี 2564 เสียวหมี่โฟกัสที่การขยาย Mi Store จากปัจจุบันมีประมาณ 30 แห่ง ตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 100 แห่งภายในสิ้นปี และจับมือพาร์ทเนอร์ให้มีจุดขายผลิตภัณฑ์เสียวหมี่จาก 4,000 เป็น 8,000 จุด ซึ่งปัจจุบันเสียวหมี่มีสินค้า AIoT ที่นำเข้ามาขายในไทยมากกว่า 200 รายการ และวางแผนจะเปิด AIoT อย่างน้อยเดือนละ 1 ตัว ในปีนี้

-เสียวหมี่เปิดตัว Mi 11 กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 108 MP
-เสียวหมี่ เปิดตัวนาฬิกาอัจฉริยะสำหรับคุมอุปกรณ์ AIoT พร้อมเปิดตัวกล้องวงจรปิดรุ่นใหม่

เพิ่มจุดบริการหลังการขาย จาก 12 แห่ง เป็น 25 แห่ง และจะเปิดตัว Call Center ในเดือนมีนาคม และจะมี Door to Door service สำหรับลูกค้าที่เดินทางไม่สะดวก ภายในเดือนพฤษภาคม

นอกจากนี้ยังจะเพิ่มการลงทุนด้านการตลาด 2 เท่า ทั้งในเชิงสื่อ และสนับสนุนกลุ่ม Mi Fan เพื่อสร้างชุมชนที่แข็งแรงขึ้น

“ปัจจุบันคนไทยอาจจะรู้จักเสียวหมี่จากเครื่องฟอกอากาศ เครื่องดูดฝุ่น ในปีนี้เราจะสร้างการรับรู้กับสมาร์ทโฟนให้มากขึ้น เราอยากจะเป็น Coolest แบรนด์มากขึ้นสำหรับประเทศไทย”

เสียวหมี่ ตั้งเป้าเบอร์ 3 สมาร์ทโฟนไทย เพิ่ม Mi Store เป็น 100 สาขา ในปี 64

บริษัทแม่เตรียมลงทุน R&D ต่อเนื่อง

ขณะที่ตลาดโลกของเสียวหมี่ในปี 2563 ที่ผ่านมาสามารถขึ้นเป็นแบรนด์อันดับ 3 ในตลาดสมาร์ทโฟนได้สำเร็จ และติดอันดับ 1 ยอดขายสมาร์ทโฟนได้ถึง 10 ประเทศ จาก 90 ประเทศที่เข้าไปทำตลาด

คามัล กล่าวว่า เสียวหมี่ เตรียมเดินหน้าการค้นคว้าและพัฒนา (R&D) ต่อเนื่องเพราะเล็งเห็นว่า R&D เป็นเสาหลักของความสำเร็จ แม้ในปี 2563 จะค่อนข้างยากลำบาก แต่เสียวหมี่ลงทุน R&D มากกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

เสียวหมี่มีแล็บทดลองอัตโนมัติสำหรับพัฒนากล้อง เพื่อให้ได้คุณภาพที่ดีที่สุด ด้านเสียง มีห้องแล็บที่เงียบที่สุดในโลก เพื่อทดลองให้ได้เสียงที่ดีที่สุด มีแล็บทดสอบคลื่น 5G เพื่อให้อุปกรณ์ของเสียวหมี่สามารถใช้ได้กับโอเปอเรเตอร์ทั่วโลก รวมถึงแล็บสำหรับทดสอบเสาสัญญาณ

นอกจากนี้ยังมี แล็บทดสอบความเสถียรของมือถือ และทดสอบหน้าจอภาพ ในสภาวะแสงต่าง ๆ ทั้งกลางวัน และกลางคืน เพื่อจะสร้างหน้าจอที่ดีที่สุด

ซึ่งปีที่ผ่านมา DxOMARK ให้คะแนน กล้องสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ในรุ่น Mi 10 Pro และ Mi 10 Ultra เป็นกล้องที่ดีที่สุดยาวนานติดต่อกันถึง 120 วัน

“เราจะไม่หยุดการสร้างนวัตกรรม เรามองไปข้างหน้าตลอดเวลา ซึ่งส่งผลให้เราเติบโตได้มากกว่า 30 เท่า ในปีที่ผ่านมา และเป็นบริษัทที่เติบโตใน High-end Segment สูงที่สุดในโลก”

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ