TH | EN
TH | EN
หน้าแรกTechnologyสธ. จับมือพันธมิตร ยกระดับ 'หมอพร้อม' สู่แอปพลิเคชันสุขภาพเพื่อคนไทย โชว์ 12 ฟีเจอร์ใหม่

สธ. จับมือพันธมิตร ยกระดับ ‘หมอพร้อม’ สู่แอปพลิเคชันสุขภาพเพื่อคนไทย โชว์ 12 ฟีเจอร์ใหม่

กระทรวงสาธารณสุขยกระดับ “หมอพร้อม” จากบริการด้านโควิด สู่แอปพลิเคชันด้านสุขภาพเพื่อคนไทย ร่วมมือกสิกรไทย INET สภากาชาดไทย เอสซีจี โลจิสติกส์ ปรับโฉมใหม่ให้เชื่อมต่อและเข้าใช้งานง่ายขึ้น พัฒนา 12 ฟีเจอร์หลัก ช่วยแสดงข้อมูลสุขภาพ เชื่อมต่อระบบ e-Payment ทยอยเปิดใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน ช่วงสิงหาคมนี้ และใน LINE OA เดือนกันยายน 

ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายสนับสนุนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาพัฒนาระบบบริการสุขภาพให้มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และเข้าถึงประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน พัฒนา “หมอพร้อม” จากเดิมที่ให้บริการเกี่ยวกับโรคโควิด-19 และวัคซีนโควิด-19 ยกระดับให้เป็นแอปพลิเคชันด้านสุขภาพ Digital Health Platform สำหรับคนไทยที่สะดวกสบายและช่วยให้เข้าถึงบริการง่ายขึ้นกว่าเดิม โดยเพิ่ม 12 ฟีเจอร์ใหม่ที่ตอบโจทย์การยกระดับคุณภาพชีวิต เช่น เชื่อมโยงข้อมูลประวัติการรักษา การตรวจสอบสิทธิรักษา การนัดหมายแพทย์ Telemedicine การให้บริการใบรับรองแพทย์และใบรับรองสุขภาพแบบดิจิทัล การพัฒนาระบบชำระเงินออนไลน์ พร้อมเชื่อมโยงเครือข่ายกับหน่วยบริการสุขภาพทุกสังกัด ช่วยสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ได้เป็นอย่างดี โดยจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้งเพื่อคนไทย ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน “หมอพร้อม” รวมกว่า 32 ล้านคน เชื่อว่าจะเป็นช่องทางที่เข้าถึงประชาชนได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงให้กับระบบบริการสุขภาพของประเทศได้เป็นอย่างดี 

นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขพัฒนาระบบหลังบ้านของหมอพร้อมให้รองรับการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพของประชาชนจากหน่วยบริการสุขภาพทุกระดับ ทุกสังกัด ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล คลินิก และร้านยา ปัจจุบันเชื่อมโยงแล้วกว่า 15,000 แห่งทั่วประเทศ มีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลด้านสุขภาพและการดำเนินธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรฐานสากล ซึ่งได้รับความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) 

สำหรับการพัฒนาฟีเจอร์สำหรับประชาชนบนหมอพร้อม ทั้งแอปพลิเคชันและ Line OA ประกอบด้วย 12 ฟีเจอร์หลัก

  1. ใบรับรองโควิด 19 แสดงประวัติและรายละเอียดการฉีดวัคซีน รองรับการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ
  2. ผลตรวจหาเชื้อโควิด 19 ทั้ง ATK/RT-PCR 
  3. ค้นหาหน่วยบริการตรวจหาเชื้อโควิด 19 ทั้ง ATK/RT-PCR 
  4. เช็กอินผ่านโทรศัพท์มือถือด้วยระบบ Beacon โดยเปิดบลูธูทและตำแหน่งที่ตั้งก่อนเข้าใช้บริการสถานที่ต่าง ๆ ที่กำหนดให้แสดงสถานะสุขภาพเกี่ยวกับโควิด 19  
  5. ใบรับรองสุขภาพดิจิทัล สามารถดาวน์โหลดไฟล์ PDF ไปใช้ประกอบธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ได้
  6. บริจาคออนไลน์ ทั้งบริจาคเงินโดยตรงกับโรงพยาบาล บริจาคอวัยวะ ดวงตา และร่างกาย 
  7. แชตกับหมอพร้อม ตอบคำถามและสื่อสารความรู้สุขภาพกับประชาชนแบบอัตโนมัติ 
  8. ข่าวสาร ประชาสัมพันธ์ข่าวสารที่เกี่ยวกับหมอพร้อม นโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ข่าวสารสุขภาพต่าง ๆ 
  9. ประวัติสุขภาพ รองรับการตรวจสอบข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล อาทิ ประวัติการรักษาพยาบาล/การส่งต่อการรักษา 
  10. นัดหมายออนไลน์ล่วงหน้า เพื่อเข้ารับบริการกับโรงพยาบาลและคลินิกที่เข้าร่วม 
  11. เช็คสิทธิการรักษาภาครัฐและประกันสุขภาพของเอกชน
  12. Telemedicine ให้บริการสุขภาพและคำปรึกษาทางการแพทย์แบบทางไกล

ฟีเจอร์ทั้งหมดจะทยอยเปิดให้บริการผ่านแอปพลิเคชันในเดือนสิงหาคม และ LINE OA เดือนกันยายนนี้ โดยจะมีการปรับฟีเจอร์ให้เหมาะสมในแต่ละแพลตฟอร์มตามความสะดวกในการใช้งานและระดับความปลอดภัยของข้อมูลสุขภาพประชาชนด้วย

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้พัฒนาแพลตฟอร์ม “หมอพร้อม” เป็นระบบฐานข้อมูลกลางบริหารจัดการข้อมูลการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยช่วงแรกใช้เป็นเครื่องมือติดตามอาการไม่พึงประสงค์หลังได้รับวัคซีน ต่อมามีการเปิดจองคิวเข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และประชาชน พร้อมออกใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 ถือเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานมากเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศคือ 32 ล้านคน เป็นโอกาสที่จะพัฒนาต่อยอดให้เป็น Digital Health Platform ของประเทศได้ จึงร่วมมือกับทุกภาคส่วนพัฒนาระบบ เพื่อยกระดับการให้บริการสุขภาพ เพิ่มศักยภาพหน่วยบริการ ช่วยลดความแออัด ลดระยะเวลารอคอย และเป็นช่องทางสื่อสารกับประชาชนจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว เชื่อว่าจะตอบโจทย์ความต้องการด้านสุขภาพของประชาชนทั้งการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและบริการสุขภาพ 

เพิ่มช่องทางการแจ้งความจำนงบริจาคดวงตา อวัยวะ

กฤษฎา บุญราช ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย กล่าวว่า สภากาชาดไทยในฐานะองค์กรการกุศลระดับชาติ มีคติทัศน์คือ การบรรเทาทุกข์ บำรุงสุข บำบัดโรค กำจัดภัย ซึ่งการบริจาคดวงตาและอวัยวะ เป็นส่วนหนึ่งของการบำบัดโรค โดยดวงตาและอวัยวะที่ได้รับบริจาคจะนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยกระจกตาพิการ ผู้ป่วยอวัยวะวาย ที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีอื่นนอกจากการปลูกถ่ายกระจกตา ปลูกถ่ายอวัยวะใหม่ ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่ขึ้นทะเบียนรอกระจกตาและอวัยวะกับสภากาชาดไทยอยู่เป็นจำนวนมาก

สภากาชาดไทยได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และธนาคารกสิกรไทย พัฒนาระบบการแสดงความจำนงบริจาคดวงตา อวัยวะ ออนไลน์บนแพลตฟอร์มหมอพร้อม จะเป็นการเพิ่มช่องทางให้ประชาชนที่มีจิตกุศล ได้เข้าถึงการบริจาคดวงตา อวัยวะได้โดยง่าย รวมถึงเป็นการสร้างความรับรู้ ในเรื่องของการบริจาคดวงตา อวัยวะให้อยู่ในวงกว้างเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีสำหรับผู้ป่วยที่รอคอยการปลูกถ่ายกระจกตาและอวัยวะได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เชื่อว่าการพัฒนาแพลตฟอร์มหมอพร้อมในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นส่วนหนึ่งที่ตอบสนองต่อพันธกิจของสภากาชาดไทยในการช่วยเหลือสังคมให้ดีขึ้นแล้ว ยังจะช่วยให้ผู้ป่วยและประชาชนทั่วไปได้รับความสะดวกในการเข้าถึงบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้ 

กสิกรไทย หนุนเทคโนโลยี เพื่อให้เป็น Digital Health Platform อย่างสมบูรณ์แบบ

พิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ด้วยความตั้งใจของธนาคารกสิกรไทย ต้องการเปิดโอกาสให้คนที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงิน และบริการสาธารณสุข ได้มีโอกาสเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึง โดยได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อช่วยยกระดับการให้บริการด้านสาธารณสุข โดยนำความรู้ทรัพยากรทั้งด้านบุคลากรและประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ร่วมสนันสนุน เพื่อช่วยให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปด้วยกัน สู่การพัฒนาต่อยอด “หมอพร้อม” โฉมใหม่ เพื่อช่วยยกระดับการให้บริการด้านสาธารณสุขโดยเฉพาะกลุ่มโรงพยาบาลรัฐ ที่คำนึงถึงผู้ใช้เป็นหลักสำคัญ

ทั้งเรื่องการเข้าใช้และการเชื่อมต่อให้ใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมสนับสนุนระบบการชำระเงิน รวมถึงพัฒนาและต่อยอดฟีเจอร์ต่าง ๆ เพื่อให้เป็น Digital Health Platform สำหรับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ Digital Capabilities รวมถึงการชวนพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาร่วมระดมความคิดและแก้ไขโจทย์ของประเทศในส่วนที่ต้องแก้ปัญหาทันทีให้ทันเวลา

โดยธนาคารกสิกรไทยได้ให้การสนับสนุนในด้านต่าง ๆ คือ

  1. การช่วยเหลือในด้านการวิเคราะห์ข้อมูล และสรุปยอดผู้ติดเชื้อรายวันให้เร็วที่สุด (Manual Report – > Digital Report)
  2. เป็น 1 ในหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนเรื่อง Call center หมอพร้อม ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย เพื่อตอบคำถามเบื้องต้นแก่ประชาชนในช่วงสภาวะวิกฤต
  3. นำเครื่องมือ BI tools มาช่วยในการทำ Data Analytic เพื่อให้ทางกระทรวงวางแผน หรือวางกลยุทธ์ในมิติสาธารณสุขได้อย่างแม่นยำ

นอกจากนี้ ธนาคารได้ให้การสนับสนุนเรื่องการจัดทำ Patient Mobile Application ให้แก่ รพ.ภาครัฐหลายแห่ง อาทิ รพ.จุฬาลงกรณ์, รพ.ชลบุรี, 11 โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร เป็นต้น เพื่อตอบโจทย์การเป็น Smart Hospital และเพิ่มความสะดวกให้แก่คนไข้ที่เข้ามารับบริการในโรงพยาบาล ทำให้คนไทยได้ใช้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ ลดภาระระบบสาธารณสุข  

INET พัฒนาใบรับรองแพทย์ดิจิทัล

มรกต กุลธรรมโยธิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ INET กล่าวว่า INET ร่วมพัฒนาระบบหมอพร้อมให้มีการใช้ข้อมูลสุขภาพในรูปแบบ Digital ได้อย่างปลอดภัยและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยสนับสนุน Cloud Computing ตามมาตรฐาน Healthcare, พัฒนา Digital Health Pass และ EU DCC ในการออกใบรับรองประวัติการฉีดวัคซีน การตรวจหาเชื้อในรูปแบบดิจิทัล เพื่อใช้เข้าออกสถานที่ ร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป 67 ประเทศ, พัฒนาใบรับรองแพทย์ดิจิทัล เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เช่น สมัครงาน  ต่อใบขับขี่ สมัครสอบ ก.พ. เคลมประกันสุขภาพ เป็นต้น และการพัฒนาอื่นๆ เพื่อให้เป็น Digital Health Platform ของคนไทย ได้แก่ ระบบ iClaim เชื่อมระหว่างโรงพยาบาล กับบริษัทประกันภาคเอกชน เพื่อใช้ตรวจสอบสิทธิการรักษาและเคลมประกันสุขภาพ โดยไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษา  

อุดร คงคาเขตร กรรมการผู้จัดการธุรกิจ B2B2C บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ได้พัฒนาระบบ Logistics บนแพลตฟอร์มหมอพร้อม เน้นความสะดวกรวดเร็วและความปลอดภัยของประชาชน โดยพัฒนาเทคโนโลยีระบบคลังสินค้าและการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ ระบบตรวจสอบสถานะการขนส่ง เพื่อรองรับการกระจายสินค้าที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษ โดยเฉพาะยาและเครื่องมือแพทย์และช่วยอำนวยความสะดวกผู้รับบริการให้ได้รับยาและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาทางการแพทย์ โดยส่งตรงไปยังที่พักหรือสถานที่ที่แจ้งความประสงค์ไว้ ทำให้ช่วยลดความแออัดในหน่วยบริการ และลดระยะเวลารอคอยของผู้มารับบริการ นอกจากนี้ ยังพัฒนาพนักงานขับรถให้มีทักษะ ความรู้ ความสามารถ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ปลอดภัย เพื่อลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุให้มากที่สุด โดยควบคุมความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านศูนย์ปฏิบัติการ Logistics Command Center

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ม.มหิดล คิดค้น นวัตกรรมอุปกรณ์ช่วยวัดตำแหน่งผ่าตัดสำหรับเปลี่ยนข้อสะโพก

ซีพี – เทเลนอร์ ยืนยัน ควบรวม เพิ่มการแข่งขัน หนุนสตาร์ตอัพ สร้างประโยชน์ให้ประเทศ

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ