TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistOR หุ้นดีมีอนาคต .... แต่อย่าฝันหวาน

OR หุ้นดีมีอนาคต …. แต่อย่าฝันหวาน

กระแสหุ้น OR หรือ “บริษัท ปตท.น้ำมันค้าและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)” ร้อนแรงตามคาด ส่งผลให้มีผู้เข้าใช้งานโมบายแบงกิ้งของ 3 แบงก์อย่างถล่มทะลาย จนเกิดปัญหาขัดข้อง เข้าใช้งานไม่ได้ ทั้งแอปพลิเคชัน K PLUS ของธนาคารกสิกรไทย และแอปบัวหลวงแบงกิ้ง ของธนาคารกรุงเทพ ทันทีที่เปิดจองวันแรก 24 มกราคม ที่ผ่านมาทั้งที่เปิดโอกาสให้จองได้ถึง 2 กุมภาพันธ์ นี้

ทั้งนี้ OR จะนำหุ้นเสนอขายประชาชนครั้งแรกจำนวน 2,610 ล้านหุ้น และมีหุ้นส่วนเกินหรือกรีนชูจัดสรรอีกไม่เกิน 390 ล้านหุ้น รวมหุ้นที่เสนอขายทั้งสิ้น 3,000 ล้านหุ้น

ราคาเสนอขายเบื้องต้นอยู่ระหว่าง 16-18 บาทโดยจะจัดสรรประกอบด้วย หุ้นจำนวน 1,860 ล้านหุ้น ขายให้นักลงทุนในประเทศ แยกเป็นเสนอขายประชาชนทั่วไป จำนวน 595.70 ล้านหุ้น จองซื้อผ่านธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกรุงไทย ในจำนวนขั้นต่ำ 300 หุ้น และทวีคูณ 100 หุ้น

ในการจัดสรรหุ้นให้ประชาชนนั้นจะใช้ระบบคอมพิวเตอร์ SETTRADE ของตลาดหลักทรัพย์ โดยจัดสรรขั้นต่ำหรือรายละ 300 หุ้นก่อน เหลือจึงจัดสรรเพิ่มเติมรายละ 100 หุ้น จะประกาศผลจัดสรรภายในวันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้ 

ส่วนหุ้นอีก 1,264.30 ล้านหุ้น จะจัดสรรให้นักลงทุนสถาบันภายในประเทศส่วนนักลงทุนสถาบันต่างประเทศจัดสรร จำนวน 450 ล้านหุ้น และจัดสรรหุ้นให้ผู้ถือหุ้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT อีก 300 ล้านหุ้น ในสัดส่วนผู้ถือหุ้น PTT จำนวน 95.1977 หุ้น จะได้รับการจัดสรร OR จำนวน 1 หุ้น ในราคาเบื้องต้น 18 บาท

ดังนั้น จะมีจำนวนหุ้น เสนอขายประชาชนทั่วไปทั้งสิ้น 985.70 ล้านหุ้น โดยรวมหุ้นกรีนชูอีก 390 ล้านหุ้น ซึ่งหากเฉลี่ยจัดสรรรายละ 300 หุ้น จะมีประชาชนถือหุ้น OR จำนวนทั้งสิ้น 3.24 ล้านรายทำให้ OR เป็นหุ้นมหาชนที่สุด 

คราวนี้มาดูธุรกิจของ OR ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มแรก คือ ธุรกิจน้ำมัน ซึ่งไม่ใช่แค่การขายในปั๊ม แต่ยังมีส่วนธุรกิจที่ขายให้ลูกค้าพาณิชย์รายใหญ่อีกกว่า 2 พันรายจากตัวเลขรายได้ธุรกิจน้ำมันปี 2563 กว่า 417,730 ล้านบาท

กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil Business) แม้จะสร้างรายได้ราว 19,180 ล้านบาท หรือไม่ถึง 5% รายได้บริษัทก็ตาม แต่ที่น่าสนใจตรงที่สัดส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และตัดจำหน่าย (EBITDA) ถึง 25.1%

นั่นหมายความว่าในอนาคตแผนการลงทุน 5 ปีข้างหน้า จึงเน้นกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ อาทิ แผนขยายร้านคาเฟ่ อเมซอน จาก 3,168 แห่ง เป็น 5,800 แห่ง ทั้งในปั๊มและนอกปั๊มรวมถึงผู้สนใจขอรับสิทธิแฟรนไชส์ รวมถึงร้าน Texas Chicken ก็มีแผนขยายเพิ่มปีละ 20 แห่ง

นอกจากนี้ จะมุ่งหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ ต่อยอดธุรกิจทั้งซัพพลายเชนของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเข้ามาเสริมตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเตรียมรับกับเทรนด์การใช้รถอีวี โดยเปิดให้บริการจุดชาร์จไฟฟ้ากับรถอีวีที่ PTT Station 25 แห่ง และมีแผนเพิ่มจุดบริการให้ครอบคลุมตลอดเส้นทางหลัก ๆ อีกด้วย

สุดท้าย คือ กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ เป็นอีกธุรกิจที่มีแนวโน้มสดใสและมีแผนขยายตลาดให้กว้างขึ้น ซึ่งที่ผ่านมามีการขยายทั้งธุรกิจน้ำมันและร้านคาเฟ่ อเมซอน ไปเกือบ 10 ประเทศ และ 5 ปีจากนี้จะเน้นขยายลงทุนในอาเซียน

ทั้งนี้ ผลประกอบการ ในปี 2563 ที่ผ่านมายังเป็นตัวเลขคาดการณ์รายได้ที่ 448,192 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 8,154 ล้านบาท

ต้องบอกว่า หุ้น OR น่าสนใจ เนื่องจากโครงสร้างธุรกิจมีความแข็งแกร่ง และครองความเป็นเจ้าตลาด ด้วยความที่เป็นเจ้าของทั้งสถานีบริการน้ำมัน PTT Station และร้านกาแฟ Café Amazon ที่มีสาขาทั่วประเทศไทย

อีกทั้งจุดขายของหุ้น OR ก็คือ ผลการดำเนินงานที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา OR มีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 3.1%

เหนือสิ่งใด ชื่อของ ปตท. การันตีความมั่นคงและความเข้มแข็งของ OR ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นบริษัทแกนนำ ของกลุ่ม ในการดำเนินธุรกิจน้ำมันและธุรกิจค้าปลีก และยังได้รับการสนับสนุนจาก ปตท.โดยคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการน่าจะสดใส นักลงทุนที่จองซื้อจึงตั้งเป้าที่จะฟันกำไรงาม ๆ 

อย่างไรก็ตามแม้ OR จะเป็นหุ้นที่ดีมีอนาคตแต่ด้วยปัจจัยทั้งเศรษฐกิจการเมืองปี 64 ยังผันผวนอีกทั้งปริมาณหุ้นที่เสนอขายมีจำนวนมหาศาลใครที่จองไว้ก็อย่าถึงขั้นฝันหวานก็แล้วกัน

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ