TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistหากรัฐบาลจีนเด็ด แจ็ค หม่า สะเทือนถึงประเทศไทย

หากรัฐบาลจีนเด็ด แจ็ค หม่า สะเทือนถึงประเทศไทย

กรณีข่าวการหายตัวไปของ “หม่า หยุน” หรือที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อ “แจ็ค หม่า” ผู้ก่อตั้งแบรนด์ระดับโลกอาลีบาบา  ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2563 จนเป็นที่มาของการควานหา สาเหตุของการหายไปในครั้งนี้ ว่ามาจากความปากแซ่บของแจ็ค หม่า ณ เวทีประชุมเรื่องการเงินที่นครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งแจ็ค หม่า ได้วิจารณ์ระบบการเงินของรัฐบาลจีน ซึ่งเป็นการท้าทายอำนาจของรัฐบาลกลาง และ “สี จิ้น ผิง” ผู้นำสูงสุดของจีนโดยตรง

การหายตัวไปในครั้งนี้ ทำให้ แจ็ค หม่า จะประสบหายนะอย่างไรก็ตาม จะสูญเสียความมั่งคั่งไป 3 แสนล้านบาทภายในเวลา 2 เดือน (พ.ย – ธ.ค 63) หรือ Ant Group ถูกระงับการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ 2 ตลาด คือ เซี่ยงไฮ้และฮ่องกง มูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็ตาม

รวมทั้งกระแสข่าวลือ ว่าผู้บริหารระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน พยายามหาวิธีการเพื่อให้รัฐบาลจีนสามารถเข้าควบคุมกิจการของทั้ง Alibaba และ Ant Group ให้แปรสภาพมาเป็นกิจการของรัฐ จนเป็นกระแสที่ทั่วโลกติดตาม

ในฐานะคนไทย ความน่าตกใจ ไม่ได้เกิดจากการหายไปของตัวผู้ก่อตั้งอาลีบาบา กรุ๊ป หากแต่สิ่งที่น่าตกใจ คือ เมื่อ แจ็ค หม่า ไม่อยู่ จะเกิดอะไรขึ้นกับข้อตกลง ความช่วยเหลือสนับสนุน รวมทั้ง MOU ที่เซ็นกับรัฐบาลไทย

แม้ล่าสุด จะมีวิดีโอของแจ็ค หม่า ปรากฏให้เห็นว่าเขาได้ไปใช้ชีวิตสอนหนังสือนักเรียนในชนบทก็ตาม แต่ไม่มีใครรับประกันได้ว่า ในทางธุรกิจจะเป็นอย่างไร 

หากจำกันได้ แจ็ค หม่า มาเยือนเมืองไทยอย่างเป็นทางการ 2  ครั้ง ครั้งแรกเมื่อ 9-10 ตุลาคม 2559 เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย “Asia Cooperation Dialogue – ACD Summit’’ ครั้งที่ 2 ณ กรุงเทพมหานคร  ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพ “เอเชียหนึ่งเดียว หลากหลายในพลัง” (One Asia, Diverse Strengths) 

ในครั้งนี้ แจ็ค หม่า ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเวลา 2.30 นาที เพื่อหารือ ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และ สตาร์ตอัพ โดยเน้นใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และแนะนำรัฐบาลไทยในด้านระบบรักษาความปลอดภัยในการชำระเงินผ่านอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-payment ซึ่งเป็นระบบที่ไทยกำลังพยายามผลักดันและอาลีบาบาเองก็มีความเชี่ยวชาญ

ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่  19 เมษายน 2561 ในครั้งนี้ แจ็ค หม่า มาลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับรัฐบาลไทย ถึง 4 ฉบับ 

  1. โครงการลงทุนสร้างศูนย์ Smart Digital Hub ลงทุนในพื้นที่ ที่จังหวัดฉะเชิงเทราบนพื้นที่ 100 – 150 ไร่ ในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC เพื่อเป็นศูนย์ประมวลข้อมูลโลจิสติกส์ และศูนย์รวมสินค้าทั่วประเทศ รองรับขนส่งสินค้าระหว่างไทยกับจีน ข้ามพรมแดนสู่ประเทศเพื่อนบ้าน (CLMV) และไปยังที่อื่นทั่วโลก  เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs รวมทั้งตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางด้านการค้า E-Commerce มูลค่าการลงทุนกว่า 11,000 ล้านบาท
  2. โครงการร่วมส่งเสริมพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลอีคอมเมิร์ซสำหรับผู้ประกอบการ SME และ Startup ของไทย เพื่อยกระดับขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการ Startup ระดับชุมชนทั่วประเทศและการเปิดร้านใน Tmall.com เพื่อขายสินค้าเกษตรของไทยในประเทศจีน เช่น ข้าว และทุเรียน
  3. โครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาบุคลากรรองรับการส่งเสริมธุรกิจผ่าน E-Commerce โดยอาลีบาบาจะร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ มุ่งพัฒนากลุ่มคนเก่ง หรือดาวเด่นด้านดิจิทัล (Digital Talent) โดยอาลีบาบาเสนอให้วิทยาลัยธุรกิจอาลีบาบา นำ Platform E-Commerce มาใช้อบรมให้ความรู้ผู้ประกอบการไทย
  4. อาลีบาบา เตรียมร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดทำ Thailand Tourism Platform บนออนไลน์เชื่อมโยงข้อมูลทางการท่องเที่ยวเมืองรองและการท่องเที่ยวชุมชน ผ่าน ฟลิกกี้ (Fliggy) บริษัทด้านการท่องเที่ยวออนไลน์ชั้นนำของจีน ซึ่งเดิมชื่อ Alitrip

นอกเหนือจากการเซ็น MOU แล้ว  แจ็ค หม่า ยังโชว์ การขายทุเรียน หมอนทอง จำนวน 80,000 ลูก เว็บไซต์ Tmall.com ภายในเวลาเพียง 1 นาทีนั้น ไม่รวมทุเรียนพันธุ์อื่น ๆรวมกัน  130,000 ลูกรวมกันด้วย

ถึงวันนี้ ไม่มีใครจะบอกได้ว่า  ดีลที่ แจ็ค หม่า ทำกับรัฐบาลไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ หากรัฐบาลจีนเข้ามาดำเนินการกิจการแทน แจ็ค หม่า อะไรจะเกิดขึ้นกับความร่วมมือที่มีการคุยกัน ก่อนหน้านี้  …. เรื่องนี้น่าสนใจ ชวนติดตามเพราะเป็นผลประโยช์ประเทศไทยโดยตรง

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ