TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusiness5 Jitta Ranking ที่ควรลงทุนตอนนี้ รับปี 2567

5 Jitta Ranking ที่ควรลงทุนตอนนี้ รับปี 2567

ในปี 2566 ที่ผ่านมา แม้ว่าจะยังเป็นปีที่ว้าวุ่นของตลาดหุ้นทั่วโลก แต่ก็มีตลาดหุ้นหลายตลาดที่เร่งฝีเท้าวิ่งจนทำกำไรปิดปีไปได้อย่างสวยงาม สร้างความประหลาดใจ หรืออาจจะเจ็บใจให้นักลงทุนที่เลือกขายหุ้นทิ้งไปก่อน หรือคนที่ตกรถพลาดโอกาสนั้นไป 

เพื่อป้องกันไม่ให้คุณต้องพลาดโอกาสเหล่านั้นอีกครั้ง บทความนี้เราจะพาคุณไปดู 5 Jitta Ranking ที่ควรลงทุนตอนนี้ รับปี 2567 แต่ละแผนมีแนวโน้มการเติบโตเป็นอย่างไร และโอกาสอะไรซ่อนอยู่บ้าง 

1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกสูงกว่าค่าเฉลี่ย 

ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนี ในปี 2566 ทำผลตอบแทนได้ยอดเยี่ยม เริ่มกันที่ดัชนี Nasdaq ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง +44.52% ตามด้วยดัชนี S&P 500 ที่ปรับเพิ่มขึ้นกว่า +24.73% และดัชนี Dow Jones ที่มีหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ (Big Cap) จำนวนมากปรับเพิ่มกว่า +13.74%

ซึ่งโดยปกติแล้วตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปิดบวกราว ๆ +8% ต่อปี แต่ในปีที่ผ่านมา S&P 500 ก็ปิดไปได้ถึง 3 เท่าของค่าเฉลี่ย 

ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นปรับเพิ่มขึ้นมีหลายเหตุผลด้วยกันไม่ว่าจะเป็น เรื่องราวของเงินเฟ้อที่เป็นปัญหามาอย่างต่อเนื่องเริ่มคลี่คลาย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้คลายความกังวลของนักลงทุนเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed และสะท้อนถึงความคาดหวังของนักลงทุนว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยในปี 2567

ตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯ เองก็แข็งแกร่งส่งท้ายปี สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจที่ดีขึ้นเพราะมีคนว่างงานน้อยลง 

ภาพรวมทั้งหมดของ Jitta Ranking ที่ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ในปี 2566 ก็ทำผลตอบแทนได้ดีไปในทิศทางเดียวกับตลาด 

Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ ที่ลงทุนในตลาดหุ้น Nasdaq และ NYSE 5-20 บริษัท ทำผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ +44.26% ในปี 2566 ทำผลตอบแทนจริงเฉลี่ยได้ดีที่สุดในบรรดา Jitta Ranking ทุกแผน 

ตามมาด้วยอันดับที่ 2 ก็ยังคงเป็น Jitta Ranking หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีเติบโตสูง ในตลาดหุ้น Nasdaq และ NYSE 5-20 บริษัท ทำผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ +37.72% ในปี 2566 

สำหรับ Jitta Ranking ที่มีผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบคือ Jitta Ranking หุ้นสุขภาพสหรัฐฯ ที่มีผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ -6.98%

ซึ่งมีสาเหตุมาจากบริษัทด้านการบริการสุขภาพเองได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565 ยาวมาจนถึงช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้โรงพยาบาลต่างๆ ได้รับเงินค่ารักษาจากผู้ป่วยน้อยกว่าจำนวนค่าใช้จ่ายด้านการดูแลผู้ป่วยราว 2% เป็นเหตุให้บริษัทต่าง ๆ เผชิญกับปัญหาที่ค่ารักษาเติบโตเร็ว ไม่เท่ากันกับเงินเฟ้อ

ส่วนนี้ได้ส่งผลกระทบต่อมุมมองของนักลงทุนที่มองว่ากำไรของบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับด้านสุขภาพนั้นอาจมีกำไรที่ลดลงในอนาคตได้ 

แต่นั้นก็อาจจะเป็นเพียงผลตอบแทนในอดีตเท่านั้น แล้วในปีนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อ่อนแรงลงแล้วหรือยัง ยังจะเติบโตได้อีกหรือไม่ สามารถดูแนวโน้มได้จากปัจจัยที่น่าสนใจต่อไปนี้ 

ในช่วงสิ้นปี 2566 ที่ผ่านมา เงินเริ่มมีการไหลออกจากการลงทุนในพันธบัตรเป็นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงกุมภาพันธ์ 2566 มากถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเริ่มหมุนเวียนเข้าสู่ตลาดหุ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วตามข้อมูลของธนาคารสหรัฐฯ 

กลุ่มหุ้น Magnificent 7 เองแม้จะมีข่าวเรื่องการลดจำนวนพนักงานออกมาอยู่เรื่อยๆ แต่นั้นก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้กำไรของธุรกิจเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน 

แม้กระทั่งหุ้นในกลุ่มสุขภาพของสหรัฐฯ เองที่ทำผลตอบแทนได้ไม่ค่อยดีในปีที่ผ่านมา ก็มีสัญญาณดีที่ได้รับอิทธิพลมาจากอัตราเงินเฟ้อที่กลับเข้าสู่ระดับปกติทำให้ในปี 2567 นี้ ธุรกิจด้านสุขภาพของสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณดี  มีโอกาสกลับมามีกำไรได้อีกครั้ง

นอกจากนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็มีข้อได้เปรียบจากตลาดหุ้นอื่น ๆ ที่ปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นตลาดหุ้นหลักของโลก 

ทั้งหมดนี้สะท้อนความจริงที่ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังมีการแข่งขันที่สูง การเติบโตก็สูงตาม และไม่ใช่แค่หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี แต่รวมไปถึงอุตสาหกรรมอื่น ๆ ด้วย สถานการณ์ต่าง ๆ ก็เริ่มคลี่คลาย คลายความกังวลของนักลงทุนซึ่งจะเป็นผลดีต่อการเติบโตของตลาดหุ้นในปีนี้ 

เรียกได้ว่า นักลงทุนที่มีพอร์ตลงทุน Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ และ หุ้นสุขภาพสหรัฐฯ อยู่แล้วในปีนี้ก็คลายความกังวลไปได้ เพราะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อไป คุณสามารถเพิ่มทุน หรือ DCA คว้าโอกาสเหล่านี้ไว้ได้เลย 

หรือนักลงทุนที่กำลังลังเลในการลงทุนหุ้นสหรัฐฯ จากแนวโน้มทั้งหมดก็คงตอบได้ว่า Jitta Ranking  หุ้นสหรัฐฯ ยังมีการแข่งขันที่สูง ผลักดันให้ตลาดหุ้นยังโตอย่างไม่หยุดยั้ง หรือถ้าคุณอยากจะเฉพาะเจาะจงในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ หรือธุรกิจสุขภาพสหรัฐฯ ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน 

2.ตลาดหุ้นจีนแหล่งรวมหุ้นราคาถูก ห้ามพลาด 

เรียกได้ว่าตลาดหุ้นจีนในปีที่ผ่านมายังกลับขึ้นมาเติบโตไม่ได้ ยังมีข่าวที่สร้างความกล้า ๆ กลัว ๆ ให้กับนักลงทุนอยู่เรื่อย ๆ 

ดัชนีตลาดหุ้นจีนปิดลบ -11.75% ในปี 2566 โดยดัชนีตลาดหุ้นจีนอย่าง CSI 300 หดตัวลงติดกันเป็นปีที่ 3 ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นฮ่องกงติดลบเป็นปีที่ 4

ซึ่งผลกระทบส่วนใหญ่มาจากปัจจัยภายใน เช่น ปัญหาหนี้สินจากภาคอสังหาริมทรัพย์ นโยบายซัพพอร์ตเศรษฐกิจซบเซาที่ยังไม่เพียงพอจากรัฐบาลกลาง และการแก้ไขปัญหาหนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่นจีน ทั้งหมดนี้กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้นจีนปีที่ผ่านมาJitta Ranking หุ้นจีน ทำผลตอบแทนจริงเฉลี่ยอยู่ที่ -15.73% ไปในทิศทางเดียวกับดัชนี รวมไปถึง Jitta Ranking หุ้นเทคโนโลยีจีน ทำผลตอบแทนจริงเฉลี่ยที่ -39.56% ก็เช่นกัน ทั้งนี้ยังคงต้องติดตามนโยบายของรัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่อไป 

ซึ่งในช่วงปลายปีที่ผ่านมา Goldman Sachs ก็ให้ความเห็นว่า เป็นไปได้ว่าหุ้นจีนปี 2567 จะพลิกบวกเป็นปีแรกในรอบ 4 ปี โดยคาดการณ์ว่าดัชนี MSCI China จะปรับตัวขึ้น +12% และ CSI 300 จะปรับตัวขึ้น +15% 

และตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 นายกรัฐมนตรีจีน Li Qiang ให้การสนับสนุนบริษัทเทคโนโลยีในการประชุมสัมมนา ในขณะที่หน่วยงานวางแผนเศรษฐกิจจีนยกย่องบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่มีส่วนร่วมในการเติบโตของประเทศและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้นักลงทุนมองว่าการควบคุมของรัฐบาลเริ่มคลี่คลายและเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

แม้ว่านี่จะเป็นข่าวดีเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่โอกาสสำคัญคือได้หุ้นจีนที่ดีในราคาที่ถูกก่อนตกรถ 

สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนใน Jitta Ranking หุ้นจีน และ หุ้นเทคโนโลยีจีน นี่เป็นโอกาสให้คุณได้เพิ่มทุน หรือจะ DCA ถัวเฉลี่ย ลดการขาดทุน และเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนเมื่อหุ้นจีนกลับมาทำกำไร

สำหรับนักลงทุนที่รออยู่ว่า จะลงทุนใน Jitta Ranking จีนดีหรือไม่ อาจจะใช้คำพูดนี้ของ Warren Buffet มาช่วยในการตัดสินใจได้ “จงกลัวเมื่อคนอื่นกล้า และจงกล้าเมื่อคนอื่นกลัว” (Be fearful when others are greedy and greedy when others are fearful.) นี่คือโอกาสของคนกล้า ที่จะคว้าหุ้นดีราคาถูกในวิกฤติ จะได้ไม่ต้องมาคิดว่า ‘รู้งี้’ ลงทุนในจีนไปนานแล้ว

3.ตลาดหุ้นเวียดนามยังเนื้อหอม เป็นที่รักของนักลงทุนต่างชาติ

ดัชนีเวียดนามยังไม่ทำให้ผิดหวัง VNI ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง +8.24% แม้จะไม่ได้ปรับตัวเพิ่มสูงอย่างปีก่อนๆ แต่ตลาดหุ้นเวียดนามก็ยังเติบโตได้ในปีที่ผ่านมา และยังสามารถดึงดูดการลงทุนโดยตรง (FDI) จากต่างประเทศได้มากถึง 34,000  ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

บริษัทชั้นนำยังไว้ใจเวียดนามให้เป็นฐานการผลิตสินค้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Nike หรือ Lego มีการลงทุนโรงงานในเวียดนามที่จะเริ่มใช้เป็นแหล่งผลิตในปีนี้อีกด้วย

Jitta Ranking หุ้นเวียดนาม ที่ลงทุนในตลาดหุ้น HOSE และ HNX  5-20 บริษัท ก็ทำผลตอบแทนไปในทิศทางเดียวกับดัชนีตลาด ผลตอบแทนจริงเฉลี่ยอยู่ที่ +1.08%

สำหรับทิศทางของตลาดหุ้นเวียดนามในปีนี้ก็ยังคงน่าสนใจ Bloomberg ให้ความเห็นไปในทางบวกในปี 2567 นี้ ส่งสัญญาณบอกแนวโน้มการเติบโตของ GDP เวียดนามที่ +6.5% เมื่อเทียบกับปี 2566 ซึ่งประกอบไปด้วย การยกระดับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ และญี่ปุ่น การใช้นโยบายของรัฐบาลที่ยังคงผ่อนคลาย หลังเงินเฟ้อยังอยู่ต่ำกว่าเป้าหมาย แนวโน้มของการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาเวียดนาม และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว  

นอกจากนี้เวียดนามยังได้รับประโยชน์จากที่จีนและสหรัฐฯ ขัดแย้งกัน เพราะนักลงทุนก็มีโอกาสจะมองหาประเทศอื่นในการลงทุน และเวียดนามก็มักเป็นตัวเลือกนั้นเสมอ  

ถ้าเวียดนามสามารถดันตัวเองจากตลาดหุ้นชายขอบ (Frontier) เป็นตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging) เงินทุนก็รอไหลเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน อาจจะเป็นปีทองของเวียดนามที่หุ้นทั่วไปหรือแม้แต่หุ้นเล็กๆ จะปรับตัวเพิ่มขึ้น

เรียกได้ว่านักลงทุนที่ลงทุนใน Jitta Ranking หุ้นเวียดนามอยู่รอลุ้นข่าวดีต่อในปีนี้ได้เลย เพราะแนวโน้มการเติบโตยังไปในทิศทางบวก จากนโยบายของรัฐบาล การได้รับประโยชน์จากทุกสารทิศ และการลงทุนย้ายฐานการผลิตยังคงเกิดขึ้นในเวียดนามอย่างต่อเนื่อง 

นักลงทุนที่ยังลังเลว่า หุ้นเวียดนามจะยังไปต่อได้หรือไม่ Jitta Ranking หุ้นเวียดนามปีนี้ยังมีแนวโน้มที่ดีอยู่ไหม นี่เป็นโอกาสที่คุณจะได้ของดีที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในราคาที่ไม่แพง คุณยังไม่ตกรถ รถยังรอคุณแล่นแรงไปด้วยกันอยู่ 

4.ตลาดหุ้นญี่ปุ่นทำ New High อีกแล้ว! 

ถ้าย้อนกลับไปประมาณ 2 ปีที่ผ่านมาถ้าพูดถึงหุ้นญี่ปุ่นหลายคนคงนึกภาพการลงทุนในญี่ปุ่นแทบไม่ออก จนกระทั่งมีข่าวออกมาในปี 2566 ว่า Warren Buffett แอบย่องไปตามเก็บหุ้นญี่ปุ่นอยู่ หลังจากนั้นหุ้นญี่ปุ่นก็ถูกจับตามองมากขึ้น 

ในปี 2566 ดัชนีตลาดหุ้นญี่ปุ่นก็บวกแรง Topix ปรับตัวเพิ่มขึ้น +25.09% และดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรหยุดหุ้นญี่ปุ่นได้ เพราะผ่านเข้าปี 2567 มาได้ไม่นานก็มีข่าวดีอีกข่าว Nikkei 225 ทำ New High ในรอบ 34 ปี 

เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังแข็งแกร่งอยู่ถึงแม้ว่าค่าเงินเยนจะอ่อนตัวลงแรงจากที่สหรัฐฯ ปรับดอกเบี้ยนโยบายเพื่อคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในเป้าหมายระยะยาว แต่ญี่ปุ่นก็ตัดสินใจคงนโยบายการเงินไว้แบบเดิมและทำให้ญี่ปุ่นหลุดพ้นจากสภาวะเงินฝืดภายในประเทศได้ 

Jitta Ranking หุ้นญี่ปุ่น ที่ลงทุนในตลาดหุ้น TSE 5-20 บริษัท ก็ทำผลตอบแทนไปในทิศทางเดียวกับดัชนีตลาด ผลตอบแทนจริงเฉลี่ยอยู่ที่ +7.46%

เมื่อปลายปี 2566 ที่ผ่านมา Bloomberg ได้รายงานความเห็นของนักวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ของตลาดหุ้นญี่ปุ่นในปีนี้ นักวิเคราะห์ลงความเห็นว่า ตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะคึกคักมากในปี 2567 โดยคาดว่าดัชนีหุ้นญี่ปุ่นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 2 หลักภายในสิ้นปีนี้ แม้ว่ามีโอกาสที่ตลาดจะเผชิญความเสี่ยงระยะสั้นต่าง ๆ อยู่บ้าง

ได้ยินแบบนี้แล้วนักลงทุนที่ลงทุน Jitta Ranking ญี่ปุ่นอยู่ก็จะได้ติดตามข่าวดีของการเติบโตกันต่อไป การเพิ่มทุนหรือการ DCA อยู่สม่ำเสมอ ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะเพิ่มเงินทบต้น ทำกำไรกันต่อไป 

ส่วนนักลงทุนที่ยังไม่แน่ใจว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังไปต่อได้ไหม ก็คงได้คำตอบแล้วว่า นี่เป็นโอกาสให้คุณคว้าหุ้นญี่ปุ่นสะสมไว้ในพอร์ตตั้งแต่ต้นปี และรอการเติบโตต่อไปได้ไม่ยากเลย 

5.ตลาดหุ้นไทยเตรียมฟื้น นักวิเคราะห์ฟันธง

ตลาดหุ้นไทยในปี 2566 Set ปิดลบที่ -15.67% สวนกระแสหุ้นหลายประเทศ ดัชนีหุ้นไทยทำจุดตํ่าสุดในรอบ 3 ปี ปัจจัยกระทบต่อตลาดหุ้นคือ การจัดตั้งรัฐบาลในช่วงต้นปีที่ล่าช้า และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังไม่เห็นผล กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน 

Jitta Ranking หุ้นไทย ลงทุนในตลาดหุ้น Set และ Mai ทำผลตอบแทนจริงเฉลี่ยอยู่ที่ -12.10% ไปในทิศทางเดียวกับตลาดเช่นกัน 

หลายคนยังคงติดตามอยู่ว่า เศรษฐกิจไทยจะได้รับผลประโยชน์จากนโยบาย Digital Wallet ที่คาดว่าจะเริ่มใช้ได้ในเดือนพฤษภาคมนี้หรือไม่ 

แต่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ก็ฟังธงกันว่าหุ้นไทยจะฟื้นขึ้นแน่นอนในปี 2567 โดยคาดกันไว้ว่าดัชนีจะโตอยู่ที่ 1,470 – 1,750 จุด

นักลงทุนที่ลงทุนใน Jitta Ranking หุ้นไทย แล้วกังวลว่าปีนี้จะเป็นอย่างไร ตลาดหุ้นไทยจะฟื้นมาบ้างไหม ฟังข่าวนี้แล้วก็ใจชื้น และที่สำคัญคือคุณยังมีเวลาให้เพิ่มทุนรอตลาดหุ้นเติบโต หรือจะ DCA ถัวเฉลี่ยก็ทำได้เช่นกัน 

ส่วนนักลงทุนที่ยังลังเล Jitta Ranking หุ้นไทย ยังคงไปต่อได้ และคุณยังมีโอกาสคว้าหุ้นดีราคาถูกในตลาดอยู่เช่นกัน 

และนี่คือ 5 Jitta Ranking ที่ควรลงทุนตอนนี้!

ตลาดหุ้นมีขึ้นมีลง ราคาหุ้นมีขึ้นมีลง แต่ราคาไม่เท่ากับคุณค่า เมื่อราคาหุ้นตัวไหนลงไม่ได้หมายความว่าคุณค่าของหุ้นนั้นจะลงตามไปด้วยเสมอไป

สิ่งที่สำคัญของการลงทุนระยะยาวคือ การมองหาหุ้นดี มองที่คุณค่าและคุณภาพของหุ้น ในราคาที่เหมาะสม มีโอกาสเติบโตในระยะยาว และนั้นคือกฎเหล็กสำคัญในการคัดเลือกหุ้นของทุกแผนในนโยบาย Jitta Ranking 

ถ้าเรารู้ว่า หุ้นตัวนี้มีคุณค่า ราคาลงเมื่อไหร่ นั่นก็เป็นโอกาสของเราในการลงทุน หรือไม่ต้องรอจับจังหวะ แต่ใช้วินัยชนะตลาดด้วยการ DCA อย่างสม่ำเสมอก็เป็นกลยุทธ์สุดคลาสสิกที่ได้ผลเสมอเช่นเดียวกัน 

อ้างอิงข้อมูลจากผลตอบแทนเฉลี่ย Jitta Wealth และ S&P Capital IQ ณ 31 ธันวาคม 2566 

ข้อมูลจาก blog.jittawealth.com

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

สรุปประเด็นสำคัญ “เมืองไทยจะไปต่ออย่างไร ท่ามกลางวิกฤติ Polycrisis บทเรียนจาก WEF2024

อาร์เอส กางแผนปี 67 ปรับทัพผู้บริหาร ลุยปั้น S-Curves ตั้งเป้ารายได้ทะลุ 4.4 พันล้านบาท

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ