TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessสนค. ปรับแผนงานสู้โควิด จับมือพันธมิตรเดินหน้า บล็อกเชน

สนค. ปรับแผนงานสู้โควิด จับมือพันธมิตรเดินหน้า บล็อกเชน

สนค.ให้ความสำคัญของการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจการค้า โดยได้พัฒนาระบบให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับสินค้าตั้งแต่กระบวนการเพาะปลูกการผลิตการแปรรูปการจำหน่าย รวมถึงข้อมูลการรับรองมาตรฐานผ่านการสแกนคิวอาร์โค้ดหรือตรวจสอบจากเลขที่ระบุลอตการผลิตบนฉลากสินค้าเพื่อสร้างความโปร่งใสและน่าเชื่อถือต่อสินค้าไทย

ภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า สนค.นำระบบ Blockchain มาใช้ช่วยสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือต่อสินค้าให้แก่ผู้บริโภคทั้งชาวไทย ต่างชาติ รวมถึงบริษัทคู่ค้า ที่จะสามารถตรวจสอบการผลิตสินค้าตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิตและการค้าได้

ซึ่ง สนค. ได้ทดลองนำร่องในสินค้าข้าวอินทรีย์และอยู่ระหว่างการพิจารณาขยายผลไปยังสินค้าศักยภาพอื่นต่อไป ในการใช้งานตรวจสอบย้อนกลับนั้น สามารถสแกนคิวอาร์โค้ดหรือตรวจสอบจากเลขที่ระบุลอตการผลิตบนฉลากสินค้าผ่านเว็บไซต์ TraceThai.com จากนั้นระบบจะแสดงข้อมูลสินค้าตั้งแต่กระบวนการเพาะปลูก การผลิต การแปรรูป การจำหน่าย รวมถึงข้อมูลการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์

ซึ่งระบบนี้ได้เปิดการใช้งานอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563 เป็นต้นมา ทั้งยังได้รับรางวัลBest Practice ภายใต้แผนงานบูรณาการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคตประจำปี 2563 จากกระทรวงอุตสาหกรรรม

แม้ในช่วงนี้จะประสบปัญหาการดำเนินงานเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (โควิด-19) แต่การดำเนินงานยังคงเดินหน้าต่อ

โดยเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา สนค. และพันธมิตร อาทิ ธ.ก.ส. สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ รวมถึงหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ทั้งส่วนกลาง ภูมิภาค และต่างประเทศ ได้แก่ พาณิชย์จังหวัด สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ได้หารือร่วมกันที่จะปรับการดำเนินงานให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นภายใต้สถานการณ์ครั้งนี้ เช่น เลื่อนการลงพื้นที่เพื่อเผยแพร่การใช้งานระบบในจังหวัดที่มีศักยภาพผลิตสินค้าข้าวอินทรีย์ของภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือออกไปก่อน พร้อมนำรูปแบบการทำงานและจัดประชุมออนไลน์มาใช้

สำหรับในปีนี้มีเป้าหมายจะเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานในระบบให้เพิ่มมากขึ้นโดยจะเดินหน้าสร้างความเข้าใจและเชิญชวนกลุ่มผู้ผลิตข้าวอินทรีย์เข้าสู่ระบบไม่น้อยกว่า 150 กลุ่ม/คนนอกจากนี้ยังได้หารือกับกรมศุลกากรและกรมการค้าต่างประเทศเพื่อขยายการใช้งานการอำนวยความสะดวกทางการค้า (Trade Facilitation) เช่นเชื่อมกับระบบ National Single Windows นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาระบบ Blockchain สำหรับสินค้า GI ร่วมกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาต่อไป

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ