เทคโนโลยี blockchain กำลังถูกมองว่าเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่มีโอกาสจะเข้ามาพลิกโฉมโลกในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน การพาณิชย์ ห่วงโซ่อุปทาน การบริหารจัดการ ไปจนถึงภาครัฐ รวมทั้งยังมีข้อดีหลายประการที่ทำให้มีโอกาสจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลก เช่น ความโปร่งใส ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ ภาครัฐหลายประเทศทั่วโลกเริ่มให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี blockchain และเห็นโอกาสในการนำมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาประเทศ
Blockchain (บล็อกเชน) คือ Database ฐานข้อมูลชนิดหนึ่งที่ถูกรวบรวมไว้ในหลาย ๆ เซิร์ฟเวอร์ ภาครัฐให้ความสนใจและมองว่าการใช้ Blockchain นั้นจะช่วยเพิ่มความโปร่งใสและป้องกันการทุจริต
อติกานต์ สุทธิวงษ์ นักส่งเสริมนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า NIA มองว่าเทคโนโลยี Blockchain มีศักยภาพที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อประเทศไทยในหลายด้าน เช่น การเพิ่มความโปร่งใส ความปลอดภัย และประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจและการบริหารจัดการต่าง ๆ นอกจากนี้ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดนวัตกรรมอีกมากมาย
NIA มุ่งเน้นในการส่งเสริมผู้ประกอบการด้าน Blockchain ที่เป็นสตาร์ตอัพ โดยมีกลไกการส่งเสริม มีดังนี้
- การอบรมหลักสูตร CC Academy เพื่อเพิ่มทักษะและความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี Blockchain
- การให้ทุนสนับสนุนผู้ประกอบการ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain
- ตัวอย่างโครงการที่ NIA สนับสนุน “โครงการจัดการน้ำชุมชนคลองแม่ข่า จังหวัดเชียงใหม่” โครงการนี้ใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสภาพน้ำในชุมชน โดยให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการเก็บข้อมูลและตรวจสอบข้อมูลร่วมกัน นอกจากนี้ ยังใช้ Blockchain ในการระดมทุนเพื่อพัฒนาระบบการจัดการน้ำ
- NIA ให้ความสำคัญในการส่งเสริมผู้ประกอบการด้าน Blockchain โดยเน้นทั้งการอบรมให้ความรู้และการให้ทุนสนับสนุน เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยี Blockchain ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
ปรัชญา โกมณี ผู้จัดการสาขาภาคเหนือตอนบน สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ Depa กล่าวว่า ดีป้าให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี Blockchain ในฐานะที่เป็นเทคโนโลยีสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Blockchain ในภาคธุรกิจและภาครัฐ ซึ่งมีกลไกการส่งเสริมผู้ประกอบการด้าน Blockchain ดังนี้
- การให้ทุนสนับสนุนผู้ประกอบการ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain
- การอำนวยความสะดวก ในการเข้าถึงตลาดให้กับผู้ประกอบการด้าน Blockchain
- ตัวอย่างโครงการที่ Depa สนับสนุน “โครงการพัฒนาแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐโดยใช้เทคโนโลยี Blockchain” โครงการนี้ใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการรวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการดำเนินงานของภาครัฐ
ทั้ง NIA และ Depa ให้ความสำคัญกับการสนับสนุน พัฒนา และประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Blockchain โดยมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมให้เกิดความเข้าใจและยอมรับเทคโนโลยี Blockchain จากภาครัฐและประชาชน นอกจากนี้ ยังต้องร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อผลักดันให้เกิดการนำเทคโนโลยี Blockchain ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ปัจจัยที่เอื้อต่อการสนับสนุนจากภาครัฐ และอุปสรรคที่จะเกิดขึ้นได้แก่
- ความชัดเจนของนโยบายและทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยี Blockchain ของภาครัฐ
- ความเข้าใจและยอมรับเทคโนโลยี Blockchain จากภาครัฐและประชาชน
- ความพร้อมของเทคโนโลยี Blockchain ในด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
- ความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการใช้งานเทคโนโลยี Blockchain
- ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูล
- วัฒนธรรมการทำงานแบบท็อปดาวน์ของภาครัฐ
ดร.มนต์ศักดิ์ โซ่เจริญธรรม ผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมและธรรมาภิบาลข้อมูล สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล กล่าวว่า “มองว่าปัจจุบันภาครัฐเอง ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจน” แต่ไม่ได้หมายความว่าภาครัฐไม่เข้าใจถึงความสำคัญของเทคโนโลยีนี้ อาจเป็นเพราะธรรมชาติของหน่วยงานราชการที่มักไม่กล้าวางแนวทางใหม่ด้วยเหตุผล 2 ประการ ดังนี้
- ผู้ที่วางแนวทางจะต้องมองการณ์ไกล เข้าใจถึงทิศทางของเทคโนโลยี Blockchain และสามารถวางแนวทางได้อย่างเหมาะสม ซึ่งทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่างก็หาบุคคลที่มีคุณสมบัติดังกล่าวได้ยาก
- เมื่อวางแนวทางไปแล้ว ก็ต้องกล้ารับผลลัพธ์ คนแรกที่เข้ามามักประสบปัญหา แต่ไม่มีใครอยากเป็นคนแรก โดยเฉพาะภาครัฐ หากทำถูกก็อาจจะเสมอตัว หากทำผิดก็อาจถูกตำหนิได้
ในแง่ของภาครัฐ ยังคงขาดแนวทางในภาพใหญ่หรือ Super Mega Picture ซึ่งรวมถึงแนวทางด้านต่าง ๆ เช่น กฎหมาย การส่งเสริม การยอมรับ Blockchain การส่งเสริมการลงทุน การร่วมมือกับเอกชน การวางระเบียบกฎเกณฑ์ วิธีการปรับจากระบบกระดาษมาเป็น Blockchain
ประโยชน์ของ Blockchain เปรียบเสมือนฐานข้อมูลที่มีการกระจายศูนย์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแชร์ข้อมูลในภาครัฐ และเพิ่มความโปร่งใส แต่ไม่ใช่ว่าจะสามารถป้องกันการโกงได้ทั้งหมด จำเป็นต้องมีกระบวนการป้องกันอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย และในแง่ของนโยบาย ควรจะมีแนวทางในภาพใหญ่ระดับประเทศก่อน จึงจะสามารถกำหนดนโยบายที่ชัดเจน เช่น จะออกกฎหมายอะไร ส่งเสริมด้านใด เป็นต้น
ดร.อุดมศักดิ์ รักวงษ์วาน Co-founder FWX กล่าวว่า “ในแง่ของนโยบาย ภาครัฐควรมีแนวทางสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมที่เป็นเอกชน และประชาชนทั่วไป” ควรได้รับประโยชน์จากนโยบายเหล่านี้ แบ่งออกเป็น 2 ประเด็น
- การส่งเสริมด้านการศึกษา เด็กรุ่นใหม่ให้ความสนใจในการลงทุน Cryptocurrency แต่ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญ Cryptocurrency ภาครัฐควรสนับสนุนให้เด็กเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี Blockchain อย่างจริงจัง เช่น การปรับหลักสูตรการศึกษาให้ครอบคลุมถึงเทคโนโลยี Blockchain
- ฝั่งของธุรกิจ ภาครัฐควรมีแนวทางที่ชัดเจนในการกำกับดูแลอุตสาหกรรม Cryptocurrency โดยควรมีทั้งการสนับสนุนและการป้องกัน โดยการสนับสนุนจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรม Cryptocurrency อย่างยั่งยืน ในขณะที่การป้องกันจะช่วยปกป้องประชาชนจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น การแกว่งตัวรุนแรงของราคา หรือการฉ้อโกง
ที่สำคัญเทคโนโลยี Blockchain กำลังถูกมองว่าเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่มีศักยภาพที่จะเข้ามาพลิกโฉมโลกในหลายด้าน ภาครัฐหลายประเทศทั่วโลกเริ่มให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี Blockchain และเห็นโอกาสในการนำมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาประเทศ
อย่างไรก็ตามประเทศไทยควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Blockchain โดยมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมให้เกิดความเข้าใจและยอมรับเทคโนโลยี Blockchain จากภาครัฐและประชาชน นอกจากนี้ ยังต้องร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันให้เกิดการนำเทคโนโลยี Blockchain ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สรุปจาก session นโยบายสนับสนุน blockchain งาน Blockmountian 2024
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
อว. ดันเศรษฐกิจ AI จ่อเสนอตั้งคณะกรรมการ AI แห่งชาติชุดใหม่
Block Mountain CNX 2024 ปักธงเชียงใหม่ แลนด์มาร์คสำหรับชาวคริปโท