‘ทองลาวา’ เป็นแบรนด์ทุเรียนภูเขาไฟจากจังหวัดศรีสะเกษที่ได้รับความนิยมในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งสินค้าจำหน่ายภายในประเทศเท่านั้น ล่าสุดได้พาร์ตเนอร์ที่มีจุดแข็งเรื่องการทำตลาดดิจิทัลอย่าง Bitkub เข้าร่วมลงทุนจากการเข้าเสนอดีลทางธุรกิจในรายการ Shark Tank Thailand ซีซั่น 3 จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญนี้ทำให้ บงกชกัลยาณ์ แก้วสุวรรณานนท์ผู้ก่อตั้ง บริษัท ทองลาวา จำกัด มั่นใจการขยายธุรกิจทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษสู่การส่งออกในตลาดจีน ซึ่ง Bitkub ตั้งเป้าปีแรกของการส่งออกมีมูลค่าถึง 300 ล้านบาท
ทุเรียน ยังคงเป็นผลไม้สดส่งออกที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 ในกลุ่มผู้บริโภคชาวจีน จากข้อมูลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 15 ธันวาคม 2565 พบว่าการส่งออกทุเรียนไทยในตลาดจีนสามารถสร้างมูลค่าได้ถึง 86,732.23 ล้านบาท จากจำนวนส่งออกที่ 815,276.71 ตัน โดยมีเมืองหลักในจีน เช่น ปักกิ่ง, เซี่ยงไฮ้ และกว่างโจว ยังคงให้ความชื่นชอบในทุเรียนสดที่มาจากไทย
อีกทั้งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ร่างความร่วมมือระหว่างไทยและจีนในการตกลงให้ผู้ประกอบการและสินค้าไทย สามารถเข้าถึงตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของจีนได้ในระยะเวลา 3 ปี โดยเฉพาะสินค้าเกษตรแปรรูปและผลไม้พรีเมี่ยมของไทย ซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดจีน โดยปัจจุบันจีนมีตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ ข้อมูลล่าสุดในปี 2564 ที่ผ่านมามีมูลค่าการค้าสูงถึง 77.55 ล้านล้านบาท มียอดผู้ซื้อออนไลน์ประมาณ 842.1 ล้านคน โดยข้อตกลงความร่วมมือนี้จะเป็นส่วนส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยสร้างมูลค่าจากสินค้ากลุ่มพรีเมี่ยมได้มากขึ้นและยังยกระดับการส่งออกสินค้าของไทยในตลาดออนไลน์ของจีน
‘ทองลาวา’ เปลี่ยนวิกฤติหยิบโอกาสต่อยอดส่งออกจีน
บงกชกัลยาณ์ แก้วสุวรรณานนท์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท ทองลาวา จำกัด กล่าวกับ The Story Thailand ว่า ทองลาวาเป็นธุรกิจที่เกิดจากความสู้ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง ด้วยตนเองเป็นเสาหลักของครอบครัว การมีรายได้ที่มากพอเพื่อจะดูแลทุกคนให้มีความสุข ความมั่นคงและความปลอดภัยในชีวิตมันสำคัญ ซึ่งก่อนหน้านี้ทำธุรกิจมาหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ เมื่อมีสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดขึ้นทำให้ต้องปิดกิจการและเปลี่ยนมุมมองคิดใหม่
โดยในตอนนั้นได้มองหาธุรกิจที่สามารถเติบโตได้และตนเองชื่นชอบนั่นคือ ทุเรียนภูเขาไฟ โดยส่วนตัวชื่นชอบการรับประทานทุเรียนมากจึงมีประสบการณ์จากการรับประทานและสามารถเลือกทุเรียนให้ตอบโจทย์ความต้องการได้ บางคนชอบรับประทานทุเรียนเนื้อนุ่ม เนื้อกรอบนอกนุ่มใน หรือชอบรับประทานทุเรียนสุกมากๆ ซึ่งทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษมีรสชาติแตกต่างและความอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์ของทุเรียนที่มาจากการปลูกด้วยดินภูเขาไฟ
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าเกษตรกรในกลุ่มทุเรียนมักถูกเอาเปรียบและถูกโกงบ่อยครั้ง การได้เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มเกษตรกรกับผู้บริโภคเพื่อยกระดับการรับประทานทุเรียนคุณภาพจะช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้ และเมื่อเลือกที่จะทำทุเรียนพรีเมี่ยมจำหน่าย แน่นอนว่าเราต้องวางจุดต่างที่ไม่เหมือนใครในตลาด ทองลาวาเริ่มจากการคัดสรรทุเรียนที่มีคุณภาพจากสวนที่ได้มาตรฐานในระดับพรีเมี่ยมและด้านบริการที่ให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก
สำหรับสินค้าทุเรียนทองลาวาได้ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการขายทุเรียนสดทั้งเปลือก เราได้คัดสรรคุณภาพตั้งแต่ลงพื้นที่คัดเลือกสวนทุเรียน มีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ หรือ Packaging ให้ตอบโจทย์กลุ่มที่ต้องการรูปลักษณ์ที่พรีเมี่ยมเหมาะสมกับคุณภาพทุเรียนเพื่อให้ลูกค้าเกิดความรู้ว่า ถ้าทุเรียนภูเขาไฟพรีเมี่ยม ต้องทุเรียนพรีเมี่ยมทองลาวา
ทำไมเลือก Bitkub ร่วมลงทุน
เจ้าของแบรนด์ทองลาวา เล่าต่อว่า การตัดสินใจเสนอชื่อเข้าไปร่วมในรายการ Shark Tank Thailand ซีซั่น 3 นั้น เรามองว่าเราพร้อมแล้ว ทองลาวามีการลองผิดลองถูกในการจำหน่ายทุเรียนภูเขาไฟมาตลอด 3 ปี และเราพร้อมจะต่อยอดธุรกิจด้วยการจับมือกับพาร์ตเนอร์ที่มองเห็นเป้าหมายเดียวกัน โดยในรายการ Shark Tank Thailand ซีซั่นนี้มีนักลงทุนที่มากประสบการณ์ ซึ่งทองลาวาได้ถูกเลือกจากข้อเสนองบลงทุน 1 ล้านบาท จาก 2 นักลงทุน โดยหนึ่งในนั้นคือ จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือ Bitkub
ทั้งนี้การที่ทองลาวาเลือก Bitkub เป็นพาร์ตเนอร์ด้วยมั่นใจว่า สิ่งที่พาร์ตเนอร์เรามีจะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้ทองลาวาสามารถเติบโตและขยายธุรกิจได้มากขึ้น โดยเราไม่ได้มองแค่กำไรที่จะเกิดขึ้นจากการร่วมกันต่อยอดธุรกิจ แต่มองไปถึงเป้าหมายการทำธุรกิจที่มีเหมือนกันคือ การสร้างโอกาสให้เกิดขึ้น โดยในมุมมองของทองลาวา เราต้องการสร้างโอกาสให้เกษตรกรไทยได้เข้าถึงความรู้ เทคโนโลยีและพัฒนาผลไม้ของไทยให้มีคุณภาพทุเรียนภูเขาไฟเพื่อยกระดับไปสู่การส่งออกจำหน่ายในต่างประเทศ
โดย 3 ปีที่ผ่านมานั้นทองลาวาจำหน่ายสินค้าเฉพาะในประเทศเท่านั้น ลูกค้าส่วนใหญ่เริ่มจากภายในจังหวัดศรีสะเกษและมีการบอกต่อจนเป็นที่รู้จักและสามารถส่งขายไปยังลูกค้าจังหวัดต่างๆ ในไทยได้ ซึ่งการทำงานร่วมกับ Bitkub นั้น เป็นพาร์ทเนอร์กันในลักษณะที่มีเงินร่วมลงทุนกับทองลาวา 1 ล้านบาท แลกเปลี่ยนกับสัดส่วนรายได้ 26% โดยทีมงานของ Bitkub เข้ามาช่วยในการทำการตลาดทั้งไทยและต่างประเทศ ซึ่งในต่างประเทศจะเป็นการหาตลาดในการส่งออกทุเรียนภูเขาไฟภายใต้แบรนด์ทองลาวา โดยภายกลางปี 2566 ตลาดต่างประเทศตลาดแรกที่เราจำหน่ายคือ ตลาดจีน ซึ่งเลือกจำหน่ายให้กับตัวแทนจำหน่ายซึ่งเป็นพาร์ตเนอร์ของ Bitkub โดยเริ่มเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบนในหัวเมืองหลัก เช่น เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ทองลาวา ยังคงมองไปถึงการนำความรู้เรื่องการทำเกษตรสมัยใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อยกระดับคุณภาพของทุเรียนภูเขาทองให้ได้มาตรฐานสินค้าเกษตรระดับสากล เช่น การให้ความรู้ตั้งแต่คุณภาพของดินที่ใช้ปลูก การปลูกที่สามารถควบคุมผลผลิตได้ และวิธีการคัดเลือกทุเรียนคุณภาพพรีเมี่ยม เนื่องจากสินค้าทุเรียนภูเขาไฟจากทองลาวาสามารถให้ผู้บริโภคสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อติดตามและตรวจสอบได้ว่าสินค้ามาจากแหล่งไหน จัดส่งอย่างไร เป็นต้น นอกจากสินค้าในกลุ่มทุเรียนภูเขาไฟแล้ว เรายังมองไปที่ของดีในจังหวัดศรีสะเกษอีกหลายรายการซึ่งจะมีการพัฒนาต่อยอดต่อไป
บิทคับ จับมือ ทองลาวา ยกระดับทุเรียนไทยด้วยบล็อกเชนและ NFT
ทุเรียนภูเขาไฟต้องทุเรียนทองลาวา
เจ้าของแบรนด์ทองลาวา เล่าว่า เอกลักษณ์ของรสชาติทุเรียนไทยทองลาวา เป็นทุเรียนที่ปลูกในบริเวณพื้นที่ภูเขาไฟโบราณแถบเทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งเป็นดินที่ผุพังมาจากหินบะซอลต์ มีธาตุอาหารชนิดต่างๆ ที่จำเป็นต่อพืชใน ปริมาณสูง ประกอบกับลักษณะสภาพภูมิอากาศของจังหวัดศรีสะเกษที่ไม่ชื้นจนเกินไป แสงแดดมีความเข้มแสงสูงทำให้ทุเรียนได้รับแสงต่อวันที่ยาวนาน ได้รับแร่ธาตุ ครบถ้วน ผลผลิตที่ได้มีรสชาติดี จึงส่งผลให้ทุเรียนทองลาวา มีรสชาติเป็น เอกลักษณ์ อุดมไปด้วย ธาตุอาหาร และวิตามินที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ
โดยทองลาวาได้พัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในปัจจุบัน และเพื่อเป็นการคงคุณภาพของทุเรียนภูเขาไฟด้วยการใช้กล่องโอโซนพร้อมส่งถึงบ้านของผู้บริโภคทั่วประเทศ ทำให้สามารถยืดอายุการจัดเก็บทุเรียนได้ถึง 10 วัน และกล่องโอโซนได้พัฒนาสำหรับใส่ทุเรียนทำให้ไม่มีกลิ่นออกมารบกวนขณะขนส่ง จึงสามารถพกพาได้สะดวก รวมถึงรูปลักษณ์โยรวมมีความเหมาะสมกับการเป็นของฝาก
ทำไม ‘ทองลาวา’ เตะตา ‘Bitkub’ จนต้องลงทุน
บิทคับ เวนเจอร์ส หนึ่งในบริษัทของ บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป ตัดสินใจลงทุนกับบริษัท ทองลาวา จำกัด ซึ่งจำหน่ายทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ ด้วยเงินลงทุน 1 ล้านบาท แลกเปลี่ยนกับการแบ่งรายได้ 26% การจับมือกับบริษัทด้านการเกษตรเป็นความแปลกใหม่ของบิทคับและน่าจับตาเป็นอย่างมาก เนื่องจากบิทคับเป็นกลุ่มบริษัทเน้นการทำธุรกิจด้านดิจิทัลเป็นหลัก
บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด มีบริษัทในเครือจำนวน 5 บริษัท ได้แก่ 1.บริษัทบิทคับออนไลน์จำกัด (Bitkub Online Co., Ltd.) เป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) 2.บริษัทบิทคับบล็อกเชนเทคโนโลยีจำกัด (Bitkub Blockchain Technology Co., Ltd.) บริษัทที่ปรึกษาด้านไอซีโอ รวมถึงการพัฒนาและออกแบบบล็อกเชน
3.บริษัทบิทคับแล็ปจำกัดหรือ บิทคับ อะคาเดมี่ (Bitkub Labs Co., Ltd. / Bitkub Academy) ธุรกิจการศึกษาด้านบล็อกเชน 4.บริษัทบิทคับเวนเจอร์สจำกัด ทำธุรกิจให้การสนับสนุนด้านเงินทุนสำหรับพัฒนาธุรกิจ เน้นลงทุนไปยังวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ สตาร์ทอัพ ที่ประกอบกิจการด้านบล็อกเชน และ5.บริษัทบิทคับเอ็มจำกัด บริษัทร่วมทุนกับบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เพื่อร่วมลงทุนและบริหารบิทคับ เอ็ม โซเชียล (BITKUB M SOCIAL) เป็นดิจิทัลคอมมูนิตี้
บริษัท บิทคับ เวนเจอร์ส จำกัด ซึ่งเน้นการลงทุนในบริษัทสตาร์ตอัพหรือโครงการเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีเป็นหลัก รวมไปถึงสนับสนุนและให้โอกาสแก่นักพัฒนารุ่นใหม่ในการสร้างสิ่งที่มีประโยชน์และใช้งานได้จริงเพื่อพัฒนาและขยายระบบนิเวศบล็อกเชนทั้งในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมกับ บริษัท ทองลาวา จำกัด บริษัทจำหน่ายทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ
จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวว่า การลงทุนในธุรกิจด้านเกษตรครั้งนี้มองไปถึงเรื่องการเข้าให้ความรู้ด้านการนำเทคโนโลยีไปใช้กับการทำการเกษตร โดยส่งต่อความรู้ต่างๆ ผ่านทางทองลาวาเพื่อให้คุณภาพของสินค้าอยู่ในกลุ่มที่รักษามาตรฐานเป็นสินค้าพรีเมี่ยมในตลาด ซึ่งทุเรียนจากทองลาวาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปลูกในเขตพื้นที่ดินภูเขาไฟ ส่งผลให้ทุเรียนที่ได้มีอัตลักษณ์เฉพาะตัว มีรสชาติที่ไม่สามารถเลียนแบบได้
อีกทั้งเป้าหมายหลักของบิทคับและทองลาวามีเหมือนกันคือ การสร้างโอกาสให้ได้มากที่สุด ซึ่งทองลาวามองว่าต้องการสร้างโอกาสให้เกษตรกรไทยได้ส่งออกผลผลิตไปยังตลาดต่างประเทศ สำหรับบิทคับมองเห็นโอกาสของผลไม้ไทย โดยเฉพาะทุเรียนไทยที่ต่างชาติอย่างเช่นจีนให้ความสนใจและชื่นชอบเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้มองว่าทุเรียนจากแบรนด์ทองลาวาเป็นผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาไทยที่สร้างโอกาสให้กับเกษตรกรไทยและสร้างโอกาสให้กับธุรกิจ SME ให้มีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น โดยบิทคับและทองลาวามีมุมมองที่ตรงกันคือ ต้องการช่วยเหลือเกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน และต้องการจะส่งออกผลไม้ไทยซึ่งเป็นซอฟเพาเวอร์ไปสู่ต่างประเทศมากยิ่งขึ้นในอนาคต เนื่องจากในปัจจุบันความต้องการของทุเรียนไทยในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีนเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี
ทองลาวาโตได้ไกลในตลาดส่งออกทุเรียนสดพรีเมี่ยม
จิรายุส กล่าวต่อว่า เหตุผลหลักที่มองว่าแบรนด์ทองลาวาเติบโตได้อีกไกลในตลาดส่งออกผลไม้สดพรีเมียมพร้อมรับประทาน คือทองลาวา มีความพร้อมทั้งด้าน Branding ที่ค่อนข้างแข็งแรงมีการลองผิดลองถูกในตลาดในประเทศมาแล้วในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และด้านสินค้าที่มีจุดแข็งเรื่องคุณภาพ ซึ่งเรามีทีมในการทำ Marketing Branding และTechnology ที่จะช่วยส่งเสริมให้แบรนด์ไทยสามารถทำตลาดได้ในต่างประเทศ และให้เกิดความต้องการทุเรียนไทย
ทั้งนี้ ความร่วมมือกับแบรนด์ทองลาวาในด้านการเข้าลงทุนเงินจำนวน 1 ล้านบาท ในการแบ่งรายได้ 26% นั้น บิทคับได้เข้าไปให้ความรู้และคำปรึกษาด้านการทำการตลาดทั้งหมด เช่น การสื่อสารประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มลูกค้า ,การพัฒนาภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์, การหาตลาดเพื่อทำการส่งออกจำหน่ายในต่างประเทศผ่านบริษัทพันธมิตร โดยบิทคับมีช่องทางการทำการตลาดบนออนไลน์ เช่น NFT เป็นต้น เพื่อร่วมมือกันสนับสนุนให้ทุเรียนภูเขาไฟศรีษะเกษเป็นทุเรียนพรีเมี่ยม เปรียบเสมือนไวน์ของฝรั่งเศส สามารถซื้อเป็นของฝากและเป็นของขวัญในเทศกาลต่างๆ ได้
“เรามองไปที่ผลประโยชน์ที่ชาวสวนทุเรียนในไทยจะได้รับเป็นการกระจายรายได้ให้เกิดขึ้นช่วยกันยกระดับสินค้ากลุ่มเกษตรเพื่อการส่งออกรวมกับซอฟต์พาวเวอร์ของเมืองไทยวัฒนธรรมการกินทุเรียนไทยเช่นเดียวกับการดื่มไวน์ของฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงเรามองว่าทองลาวาจะเป็นบริษัท Use case บริษัทแรกๆของไทยจากกลุ่มสินค้าเกษตรที่ได้โตในตลาดโลก”
บิทคับมองว่า เป้าหมายแรกของการผลักดันแบรนด์ทองลาวาให้ติดตลาดส่งออกสินค้าผลไม้สดพร้อมรับประทานเกรดพรีเมียมในปี 2566 ด้วยมูลค่ารายได้จากการส่งออก 200 – 300 ล้านบาท จากจำนวนทุเรียนสดแกะเนื้อพร้อมรับประทานจำนวน 100 ตัน ไปยังตลาดในหัวเมืองหลักๆ ของจีน เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เป็นต้น
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ซีพี โฟตอน ย้ำกระแส EV มาแรงทั่วโลก เตรียมบุกตลาดรถบรรทุกไฟฟ้าในไทย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาด ปี 66 นักท่องเที่ยวจีนอาจเดินทางเข้ามาเที่ยวในไทย มากกว่า 1 ล้านคน
