TH | EN
TH | EN
หน้าแรกLifeกทปส. หนุนรัฐ – เอกชน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ ต่อยอดนำ IoT สร้างหอฟอกอากาศ ปล่อยอากาศดีคืนสู่ชาวพิษณุโลก

กทปส. หนุนรัฐ – เอกชน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ ต่อยอดนำ IoT สร้างหอฟอกอากาศ ปล่อยอากาศดีคืนสู่ชาวพิษณุโลก

ปัญหามลภาวะทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นเกินค่ามาตรฐาน ที่มีปัจจัยการเกิดมาจากการจราจร เป็นประเด็นที่กำลังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชากรไทยเป็นอย่างมาก

กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) เห็นความสำคัญของปัญหาสภาพแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น จึงสนับสนุนทุนวิจัยแก่ บริษัท ไทยโซล่าเวย์ จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการหอฟอกอากาศอัจฉริยะโดยพลังงานแสงอาทิตย์ และระบบควบคุมดูแลผ่านเทคโนโลยี IoT เพื่อการลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในพื้นที่สาธารณะ หลังผู้เชี่ยวชาญพบว่าปัญหาฝุ่นเกินมาตรฐาน 37 – 45% มาจากกการจราจร

หอฟอกอากาศอัจฉริยะมีประสิทธิภาพปล่อยอากาศดีออกมาทดแทนได้ถึง 300 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง สามารถฟอกอากาศได้ในระยะ 100 ตารางวา ได้ถึงร้อยละ 90 ของพื้นที่ พร้อมตั้งเป้าพัฒนาส่วนต่าง ๆ ของหอฟอกอากาศอัจฉริยะสู่สมาร์ทซิตี้ในอนาคต

การวิจัย “โครงการการศึกษาและพัฒนาหอฟอกอากาศอัจฉริยะ โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์และระบบควบคุมดูแลผ่านเทคโนโลยี IoT เพื่อการลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในพื้นที่สาธารณะ” มีมหาวิทยาลัยนเรศวร และเทศบาลพิษณุโลก อำนวยความสะดวกด้านการติดตั้ง มีการนำเทคโนโลยีการสื่อสารเข้ามาช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิต เปลี่ยนอากาศเสียให้เป็นอากาศบริสุทธิ์ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบของฝุ่นควันที่เกิดจากการจราจร ให้กับประชาชนตามบริเวณต่าง ๆ ที่ใกล้กับจุดการสัญจรในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม

เอกสิทธิ์ วันสม หัวหน้าโครงการ กล่าวว่า ปัญหาค่าฝุ่นเกินค่ามาตรฐานมีปัจจัยการเกิดมาจากการจราจรมากถึง 37 – 45% จากการเก็บข้อมูลพบว่า ฝุ่นริมถนนที่เกิดจากไอเสียรถดีเซล ในช่วง 7.00 – 10.00 น. และช่วง 15.00 – 19.00 น. จะมีค่าฝุ่นจากการจราจรเกินมาตรฐานตั้งแต่ 50-250 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

หอฟอกอากาศอัจฉริยะ ทำงานด้วยระบบม่านน้ำร่วมกับเทคนิคทางกลและเคมี เป็นการดูดอากาศเสียเข้าไปฟอกเพื่อปล่อยอากาศดีออกมาทดแทน ที่ปริมาณ 5 ถึง 7ลูกบาศก์เมตรต่อนาที หรือ 300-400 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง สามารถฟอกอากาศได้ในระยะ 100 ตารางเมตรในพื้นที่สาธารณะ ได้ถึงร้อยละ 90%

นอกจากนี้การสนับสนุนของ กทปส. ยังช่วยทำให้ผสานเทคโนโลยีไอโอที (IoT) ไปในหอฟอกอากาศอัจฉริยะ ทำให้สามารถวัดค่าฝุ่นได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงสามารถบอกได้ว่ามีปริมาณอากาศที่ถูกฟอกไปแล้วเท่าไร ทำให้ผู้ที่อยู่บริเวณหอฟอกอากาศอัจฉริยะได้เห็นข้อมูลต่าง ๆ ผ่านแอปพลิเคชันแบบเรียลไทม์ได้

ปัจจุบันหอฟอกอากาศอัจฉริยะนำร่องติดตั้งใน 2 จุด คือ ศาลาที่พักผู้โดยสารบริเวณต้านหน้าโรงพยาบาลพุทธชินราช และ ศาลาที่พักผู้โดยสารบริเวณต้นหลังวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่)

ทั้งนี้ ได้มีการปรับปรุงพื้นที่บริเวณป้ายรถเมล์ให้มีลักษณะกึ่งเปิดกึ่งปิด เพื่อให้หอฟอกอากาศอัจฉริยะทำงานได้ดียิ่งขึ้น โดยเริ่มติดตั้งหอฟอกอากาศ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา พบว่า หอฟอกอากาศมีประสิทธิภาพการทำงานดีมาก เนื่องจากจังหวัดพิษณุโลกเป็นพื้นที่ที่มีอุณหภูมิของอากาศสูงมาก แต่ความชิ้นมีน้อย ทำให้ที่ผ่านมาประชาชนต้องประสบปัญหาทางสภาพภูมิอากาศ ทั้งความร้อน ความแห้งแล้ง รวมถึงฝุ่น

หลังจากติดตั้งเครื่องฟอกอากาศที่มีการใช้ระบบสเปรย์น้ำเข้ามาเพิ่มความชื้นในอากาศ สามารถช่วยทำให้อากาศบริเวณโดยรอบจุดที่ติดตั้งเหลือเนื้อฝุ่นอยู่เพียง 10% เท่านั้น

ทั้งนี้ ทีมวิจัย ตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาหอฟอกอากาศไปสู่เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ในอนาคต โดยการต่อยอดจากหอฟอกอากาศไปเป็นสวนแนวตั้ง (Vertical Garden) เพิ่มเติม เพื่อทำให้ดีไซน์ดูสวยงามและสร้างความร่มรื่นให้กับประชาชนมากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากหอฟอกอากาศจะเข้ามาช่วยพัฒนาชีวิตประชาชนแล้ว ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้”

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

‘โซเชียลมีเดีย’ เครื่องมือสำคัญในการรับมือโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่

Women Well Being กับ Apple Watch เสริมสร้างสุขภาวะสตรีด้วยเทคโนโลยีสุขภาพ

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ