TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistทุกเรื่อง ‘ต้องรู้’ ก่อนลงทุนธุรกิจ Cloud Computing

ทุกเรื่อง ‘ต้องรู้’ ก่อนลงทุนธุรกิจ Cloud Computing

รู้หรือไม่ว่า หุ้น Cloud Computing กลายเป็นธุรกิจมาแรงในช่วงปี 2563 เพราะการแพร่ระบาดของ Covid-19 เป็นตัวเร่งให้มีปริมาณการใช้งานระบบคลาวด์ทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด 

มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) และการใช้ชีวิตในยุค New Normal ทำให้ผู้คนไม่สามารถพบปะกันได้ รวมไปถึงออกจากบ้านไม่ได้ จึงต้องทำงานจากที่บ้าน เรียนออนไลน์ หรือดูทีวีสตรีมมิง

คุณคงมีคำถามว่า เทคโนโลยี Cloud Computing มีบทบาทอย่างไรในช่วง Covid-19 และหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย เราจะยังใช้เทคโนโลยีนี้อยู่หรือไม่

ก่อนหน้านี้ คุณยังจำได้ไหม วันหนึ่งในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ขณะที่คุณกำลังจะส่งอีเมลสำคัญที่นั่งพิมพ์อยู่นาน อ่านทวนแล้วทวนอีก จนแน่ใจแล้วว่าทุกอย่างโอเค จึงกดส่ง

แต่ Gmail เจ้ากรรมกลับขึ้นหน้าต่างเล็กๆ มาบอกคุณว่า Reconnecting…

คุณลองกดส่งใหม่อีกรอบ แต่ก็ได้ Error แบบเดิม

และระบบยังคง Reconnecting อยู่แบบนั้นเป็นเวลา 45 นาที

เพราะในวันนั้น Google ซึ่งรวมถึงแพลตฟอร์มอย่าง YouTube Drive และ Gmail ล่มทั่วโลก ไม่สามารถใช้งานชั่วคราว

มันคือ 45 นาที ที่เหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ คนทั่วโลกทำงานไม่ได้ ไปไม่เป็น…

นี่แค่เศษเสี้ยวหนึ่งของอิทธิพล Cloud Computing ที่แทรกซึมอยู่ในการใช้งานอินเทอร์เน็ตของผู้คนทั่วโลก

คุณใช้สมาร์ทโฟนถ่ายรูป ระบบปฏิบัติการในโทรศัพท์จะมีแพลตฟอร์มสำรองไฟล์รูปไว้ให้ หากคุณทำโทรศัพท์หาย รูปถ่ายก็สามารถกู้กลับมาได้ ผ่านแพลตฟอร์มที่เก็บไฟล์รูปไว้นั่นเอง

ระบบคลาวด์เป็นเหมือนก้อนเมฆก้อนหนึ่ง ที่คุณเอาข้อมูลต่าง ๆ เข้าไปเก็บไว้ คุณสามารถค้นหาหรือดึงออกมาใช้เมื่อไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่เดียวหรือใกล้กับก้อนเมฆนั้น ขอเพียงคุณเข้าอินเทอร์เน็ตได้ คุณก็เข้าถึงข้อมูลในก้อนเมฆนั้นได้แล้ว

ในยุคข้อมูลมหาศาลไหลเวียนอยู่บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จนเกิดคำว่า ‘Big Data’ บริษัททั่วโลกจึงเลือกลงทุนระบบคลาวด์ มาจัดการข้อมูลต่าง ๆ ในองค์กรให้สามารถเรียกมาใช้งานได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น

แต่บทบาทของ Cloud Computing มีมากกว่าแค่การจัดเก็บข้อมูล 

คำจำกัดความของ Cloud Computing คือ เทคโนโลยีที่ให้เช่าหรือใช้ระบบคอมพิวเตอร์ หรือทรัพยากรด้านคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะครอบคลุมทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ การใช้งานจะมีทั้งการประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล และระบบออนไลน์ที่เกี่ยวข้อง

หมายความว่า แค่ใช้บริการ Cloud Computing องค์กรต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้อเครื่องเซิร์ฟเวอร์มาตั้งให้วุ่นวายอีกต่อไป เพราะระบบคลาวด์สามารถจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลมหาศาลได้ในราคาที่ถูกกว่า แถมคุณยังเพิ่มหรือลดกำลังการประมวลผล และทรัพยากรต่าง ๆ ได้ตามความจำเป็น

ผู้ให้บริการเทคโนโลยี Cloud Computing สามารถออกรูปแบบบริการได้หลากหลาย คนใช้ก็เลือกใช้ได้ตามความต้องการ ใช้เท่าไร จ่ายเท่านั้น

นี่คือความง่ายและยืดหยุ่นของเทคโนโลยี Cloud Computing เดี๋ยวนี้ บริษัททั้งเล็กและใหญ่ จึงเริ่มลงทุนนำระบบคลาวด์เข้ามาใช้งานในองค์กร เพราะสามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว

รูปแบบบริการ Cloud Computing

ผู้ใช้งานระบบคลาวด์มีหลากหลายกลุ่ม ไม่จะเป็นการใช้งานส่วนบุคคล การใช้งานระดับองค์กร ไปจนถึงการใช้งานระดับหน่วยงานของรัฐ หรือระดับประเทศ เรียกได้ว่า Cloud Computing ถูกฝังอยู่ในทุกวิถีชีวิต ทุกภาคส่วน

บริการคลาวด์ที่เข้าถึงผู้ใช้งานระดับผู้บริโภคโดยตรง เป็นตลาดกลุ่มใหญ่ที่สุด คือ Software as a Service (SaaS) เป็นการใช้งานบนซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชัน โดยผู้ให้บริการจะดูแลระบบหลังบ้านให้ทั้งหมด ดังนั้น SaaS จะถูกเรียกใช้งานที่ไหนเมื่อไรก็ได้ ผู้ใช้งานไม่ต้องลงทุนพัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันเอง  

ยกตัวอย่าง SaaS ที่เรารู้จักมักคุ้นกันดี เช่น Google Apps ที่มาในรูปแบบการใช้ซอฟต์แวร์ผ่านเว็บไซต์ หรือ Web-based Email Service เช่น Hotmail Yahoo Gmail Facebook หรือ Twitter

นอกจากนี้ยังมีซอฟต์แวร์เก็บข้อมูลอย่าง Dropbox หรือ OneDrive ซอฟต์แวร์การจัดการลูกค้าสัมพันธ์อย่าง Salesforce ZenDesk และ Hubspot รวมไปถึงซอฟต์แวร์สนทนาในองค์กรอย่าง Slack

รวมไปถึงห้องประชุมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากในช่วง Covid-19 อย่าง Zoom หรือแหล่งความบันเทิงสตรีมมิงไม่ว่าจะเป็น Netflix และ Spotify ที่รวมเอาซีรีย์ ภาพยนตร์ เพลง และพอดแคสไว้ในที่เดียวกัน ผู้ใช้งานสามารถเลือกชมเลือกฟังความบันเทิงเหล่านี้ได้จากทุกมุมโลก

บริการคลาวด์สำหรับนักพัฒนาระบบ หรือ Developer อย่าง Platform as a Service (PaaS) เป็นการใช้งานด้านพัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชัน ผู้ให้บริการ PaaS ดูแลระบบหลังบ้านให้ เพื่อให้ Developer สามารถนำไปต่อยอดได้เลย 

บริการ PaaS จะช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาในการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร เช่น Google App Engine และ Microsoft Azure แพลตฟอร์มที่สามารถนำมาพัฒนาแอปพลิเคชัน อย่างบริการของ Amazon Web Services (AWS) เช่น Elastic Beanstalk ก็จัดอยู่ในประเภทเดียวกัน 

และบริการคลาวด์ระดับโครงสร้างพื้นฐานของไอที คือ Infrastructure as a Service (IaaS) เป็นฮาร์ดแวร์ที่ผู้ให้บริการ IaaS จะดูแลให้ โดยที่ผู้ใช้บริการไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้อฮาร์ดแวร์ ซึ่งเป็นต้นทุนที่สูง ดังนั้น IaaS จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบได้ ขณะที่องค์กรผู้ใช้บริการ IaaS สามารถเลือกใช้ระบบคลาวด์ได้อย่างเหมาะสม และขยายงานตามการเติบโตขององค์กร

ยกตัวอย่าง IaaS เช่น OpenLandscape ผู้ให้บริการ Cloud Server ไทย ถ้าในระดับโลกก็เป็นบริการของ AWS อย่าง EC2 หรือ Google Compute Engine

โอกาสของธุรกิจ Cloud Computing

บริษัทวิจัย MarketsandMarkets คาดการณ์ว่า ตลาด Cloud Computing ทั่วโลกในปี 2563 จะอยู่ที่ 371,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะโตปีละ 17.5% 

ในปี 2568 มูลค่าตลาด Cloud Computing ทั่วโลกจะกลายเป็น 832,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

MarketsandMarkets มองว่า โลกดิจิทัลกำลังเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจในทุกกลุ่ม หรือที่เรียกกันว่า Digital Business Transformation 

บ้างจำกัดความไว้ว่า ภาคธุรกิจกำลังถูกชะงักงันด้วยการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งก็คือ Digital Disruption 

แน่นอน ธุรกิจต้องปรับตัวและลงทุนเพื่อเอาเทคโนโลยีมาช่วยอำนวยความสะดวกให้การดำเนินธุรกิจ 

ส่วนคุณในฐานะผู้บริโภคเอง ก็ยังหนีไม่พ้น ต้องปรับตัวใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เหมือนกัน

ยิ่งมีการแพร่ระบาด Covid-19 ทำให้ทั่วโลกต้องล็อกดาวน์ เป็นตัวเร่งเกิดเทรนด์ใหม่ๆ อย่างการทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) การประชุมหรือการเรียนออนไลน์ การซื้อของออนไลน์ผ่านระบบ E-commerce การชำระเงินออนไลน์ (E-payment) การใช้ E-wallet และการใช้สื่อบันเทิงออนไลน์ผ่านระบบสตรีมมิง

ทั้งหมดนี้มีเทคโนโลยี Cloud Computing อยู่เบื้องหลังทั้งนั้น

ข้อมูลจาก MarketsandMarkets บอกอีกว่า ภูมิภาคอเมริกาเหนือยังคงเป็นตลาดใหญ่สำหรับปริมาณการใช้เทคโนโลยี Cloud Computing เนื่องจากมีระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่พัฒนามาก และผู้ให้บริการระบบคลาวด์ส่วนใหญ่มาจากประเทศในภูมิภาคนั้น 

แต่อีกฟากหนึ่งของโลก คือ ตลาด Cloud Computing ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก คาดว่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ให้บริการรายใหม่ เพราะเป็นตลาดเกิดใหม่ที่กำลังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีและเทคโนโลยี รวมทั้งเทรนด์ Internet of Things จะผลักดันให้องค์กรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกหันมาลงทุนใช้งานเทคโนโลยี Cloud Computing มากขึ้น

เติบโตไปกับหุ้น Cloud Computing

นี่คือภาพรวมของเทคโนโลยี Cloud Computing สะท้อนว่า แท้จริงแล้วระบบคลาวด์แฝงอยู่ในทุกพฤติกรรมออนไลน์ ไม่ว่าจะที่บ้านหรือที่ทำงาน ล้วนพึ่งพาระบบคลาวด์ทั้งนั้น

ในอนาคตคุณอาจจะได้เห็นการพัฒนาบริการคลาวด์ใหม่ ๆ รวมทั้งเทรนด์การซื้อกิจการ Cloud Computing ทั่วโลก ที่สะท้อนให้เห็นว่า อุตสาหกรรมนี้ยังไปได้อีกไกล เพราะอีก 5 ปีข้างหน้า มูลค่าตลาด Cloud Computing ยังโตอีกมากกว่า 1 เท่าตัว

เพื่อให้เห็นว่า ธุรกิจนี้มาแรงจริง ๆ ปี 2563 มีกองทุน ETF (Exchange Traded Fund) 4 กองที่ลงทุนในหุ้น Cloud Computing และมีผลตอบแทนน่าสนใจ เช่น

นี่คือ ผลตอบแทนแค่ปีเดียว ที่มี Covid-19 เป็นตัวเร่งให้มีผู้ใช้งานบริการคลาวด์เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะมีหรือไม่มี Covid-19 คุณคงไม่เลือกใช้งาน Zoom Netflix Spotify Google หรือ Microsoft อย่างแน่นอน

Jitta Wealth มองเห็นถึงความน่าสนใจในหุ้น Cloud Computing และโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว เพราะเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่อิงไปกับพฤติกรรม Stickiness ของผู้ใช้งานทั่วโลก ใช้แล้วติด ต้อง Subcribe สมาชิกเป็นรายเดือนหรือรายปี  

เรามองว่า ผู้ให้บริการ Cloud Computing จะสร้าง Recurring Income หรือรายได้ต่อเนื่องอย่างยั่งยืน ซึ่งทรัพย์สินของพวกเขาคือ บริการคลาวด์ต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นมานั่นเอง

Jitta Wealth มีบริการกองทุนส่วนบุคคล Thematic ที่ให้คุณเลือกลงทุนใน WCLD ที่มีผลตอบแทนสูงที่สุดใน กองทุน ETF ประเภท Cloud Computing โดยให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี BVP Nasdaq Emerging Cloud Index

95% ในพอร์ตกองทุน WCLD ลงทุนในธุรกิจคลาวด์ในสหรัฐอเมริกา เช่น Cloudflare Crowdstrike Holdings Blackline Workiva Domo และ Zendesk ที่เหลือเป็นออสเตรเลีย (Atlassian Corporation) แคนาดา (Shopify) และอิสราเอล (Wix.Com)

จะเห็นได้ว่า ธุรกิจ Cloud Computing ไม่ใช่กระแสที่ผ่านมาแล้วผ่านไป แม้จะโตสูงมากในปีที่ผ่านมา แต่สุดท้ายแล้ว เรายังต้องการบริการคลาวด์เหล่านี้ ขาดไม่ได้ และพร้อมที่จะจ่ายเงินเพื่อ Subscribe เทคโนโลยีที่กำลังเป็นเมกะเทรนด์ และน่าจะยังอยู่ไปได้อีกนับสิบปี

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ