TH | EN
TH | EN
หน้าแรกTechnologySCG Digital ปั้นแบรนด์ Mind ตอบโจทย์สมาร์ทโฮม ตั้งเป้าสร้างระบบนิเวศ IoT ดันตลาดดิจิทัลไทยสู่ระดับโลก

SCG Digital ปั้นแบรนด์ Mind ตอบโจทย์สมาร์ทโฮม ตั้งเป้าสร้างระบบนิเวศ IoT ดันตลาดดิจิทัลไทยสู่ระดับโลก

SCG Digital แสดงประสิทธิภาพ Mind แพลตฟอร์มกลางเชื่อมอุปกรณ์ IoT ตั้งเป้านำร่องผลักดันการสร้างระบบนิเวศ IoT ของประเทศไทยเพื่อก้าวขึ้นสู่ตลาดแข่งขันบนเวทีระดับโลก พร้อมเปิดให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน และการศึกษา เข้ามาร่วมพัฒนาระบบให้เติบโตไปด้วยกัน ย้ำไปคนเดียวไปไม่ไกล ประเทศไทยต้องไปด้วยกัน

นันทพัชร์ ศรีสุวรรณ Head of Sales and Marketing, SCG Digital Office กล่าวระหว่างงานแถลงข่าวเปิดตัว Mind ในงาน Teachsauce เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา เป้าหมายสูงสุดของ Mind ก็คือการทำให้การใช้งานเทคโนโลยีและนวัตกรรมกลายเป็นเรื่องใกล้ตัว ใช้งานง่าย และก่อให้เกิดประประโยชน์สูงสุดในชีวิตประจำวัน

ดังนั้น ความโดดเด่นของ Mind คือการเป็นแพลตฟอร์มโซลูชัน IoT ที่สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ตระกูลสมาร์ทได้ทุกแบรนด์ ปกป้องความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งาน และให้บริการตั้งแต่ก่อนการซื้อไปจนถึงการดูแลหลังการขาย

นันทพัชร์ ศรีสุวรรณ Head of Sales and Marketing, SCG Digital Office

นันทพัชร์ชี้ว่า ตัวผลิตภัณฑ์ Mind สร้างมาจากมูลค่าที่แท้จริง ดังนั้น Mind จึงไม่ได้แค่ขายแค่เครื่องมืออุปกรณ์เท่านั้น โดยเบื้องต้น Mind จะมุ่งตอบโจทย์ไปที่ตลาดสมาร์ทโฮม เพื่อแก้ปัญหา pain point ของผู้ใช้งานสมาร์ทโฮมในปัจจุบัน ขณะเดียวกัน ก็ช่วยคลายความกังวลในกลุ่มผู้ที่จะใช้บริการสมาร์ทโฮมแบรนด์ต่าง ๆ

ขณะเดียวกัน นันทพัชร์ ยังแสดงความเชื่อมั่นว่า แม้จะยังมีขัอติดขัดเรื่องการใช้งานบางประการ แต่อุตสาหกรรม IoT จะเป็นดาวเด่นที่สามารถเติบโตได้อย่างสดใส ท่ามกลางการเดินหน้าเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยและของโลก 

กระนั้น สาเหตุที่อุตสาหกรรม IoT รวมถึง สมาร์ทโฮมของไทยยังไม่อาจจะเติบโตได้เท่าที่ควรจะเป็น เป็นเพราะว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีในท้องตลาดในปัจจุบันจากหลากหลายแบรนด์ชั้นนำ นำเสนอแต่อุปกรณ์ทันสมัย แต่ไม่ได้มีการผสานนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีเบื้องหลังสำหรับการใช้งานในส่วนนี้เข้ามาด้วย ดังนั้น ช่องว่างในส่วนนี้ จึงทำให้ SCG Digital มองเห็นโอกาสที่จะนำ Mind เข้าไปเติมเต็ม

“สิ่งที่ Mind กำลังทำคือการทำ Value-based experience หรือ Value-based packages เพื่อให้การเลือกใช้งานสมาร์ทโฮมเป็นเรื่องที่ง่ายและตอบโจทย์ความต้องการหรือไลฟ์สไตล์ของตนเองมากขึ้น”

สำหรับทางเลือกของ Mind Solution มีทั้งหมดด้วยกัน 4 แพ็กเกจคือ อยู่ดี ฟีลดี (รู้สึกดี) เชฟดี (ประหยัดดี) และ ใยดี ซึ่งการเลือกแต่ละแพ็กเกจนั้น ทำให้ลูกค้าไม่ต้องคอยพะวงว่าจะต้องมีอุปกรณ์ไหนบ้างหรือใช้งานอย่างไร

นันทพัชร์ อธิบายว่า อยู่ดี (Mind Well-being คือการสร้างสภาพแวดล้อมภายในบ้านที่เป็นมิตรกับทุกคน มีความสมดุล ฟีลดี (Mind Feeling) คือมีบรรยากาศที่ดี สร้างความสุข คลายความเครียด เป็นที่พักพิงใจ ให้บ้านมีบรรยากาศตามสไตล์ของตนเอง เชฟดี (Mind Saving) คือใช้ชีวิตได้อย่างไม่มีชีดจำกัดแต่ยังสามารถประหยัดค่าใช้จ่าย สามารถเป็นตัวของตัวเองอย่างที่เป็นอย่างแท้จริง และใยดี (Mind Caring) คือการเอาใจใส่ดูแลคนสำคัญในชีวิตได้ทุกที่่ทุกเวลา

ในส่วนของการเปิดให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างระบบนิเวศ IoT ผ่าน Mind นันทพัชร์ ระบุว่า คนไทยอาจจะไม่เก่งเทคโนโลยีเท่ากับต่างประเทศ แต่คนไทยเป็นชาติที่มีความสร้างสรรค์สูง และสามารถประยุกต์ใช้ความสร้างสรรค์ที่ว่านี้มาไว้ในเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว โดยปัจจุบันถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะผลักดันตัว soft power ในการสร้าง creative economy และ ดัน tech power เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ซึ่งการผสานทั้ง creative economy และ digital economy เข้าไว้ด้วยกัน ย่อมทำให้ไทยไปได้ไกล เพียงแต่ต้องไปด้วยกันทุกคน

Mind-Application

“IoT เป็นธุรกิจที่มีคุณค่าสูงสุดและมีการเติบโตอย่างมาก เราอยากให้ Mind โซลูชัน เป็นตัวผลักดันมูลค่า IoT ของไทยให้เติบโต และไปทักทายชาวโลก แต่ไปคนเดียวย่อมไปได้ไม่ไกลเท่ากับไปด้วยกัน ดังนั้น จึงขอเชิญทุกภาคส่วนมาร่วมสร้างระบบนิเวศ IoT ไปด้วยกัน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยร่วมกัน”

ด้าน อภิรัตน์ หวานชะเอม Chief Digital Officer, SCG Digital Office, กล่าวว่า แนวคิดหลัก ๆ ของ Mind มีที่มามาจากคำว่า Don’t mind เพื่อให้เป็นแบรนด์ที่คนเข้าถึงได้ อีกทั้ง Don’t mind ยังสื่อถึงการที่เทคโนโลยีและนวัตกรรม มาพร้อมกับโซลูชันที่ตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้งานอย่างแท้จริง

 “ฟังดูเหมือนอาจจะเป็นเรื่องที่เลื่อนลอย แต่เรากำลังทำอยู่จริง ๆ และกำลังเดินหน้าพัฒนาต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายจากการเป็นแพลตฟอร์ม IoT สำหรับ smart home ไปสู่ smart community และ smart country ซึ่งจะช่วยสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับสังคมไทย รวมถึงเป็นพื้นที่ที่จะนำพาธุรกิจไทยไปยืนหยัดอยู่บนเวทีโลกได้อย่างแท้จริง”

อภิรัตน์ ย้ำว่า Mind พยายามทำงานเพื่อให้สามารถเชื่อมต่อเข้ากับทุกอุปกรณ์ IoT ของทุกแบรนด์อย่างแท้จริง ถือเป็นแพลตฟอร์มแรกในไทยที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ตระกูลสมาร์ทโดยไม่จำกัดแบรนด์ ตอบโจทย์วิถีชีวิตของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่มองหา Lazy-Friendly Technology เพื่อให้การใช้ชีวิตเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

สำหรับเป้าหมายของ Mind ในขณะนี้ อภิรัตน์ชี้ว่าทางบริษัทมุ่งจะปั้นแบรนด์ให้ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำด้าน IoT Smart Home ของอาเซียน บวกกับมีครัวเรือนติดตั้งโซลูชัน Mind กว่า 100,000 ยูนิตภายในปี 2025 ส่วนในเรื่องการขยายสู่ตลาดโลก เจ้าตัวตั้งเป้าระบุว่า Mind เตรียมขยายสู่ตลาดระดับโลกภายใน 4 ปี

ในส่วนของราคา นันทพัชร์ว่าราคาของแต่ละแพ็กเกจ ครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบ การวางระบบ การติดตั้งและการดูแล โดยเป็นราคาที่แทบทุกบ้านสามารถเข้าถึงได้ คือเฉลี่ยเริ่มต้นประมาณ 10,000 บาทต่อหลัง มากน้อยขึ้นอยู่กับความซับซ้อน และความต้องการของผู้ใช้งานก่อนปิดท้ายเน้นย้ำเชิญชวนให้ทุกภาคส่วน ตั้งแต่ หน่วยงานด้านเทคโนโลยี ผู้พัฒนาอุปกรณ์สมาร์ท ผู้ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันการศึกษา และผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กมาร่วมจับมือกับ Mind เพื่อก้าวไปสู่ตลาด IoT โลก ไปด้วยกัน

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

AION เปิดเกมรุกเมืองไทย สู่ตลาดอาเซียน จ่อเปิดตัว “AION Y Plus” 9 กันยายนนี้

อลิอันซ์ อยุธยา เปิดตัว ‘My Doctor’ บริการ Telemedicine จัดส่งยาถึงบ้าน เคลมได้ตามสิทธิ์

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ