TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBangkok Storyนวัตกรรมกับการทรานส์ฟอร์มเมือง ดัน 'กรุงเทพ' สู่ "มหานครแห่งนวัตกรรม"

นวัตกรรมกับการทรานส์ฟอร์มเมือง ดัน ‘กรุงเทพ’ สู่ “มหานครแห่งนวัตกรรม”

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) จัดงาน STARTUP X INNOVATION THAILAND EXPO หรือ SITE 2022 จุดประกายแนวทางการเปิดเมืองในช่วงหลังวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด- 19 ด้วยนวัตกรรม ตอกย้ำบทบาทสำคัญของเมืองที่มีนวัตกรรมกับโอกาสและการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น พร้อมดึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครร่วมแสดงวิสัยทัศน์การพัฒนาเมืองด้วยนวัตกรรม

ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทั่วโลกไม่เพียงเผชิญกับวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต สังคม และเศรษฐกิจ แต่ยังเผชิญหน้ากับวิกฤติอื่นซึ่งทำให้มองเห็นความท้าทายที่จะสร้างให้เกิดโอกาสใหม่ให้กับประเทศไทยโดยเฉพาะด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ทุกคนสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วขึ้น

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เป็นตัวเร่งให้ไทยต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดเมืองหลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง ซึ่งการเปิดเมืองถือเป็นการเชื่อมโลกและประเทศไทยกลับมาดำเนินสิ่งต่าง ๆ ได้ตามปกติอีกครั้ง จึงเป็นที่มาของการจัดงาน STARTUP X INNOVATION THAILAND EXPO หรือ SITE 2022 ที่ชูประเด็นหลักคือ “เมืองนวัตกรรม” (Innovation City) ภายใต้แนวคิด“Reconnecting the World เชื่อมเรา เชื่อมโลก กลับมาเจอกัน” ในรูปแบบไฮบริดที่ผสมผสานระหว่างโลกเสมือนจริงในเมตาเวิร์สกับโลกทางกายภาพ เพื่อแสดงให้ทั่วโลกเห็นว่าประเทศไทยมีเมืองนวัตกรรมที่มีจุดเด่น และเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ และพร้อมจะเชื่อมต่อกับเมืองนวัตกรรมจากทั่วโลกเพื่อสร้างพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง และร่วมฟื้นฟูให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับสากล

นอกจากนี้ ยังเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจที่ต้องการสร้างเวทีแสดงศักยภาพของ “นวัตกรรมไทย” และสร้างแรงบันดาลใจที่ตอบโจทย์ความท้าทายให้กับคนไทยและสามารถนำไปต่อยอดหรือขยายผลในหลากหลายมิติ ทั้งนี้ ยังตอกย้ำถึงความสำคัญของ “การฑูตนวัตกรรม” ที่เป็นกรอบแนวทางการส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่สร้างให้เกิดสตาร์ตอัพ และผู้ประกอบการนวัตกรรม และบริษัทขนาดใหญ่ ในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางธุรกิจและนวัตกรรมระหว่างประเทศในอาเซียนและพันธมิตรนานาชาติ เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับสากล รวมทั้งประเทศสมาชิกความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งปีนี้ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพอีกด้วย

‘กรุงเทพ’ มหานครแห่งนวัตกรรม

ด้านรองศาสตราจารย์ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เผยว่า ความท้าทายของ NIA กับการทำให้กรุงเทพมหานครเป็น “มหานครแห่งนวัตกรรม” คือการบริหารจัดการให้ปัญหาด้านความเหลื่อมล้ำได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม โดยไม่ตั้งขอบเขตคำจำกัดความของนวัตกรรมให้เป็นแค่เรื่องของเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว

ทั้งนี้ กทม.มีแนวนโยบายในการดำเนินงานที่สามารถทำงานร่วมกันกับ NIA ได้ 3 ประการ คือ

  1. Guiding policies เมืองจะต้องไม่สร้างภาระให้กับคนรุ่นใหม่ เช่น เรื่องการกำจัดขยะโดยการฝังกลบที่ถือเป็นการจัดการปัญหาขยะที่เป็นภาระในอนาคต และต้องเอาปัญหาจริงมาสร้างนวัตกรรมให้ตอบโจทย์ปัญหาได้
  2. Inclusive นวัตกรรมต้องไม่ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนบางกลุ่ม ต้องจัดการทุกปัญหาได้อย่างเท่าเทียม และ
  3. Fair & Empathy เมืองต้องมีความยุติธรรมและความเข้าใจ ไม่ต่างกับการสร้างนวัตกกรมที่ต้องมีความยุติธรรม เช่น พื้นที่กรุงเทพมหานครมีปัญหาประชาชนสร้างที่อยู่อาศัยรุกล้ำพื้นที่คลองจำนวนมาก การจะสั่งให้ออกจากพื้นที่ทันทีไม่ใช่แนวทางแก้ไขปัญหา โซลูชันที่จะเข้ามาช่วยให้เข้าใจชีวิตและสร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นกับคนกลุ่มนี้ รัฐบาลต้องแก้ปัญหาโดยการสร้างบ้านมั่นคงเข้ามารองรับการย้ายที่อยู่อาศัยของคนกลุ่มนี้

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญก็คือการสร้างภาพจำให้คนเข้าใจถึงคำว่า “นวัตกรรม” ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น จากเดิมคนมักจะตีขอบเขตอยู่แค่เทคโนโลยี ความไฮเทค สตาร์ตอัพ ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป นวัตกรรมง่าย ๆ อย่างการใช้ไอเดียก็เป็นคำตอบสำหรับการเพิ่มมูลค่า หรือสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในสังคมได้ อีกทั้งยังช่วยปรับกระบวนการทางความคิดให้ดีขึ้น และเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างนวัตกรรมได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังกทม. เตรียมสานต่อนโยบายสนับสนุนย่านนวัตกรรมทั้ง 4 แห่งภายใต้การการดำเนินงานของ NIA ได้แก่ ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี (ศูนย์กลางด้านการบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขของประเทศ) ย่านนวัตกรรมปุณณวิถี (ศูนย์กลางดิจิทัลและไลฟ์สไตล์ของคนเมืองยุคใหม่) ย่านนวัตกรรมอารีย์ (อารีย์ 2025 ก้าวสู่เมืองฉลาดรู้) และย่านนวัตกรรมกล้วยน้ำไท (ย่านนวัตกรรมบนฐานองค์ความรู้เดิมบนความคิดสร้างสรรค์และดิจิทัล)

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวเสริมว่า ในอดีตการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน จะอยู่ในรูปแบบเอกสารหรือจดหมายผ่านกระบวนการสั่งงานตามลำดับขั้นของตำแหน่งทำให้การแก้ไขปัญหาใช้เวลาเป็นเดือน แต่พอเปลี่ยนกทม. ให้เป็นแพลตฟอร์ม “Traffy fondue” คือ นวัตกรรมเมืองที่ไม่น่าเชื่อ โดยประชาชนสามารถร้องเรียนปัญหาเข้าไปได้ในแพลตฟอร์ม เขตสามารถรับเรื่องและแก้ปัญหาได้ทันที วันแรกที่เข้ามารับตำแหน่งผู้ว่ามีคนแจ้งเหตุมากว่า 20,000 เรื่อง ซึ่งปัจจุบันได้รับการร้องเรียนทั้งหมดกว่า 40,000 เรื่อง ได้รับการแก้ไขไปแล้วกว่า 5,000 เรื่อง โดยที่ไม่ต้องมีคำสั่งการจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสามารถนำข้อมูลนี้ไปประเมินงานของข้าราชการได้ด้วย นี่คือตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่า นวัตกรรมที่ง่าย ๆ ก็สามารถเปลี่ยนเมืองได้ในพริบตา แล้วยังทำให้ข้าราชการเกิดความกระตือรือร้นในการทำงานที่ดีขึ้น

“กทม. พร้อมสนับสนุนการทำงานด้านนวัตกรรมกับ NIA อย่างเต็มที่ เพราะ กทม. อาจจะไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรม ต้องอาศัยองค์ความรู้จากหน่วยงานที่เชี่ยวชาญอย่าง NIA หรือเอกชน ที่มีข้อมูลทั้งความต้องการและประเภทเทคโนโลยี รวมถึงการคิดนอกกรอบที่ดีกว่าเพื่อออกแบบนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ประชาชน มั่นใจว่าประเทศไทยก็จะสามารถมีเมืองนวัตกรรมระดับโลกได้อย่างแน่นอน” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ทิ้งท้าย

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

GISTDA-มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ดัน GI Tech หนุนสังคมเศรษฐกิจสีเขียว

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ชวนสตาร์ตอัพ ร่วมขับเคลื่อนกรุงเทพฯ ด้วยนวัตกรรม

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ