เอสซีจี เปิดแผนปี 2567 ตั้งงบลงทุนรวม 40,000 ล้านบาท ชูธงทุกการลงทุนธุรกิจมุ่งสู่กรีน ซึ่งเป็นทิศทางของอนาคตแห่งสังคม Net Zero ดันนวัตกรรมรักษ์โลก-ลุยพลังงานสะอาด-ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ล่าสุด ปีที่ผ่านมาเริ่มส่งออกปูนคาร์บอนต่ำสู่ตลาดอเมริกา แจงผลประกอบการปี 2566 รายได้เฉียด 5 แสนล้านบาท ลดลง 12% จากภาวะเศรษฐกิจโลก หวังปีนี้เติบโตราว 20%
ธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เผยแผนการลงทุนว่า จากนี้ไปทุกธุรกิจจะมุ่งไปในแนวทางของกรีน เพราะการลงทุนวันนี้ จะอยู่ด้วยกันไปเป็นสิบ ๆ ปี หากลงทุนธุรกิจที่ไม่ใช่กรีนในวันนี้ อาจทำกำไรได้ใน 1-2 ปีนี้ แต่จะกลายเป็นภาระใน 5 ปีข้างหน้า
ปีนี้ทุกกลุ่มธุรกิจของเอสซีจี จะสร้างการเติบโตอย่างเต็มที่ทั้งไทยและภูมิภาคอาเซียน ด้วยนวัตกรรมปูนคาร์บอนต่ำ สมาร์ทโซลูชันเพื่อการอยู่อาศัย พลาสติกรักษ์โลก บรรจุภัณฑ์ยั่งยืนที่ใช้ซ้ำ รีไซเคิลได้ พลังงานสะอาดครบวงจร และนวัตกรรมเม็ดพลาสติกคุณภาพสูงจากโครงการลองเซิน ปิโตรเคมิคอลส์ โดยเน้นบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ คว้าโอกาสจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริการของไทย
ทั้งนี้ คาดว่าตลาดอาเซียนจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะอินโดนีเซียและเวียดนาม มุ่งสู่ผู้นำธุรกิจกรีนที่สร้างการเติบโตให้ธุรกิจพร้อมสร้างสังคม Net Zero ที่น่าอยู่สำหรับทุกคน
ปี 2567 ตั้งงบลงทุนไว้ 40,000 ล้านบาท เน้นลงทุนนวัตกรรมรักษ์โลก พลังงานสะอาด และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งมีความต้องการและเติบโตได้อีกมาก สะท้อนจากยอดขาย SCG Green Choice ปี 2566 อยู่ที่ 54% ของยอดขายทั้งหมด
ทั้งยังเร่งพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High-Value Added Products & Services – HVA) ซึ่งเพิ่มความหลากหลาย ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างไว และตรงใจ
พร้อมกันนี้ ยังเร่งทรานส์ฟอร์มโครงสร้างธุรกิจตามกลยุทธ์สร้างความคล่องตัว แข็งแกร่งและเติบโตระยะยาว เพื่อรับความท้าทายต่าง ๆ ให้ทันท่วงที เช่น ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ส่งผลให้ต้นทุนพลังงานและค่าขนส่งผันผวน เศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวไม่เต็มที่
ปิโตรเคมีแนวโน้มปรับตัวดี
นอกจากนี้ ยังมองธุรกิจเคมิคอลส์ (SCGC) ที่คาดว่าตลาดปิโตรเคมีจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จากความต้องการสินค้าที่เพิ่มมากขึ้นและอุปทานที่ลดลง โดยธุรกิจเร่งพัฒนาพลาสติกรักษ์โลก รวมทั้งสินค้าและบริการ HVA ให้มีสัดส่วนสูงขึ้น โดยช่วงที่ผ่านมาความต้องการของตลาดมีมากขึ้น ส่งผลให้มียอดขาย 39% เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ซึ่งจะช่วยหนุนความสามารถการแข่งขันในภาวะตลาดฟื้นตัวได้เป็นอย่างดี
ล่าสุด ‘โครงการลองเซิน ปิโตรเคมิคอลส์’ ในเวียดนาม ดำเนินการก่อสร้างลุล่วงตามแผนภายใต้งบประมาณที่กำหนดไว้ การเดินเครื่องจักรและทดสอบประสิทธิภาพการเดินโรงงานทั้งระบบเป็นไปได้ด้วยดี คาดว่าจะเสร็จในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้
พลาสติกรักษ์โลกยอดเพิ่ม
ส่วนนวัตกรรมพลาสติกรักษ์โลก ‘SCGC GREEN POLYMER’ ปีที่ผ่านมามียอดขาย 218,000 ตัน เพิ่มขึ้น 56% จากปีก่อน
“บริษัทตั้งเป้า Green polymer 1 ล้านตัน ในปี 2573 เนื่องจากราคาขายมีขึ้นมีลง จึงตั้งเป้าเป็นจำนวนแทน ซึ่งปีที่ผ่านมาทำได้แล้วกว่า 2 แสนตัน และยังขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง ทั้งขยายกำลังการผลิต ปรับปรุงเทคโนโลยีการกำจัดกลิ่น ให้ตอบโจทย์ต่อการนำไปใช้งานของลูกค้า”
โรงงานอะเซทิลีนแบล็กเริ่มก่อสร้าง
นอกจากนี้ ธุรกิจยังเร่งขยายเข้าสู่ ‘อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า’ ด้วยนวัตกรรมพลาสติกสำหรับการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์น้ำหนักเบา ช่วยประหยัดพลังงาน และความร่วมมือกับ Denka ในการผลิตและจำหน่ายอะเซทิลีนแบล็ก (Acetylene Black) ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับนำไฟฟ้าในการผลิตขั้วแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบชาร์จไฟได้สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ที่มีปริมาณความต้องการสูง
การก่อสร้างโรงงานผลิตอะเซทิลีนแบล็ก ได้เริ่มแล้วและจะเสร็จประมาณครึ่งแรกของปี 2569 โดยมีกำลังการผลิต 11,000 ตัน นำไปใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าได้ประมาณ 16 ล้านคัน
ส่งออกปูนคาร์บอนต่ำไปสหรัฐ
ด้านธุรกิจเอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน บริหารต้นทุนพลังงานได้ดี ปี 2566 เพิ่มสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงทดแทนที่ 40% ปี 2567 มุ่งนำเสนอโซลูชันการออกแบบอาคารที่ช่วยคำนวณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในการก่อสร้าง ด้วยแพลตฟอร์ม ‘KITCARBON’
– เอสซีจี ทุ่งสง มุ่งสู่ความยั่งยืนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและชุมชน
พร้อมทั้งเดินหน้า ‘ปูนคาร์บอนต่ำ’ ซึ่ง ได้รับการยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้านคุณภาพที่มีความแข็งแรง ทนทานและผิวเรียบเนียนเป็นพิเศษ ด้วยยอดขายเพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน และปีที่ผ่านมาเป็นปีแรกที่ส่งออกไปตลาดสหรัฐอเมริกา และมาเลเซีย
ปีนี้เตรียมออกปูนคาร์บอนต่ำ เจนเนเรชันที่ 2 ซึ่งลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้เพิ่มขึ้นจากรุ่นแรก อีก 5%
โซลาร์ รูฟ มาแรง
ส่วนธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง นั้น ‘SCG Solar Roof Solutions’ มียอดขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 105% และมีปัญหาติดตั้งไม่ทัน ต้องขยายทีมช่างเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน ยังมุ่งขยายสมาร์ทโซลูชันสู่ตลาดใหม่ๆ อาทิ นวัตกรรมบำบัดอากาศเสียพร้อมประหยัดพลังงาน ‘SCG Air Scrubber’ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการนำอากาศมาฟอกให้สะอาด ช่วยประหยัดพลังงานจากระบบปรับอากาศได้สูงสุด 30% ซึ่งติดตั้งให้อาคาร Keppel Bay Tower โครงการอสังหาฯ ระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสิงคโปร์ และได้รางวัลอาคารประหยัดพลังงาน Green Mark Platinum (Zero Energy)
เศรษฐกิจผันผวนรายได้ลด12%
ปีที่ผ่านมา ไทย ยังมีบางตลาดที่ดี เช่น วงการก่อสร้าง จากนักท่องเที่ยวที่เข้ามามากขึ้น หัวเมืองท่องเที่ยวยังไปได้ดี และด้านการลงทุนจากต่างประเทศที่เข้ามาสร้างโรงงาน แต่ด้านอื่นๆ ยังช้า ตลาดปิโตรเคมียังอ่อนตัว ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ลดลง ขณะที่สถานการณ์โลกต่างเผชิญวิกฤตหลากหลายทั้งสงคราม เศรษฐกิจที่ตกต่ำทั่วโลก จีนไม่ฟื้นอย่างที่คาด ประเทศรอบๆ บ้านต่างเผชิญวิกฤตทั่วหน้า
สะท้อนต่อผลประกอบการเอสซีจี มีรายได้ 499,646 ล้านบาท ลดลง 12% จากปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลง และไม่รวมยอดขายของ SCG Logistics แต่กำไรเพิ่มขึ้น 21% เป็น 25,915 ล้านบาท หลักๆ มาจากกำไรของการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 และยังคงรักษาความมั่นคงของสถานะการเงินได้อย่างต่อเนื่อง โดยสิ้นปี 2566 มีเงินสดคงเหลือ 68,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ปี 2567 คาดหวังการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 20% โดยเป็นการเติบโตทั้งไทยและต่างประเทศ ส่วนหนึ่งมาจากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งมีโอกาสเติบโตอีกมากหากเร่งผลักดันโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพร้อมเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ และอำนวยความสะดวกในการลงทุนเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และควรส่งเสริมการดำเนินธุรกิจตาม ESG ซึ่งนักลงทุนทั่วโลกให้การยอมรับเพื่อสร้างการเติบโตระยะยาว
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
กสิกรไทย ลุย ‘ยุทธศาสตร์ 3 +1’ ตั้งเป้าดัน ROE แตะ 2 หลัก ภายในปี 69
เทรนด์ธุรกิจปี 2024 ‘เทคโนโลยีและนวัตกรรม ชี้ชะตาความสำเร็จ’
