TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessค่ายรถยนต์ตบเท้าเปิดตัวรถใหม่ ในงาน Motor Expo 2023

ค่ายรถยนต์ตบเท้าเปิดตัวรถใหม่ ในงาน Motor Expo 2023

เปิดฉากงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” พบกับรถต้นแบบ รถรุ่นล่าสุด 40 แบรนด์ จักรยานยนต์ 23 แบรนด์ พร้อมกันนี้ค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ยังตบเท้าร่วมเปิดตัวรถใหม่

ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” เปิดเผยว่า ปีนี้เป็นโอกาสครบรอบ 40 ปีของการจัดงาน โดยมีแนวคิด “ยานยนต์: ความหมายที่มากกว่า-Mobility: Imagination and Beyond” จัดแสดงรถยนต์ 40 แบรนด์ จาก 11 ประเทศ รถจักรยานยนต์ 23 แบรนด์ จาก 7 ประเทศ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10-15 % ยิ่งกว่านั้น ยังมีพื้นที่แสดงยานยนต์ที่กำลังได้รับความนิยมอีก 2 ประเภท นั่นคือ เรือ และอากาศยาน 

ไฮไลทต์ในงาน ได้แก่ รถต้นแบบ Ioniq Seven Concept รถไฟฟ้าอเนกประสงค์ ประตูรถแบบไร้เสาด้านผู้โดยสาร พร้อมระบบ Vision Roof Display วัสดุตกแต่งห้องโดยสารด้วยวัสดุที่ปลอดภัย Mineral Plaster ไม้ไผ่ และพรมไบโอเรซิน สีตัวรถผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Hyundai N Vision 74 ได้แรงบันดาลใจจาก Pony Coupe สัญลักษณ์แห่งดีไซจ์นคลาสสิคเหนือกาลเวลา ห้องโดยสารสไตล์ห้องนักบินทรงลูกสูบที่มีคนขับเป็นศูนย์กลาง และ Hyundai I20 WRC 2020 รถแข่งแรลลี คว้าตำแหน่งผู้ผลิต WRC ยอดเยี่ยมเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ด้วยชัยชนะจาก 3 สนาม ทั้งที่มนเต การ์โล เอสโตเนีย และซาร์ดินีอา

เทสลาเปิดตัว Tesla Bot

Tesla Bot Motor Expo 2023

เทสลา เปิดตัวหุ่นยนต์เทสลาที่รู้จักกันในชื่อ Optimus นวัตกรรมล่าสุด เป็นครั้งแรกในประเทศไทย

Optimus ได้รับการออกแบบมาเพื่อทำงานที่น่าเบื่อและจำเจ หรืองานที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ สร้างขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยี AI ขั้นสูงแบบเดียวกับยานพาหนะของเทสลา เพื่อให้มั่นใจถึงการปฏิบัติงานที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ที่บูธของเทสลายังมีการจัดแสดงรถเทสลา Model 3 และ Model Y พร้อมด้วยระบบแบตเตอรี่เก็บกักพลังงานอย่าง Powerwall และโซลูชันด้านการชาร์จที่เป็นนวัตกรรม เช่น เครือข่าย Superchargers และ Home Chargers อีกด้วย

เทสลายังมีโปรแกรมพิเศษทางด้านการเงินสำหรับ Model Y อย่าง Charged Up Financial Program ที่มาพร้อมอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 1.89% โปรแกรมอัตราดอกเบี้ยพิเศษนี้ต้องสั่งจองตั้งแต่วันนี้ถึง 11 ธันวาคม พ.ศ. 2566

Tesla Model 3 อัปเกรดใหม่ ในสีอัลตรา เรด ที่ประกอบไปด้วยห้องโดยสารแบบ Wraparound พร้อมไฟส่องสว่างโดยรอบ ระบบเครื่องเสียงได้รับการอัพเกรดเป็นระดับโรงภาพยนตร์ด้วยลำโพงสูงสุด 17 ตัว ระบบจอควบคุมทางด้านหลังแบบหน้าจอคู่ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสาร

เทสลา Model 3 รุ่นอัปเกรดใหม่มีให้เลือกอยู่สองรุ่นย่อย รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Long Range AWD และรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังแบบ Real-Wheel Drive โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 1,599,000 บาท พร้อมการส่งมอบเริ่มในไตรมาสที่ 1 ปี พ.ศ. 2567

Tesla-Home-Charging

HomeCharging เครื่องชาร์จติดผนังเทสลา เทสลาได้จัดแพ็คเกจสำหรับแท่นชาร์จติดผนัง ในราคาเริ่มต้นที่ 35,900 บาท โดยประกอบไปด้วยทั้งตัวเเท่นชาร์จติดผนังและเครื่องชาร์จแบบพกพา พร้อมการบริการตรวจสอบสถานที่และติดตั้งแบบครบวงจรโดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรองจากเทสลา และยังได้รับการรับประกันนานถึง 4 ปี เพื่อความมั่นใจให้กับลูกค้าทุกคน

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดราคา ORA 07 รุ่น LONG RANGE ราคา 1,299,000 บาท และรุ่น PERFORMANCE ราคา 1,499,000 บาท

ปัจจุบัน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ส่งมอบรถไปแล้วมากกว่า 27,000 คัน จากรถยนต์ทั้งหมด 8 รุ่นครอบคลุมทั้งรถยนต์ไฮบริด ปลั๊กอิน-ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ 100%

ORA 07 เป็นรุ่นเรือธงล่าสุดภายใต้กลุ่มผลิตภัณฑ์ ORA มี 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น LONG RANGE และรุ่น PERFORMANCE

รุ่น LONG RANGE เป็นระบบขับเคลื่อนด้านหน้าด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มอบพละกำลัง 204 แรงม้า หรือ 150 กิโลวัตต์ แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 340 นิวตัน-เมตร ระยะทางวิ่งสูงสุด 640 กิโลเมตร (NEDC Standard) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

รุ่น PERFORMANCE เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว มอบพละกำลัง 408 แรงม้า หรือ 300 กิโลวัตต์ แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 680 นิวตัน-เมตร ระยะทางวิ่งสูงสุด 550 กิโลเมตร (NEDC Standard) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

ทั้งสองรุ่นมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 83.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง และ โหมดการขับขี่ถึง 6 รูปแบบ (สำหรับรุ่น PERFORMANCE) ได้แก่ โหมดประหยัด โหมด WELL BEING โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดสปอร์ตพลัส และโหมดส่วนบุคคล

ORA 07 มี3 สี ได้แก่ สีขาว (Jade White) สีเทา (Amethyst Grey) และสีพิเศษ ม่วง (Crystal Purple) ในรุ่น PERFORMANCE เฉดสีภายในมีให้เลือก 2 สี คือ สีดำ และสีน้ำตาล ซึ่งเบาะสีน้ำตาลจะเป็นสีพิเศษสำหรับรุ่น PERFORMANCE เลือกจับคู่ได้กับสีภายนอกสีม่วงและสีเทาเท่านั้น

ORA 07 รับประกัน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือระยะทาง 180,000กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) สามารถจองและดูโปรโมชั่นผ่านแอปพลิเคชัน GWM และเว็บไซต์ www.gwm.co.th

ข้อเสนอพิเศษภายในงาน

  • ดอกเบี้ย 1.68%* เมื่อดาวน์ 30% ผ่อน 48 เดือน
  • ฟรี GWM โฮมชาร์จเจอร์ พร้อมติดตั้ง
  • ฟรี ค่าอะไหล่และค่าแรงบำรุงรักษาตามระยะทาง GPSI ภายในระยะเวลา 5 ปี หรือ 75,000 กิโลเมตร
  • ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 5 ปี
  • ฟรี บริการแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตและระบบสั่งการภายในรถ เป็นระยะเวลา 3 ปี

เรเว่ ร่วมโชว์ รถยนต์ไฟฟ้า BYD พร้อมนวัตกรรมยนต์ยนต์ ภายใต้แบรนด์ Yangwang และ Denza 

บ. เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ยกทัพรถยนต์ไฟฟ้า BYD ร่วมโชว์ในงาน อาทิ BYD ATTO 3, BYD DOLPHIN, BYD SEAL และนำนวัตกรรมมาโชว์อีก 2 รุ่นภายใต้แบรนด์ Yangwang และ Denza 

แบรนด์ Yangwang (หย่างว่าง) 

Yangwang-U8

Yangwang U8 เป็นแบรนด์ไฮเอนด์ Luxury SUV ที่มีระบบ DiSus Intelligent Body Control System เป็นระบบควบคุมเสถียรภาพของระบบช่วงล่าง มีระบบไฮดรอลิก และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อให้สามารถควบคุมการเคลื่อนที่ของรถได้ทุกทิศทุกทาง และยังมีระบบรักษาเสถียรภาพการทรงตัวระบบทำความสะอาดจานเบรก ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ ระบบป้องกันการล็อกตายของล้อ และการหมุนกลับรถแบบ 360 องศา โดยควบคุมและคำนวณรอบการหมุนของมอเตอร์อิสระ 4 ล้อ 

แบรนด์ DENZA (เดนซ่า) 

DENZA-N7

อีก 1 แบรนด์ ที่จัดโชว์ในบูธ BYD ชมและรู้จักรถยนต์ไฟฟ้า DENZA N7 (เดนซ่า เอ็น เซเว่น) ซึ่งเป็น Premium Sedan คูเป้ หรูหรา มีระดับและสะดวกสบายด้วยระบบอัจฉริยะต่าง ๆ  

DENZA N7 (เดนซ่า เอ็น เซเว่น) เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มอเตอร์คู่ แรงบิดสูงสุด 670 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร เพียง 3.9 วินาทีสามารถขับขี่ด้วยไฟฟ้า ได้ถึง 630 กิโลเมตร ประหยัดเวลาในนาทีเร่งด่วน ด้วย Dual DC charger 150 กิโลวัตต์ และ 230 กิโลวัตต์ ให้คุณชาร์จได้ 2 หัวพร้อมกัน มาพร้อมฟังก์ชัน Vehicle to Vehicle เพื่อเป็นแหล่งชาร์จไฟให้กับรถคันอื่นได้

ฮุนได เปิดตัว “IONIQ 5” รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกในไทย ราคาเริ่มต้น 1,699,000 บาท

ฮุนไดยกทัพขบวนโมเดลล่าสุดมาเปิดตัวให้ครอบคลุมตลาดกว่าขึ้น ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ตั้งแต่รถครอบครัวไปจนถึงยานยนต์สมรรถนะสูงที่มีเทคโนโลยีจากสนามแข่ง พร้อมเปิดตัว “IONIQ 5” รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกในไทยจากแบรนด์ IONIQ เจ้าของ 3 รางวัลใหญ่จากเวที World Car Award

Hyundai IONIQ 5 MOTOR EXPO 2023

IONIQ 5 รถยนต์ไฟฟ้าอีวี 100% ชูคอนเซ็ปต์การผสมผสานดีไซน์ยานยนต์คลาสสิกอย่าง Hyundai Pony เข้ากับ Parametric Pixels Design ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ พร้อมเส้นสายที่สะอาดตาและเฉียบคม เน้นเส้นเหลี่ยมสันสร้างรูปลักษณ์ที่เพรียวบาง นับเป็นการผสานความล้ำสมัยเข้ากับความคลาสสิกอย่างลงตัว ด้านหน้ารถออกแบบเป็นรูปตัว V กระจังหน้าทรงปิดทึบ ฝากระโปรงหน้าแบบ Clamshell Bonnet มือเปิดประตูด้านข้างแบบซ่อนเก็บได้ในตัว ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือการออกแบบของ จิออเกตโต จูเจียโร่ (Giorgetto Giugiaro) นักออกแบบชื่อดังชาวอิตาลี ซึ่งกลับมาร่วมมือกับฮุนไดอีกครั้ง เพื่อปลุกตำนานอันโด่งดังให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้งในวันนี้

IONIQ 5 เป็นระบบขับเคลื่อน 2 ล้อที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า Permanent magnet พลังงานจากแบตเตอรี่ Lithium-Ion ติดตั้งระบบชาร์จเร็ว 350 kW Ultra-fast Charging สามารถชาร์จไฟจาก 10-80% ได้ภายใน 17 นาที ฟีเจอร์ไฮเทคครบครันทั้งระบบเครื่องเสียงชั้นนำระดับโลกจาก BOSE และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Hyundai SmartSense

  • 58 กิโลวัตต์-ชั่วโมง กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 8.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 185 กม./ชม. ระยะทางขับเคลื่อนไฟฟ้าสูงสุด 384 กม. ตามมาตรฐาน WLTP
  • 72.6 กิโลวัตต์-ชั่วโมง กำลังสูงสุด 217 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 7.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 185 กม./ชม. ระยะทางขับเคลื่อนไฟฟ้าสูงสุด 481 กม. ตามมาตรฐาน WLTP

IONIQ 5 คว้ารางวัลจากเวทีนานาชาติมาหลายเวที ได้แก่ World Car of the Year, World EV of the Year และ World Car Design of the Year จาก World Car Awards

โปรโมชัน IONIQ 5 เฉพาะในงาน MOTOR EXPO 2023

อาทิ ฟรีค่าแรงเช็คระยะครั้งที่ 1-10 (นาน 10 ปี หรือ 150,000 กม.) รับประกันแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูง (High Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กม. รับประกันตัวรถ (Warranty) 5 ปี หรือ 150,000 กม. สิทธิประโยชน์รับบริการ V2V จำนวน 2 ครั้งต่อปี ระยะเวลา 5 ปี (ภายในกรุงเทพฯ) บริการยก/ลากไม่จำกัดจำนวนครั้งและระยะทาง ในระยะเวลา 5 ปี ฟรีโฮมชาร์จเจอร์พร้อมค่าแรงติดตั้ง และรับประกันการติดตั้ง 1 ปี

Hyundai Santa Fe –เอสยูวี 7 ที่นั่ง

Hyundai Santa Fe เอสยูวีพร้อมเบาะแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ใน Segment D-SUV เป็นรถ Hybrid ที่ผสานมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 230 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดแบบ Combined System 350 นิวตันเมตร ที่ 1,000 – 4,500 รอบต่อนาที พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Active On-demand โดยใช้ล้อ Aero type alloy ขนาด 19 นิ้ว ส่วนกระจังหน้าเป็นโครเมียมแบบ Cascade ที่สอดรับกับมือจับประตููที่ตกแต่งด้วยโครเมียมเช่นกัน หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ Dual LED Projector T-design และไฟ LED ส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Lights ด้านหลังสง่างามด้วยการตกแต่งสปอยเลอร์หลังพร้อมเสริมไฟท้าย LED ด้วยไฟเบรก LED ดวงที่ 3 เพิ่มความสว่างและการมองเห็นที่ชัดเจน

Hyundai Elantra N – ดีเอ็นเอจากสนามแข่งขันสู่ยานยนต์บนท้องถนน

Hyundai Elantra N

Hyundai Elantra N แบรนด์รถยนต์สมรรถนะสูงล่าสุดจากฮุนได ภายใต้แนวคิด “Never Just Drive” รถยนต์ N ทุกรุ่น ผ่านการออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญของศูนย์วิจัยและพัฒนา Hyundai Motor Namyang R&D Center ก่อนจะส่งรถยนต์ N ไปทดสอบที่สนาม Nürburgring ในเยอรมนี สนามแข่งที่โหดที่สุดในโลก จนเป็นที่มาของแบรนด์ N ซึ่งตั้งตามชื่อเมือง Namyang และสนามแข่ง Nürburgring นั่นเอง ส่วนเส้นสายของโลโก้ N นั้นได้แรงบันดาลใจมาจากโค้งสนามแข่งขันในตำนานเช่นกัน

Elantra N มาพร้อมเครื่องยนต์ Theta-II 2.0 T-GDi เทอร์โบ กำลังสูงสุด 280 แรงม้า ที่ 5,500 – 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 392 นิวตันเมตร ที่ 2,100 – 4,700 รอบต่อนาที ใช้ระบบส่งกำลังแบบ N 8-speed Wet Dual Clutch Transmission (DCT) ทั้งยังมีระบบผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ได้เอง ขับเคลื่อนล้อคู่หน้า มาพร้อมเทคโนโลยีระบบวาล์วท่อไอเสียแบบแปรผันที่สร้างเสียง Pop-corn Sound และระบบกันสะเทือนแบบ Adaptive ใช้ระบบบังคับเลี้ยวแบบ Rack-mounted Motor Driven Power Steering (R-MDPS) และเบรกอย่างแม่นยำ ด้วยระบบดิสก์เบรกประสิทธิภาพสูงพร้อมช่องระบายความร้อนขนาด 360 x 30 มม. (ล้อหน้า) และขนาด 314 x 20 มม. (ล้อหลัง)

Elantra N เปิดตัวครั้งแรกในไทย นับเป็นประเทศแรกในตลาดต่างประเทศของโลกที่จำหน่ายรถยนต์รุ่นนี้ ทั้งยังเป็นยานยนต์ตระกูล N รุ่นที่ทันสมัยและสมดุลที่สุด สมบูรณ์แบบทั้งการขับขี่ใช้งานในชีวิตประจำวันและในสนามแข่ง

AION Y Plus 490 Premium เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการ เคาะ ราคา 1,099,900 บาท

AION-Y-Plus-490-Premium-Motor-Expo

GAC AION เปิดตัว AION Y Plus 490 Premium ที่งาน Thailand International Motor Expo 2023 ด้วยราคา 1,099,900 บาท พร้อมเผยโฉม Hyper GT, Hyper HT และ Hyper SSR แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ของ GAC AION รวมถึง AION ES รถยนต์ซีดานไฟฟ้ารุ่นแรกในอุตสาหกรรมรถโดยสารสาธารณะของประเทศไทย ที่ได้เปิดตัวพร้อมกันทั้งไทยและต่างประเทศ

AION Y Plus 490 Premium โฉมใหม่ ได้รับการอัปเกรดออปชันอย่างเต็มรูปแบบทั้งหมด 24 รายการ ภายนอกมาพร้อมกับระบบไฟสูงอัจฉริยะ พร้อมประตูฝาท้ายระบบไฟฟ้า และฟังก์ชัน VTOL ภายใน มีการเพิ่มระบบระบายอากาศเบาะที่นั่งคนขับ เบาะผู้โดยสารตอนหน้าสามารถปรับได้ 4 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารสามารถปรับได้ตามจังหวะดนตรี เบาะหลังมีการติดตั้งพนักพิงศีรษะและที่วางแขนตรงกลาง  รวมถึงระบบการขับขี่อัจฉริยะและระบบความบันเทิง มีการอัปเกรดเพิ่มขึ้นถึง 12 รายการ ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะระดับ L2+ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ นอกจากนี้เรายังได้แถมสาย Emergency Charging ให้กับลูกค้าที่ซื้อ AION Y Plus 490 Premium 

AION Y Plus 490 Premium ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้า AEP ซึ่งมาพร้อมกับคุณสมบัติที่โดดเด่นและทำให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง มาพร้อมอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมรถได้อย่างมั่นใจและได้รับประสบการณ์การขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น อีกทั้งตำแหน่งการวางแบตเตอรี่ไว้ที่จุดศูนย์กลางของตัวรถ ทำให้มีความปลอดภัยสูง ส่งผลให้ตัวรถทำงานควบคู่กับระบบอัจฉริยะได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวแบตเตอรี่ขนาด 63.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ให้ระยะทางวิ่งสูงสุดมากถึง 490 กม. พร้อมด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่มีความปลอดภัยมากที่สุดในโลกอย่าง Magazine Battery ที่ผ่านการทดสอบโดยการใช้กระสุนปืนยิงทะลุแบตเตอรี่มากกว่า 980,000 ครั้ง ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางของรอยกระสุนที่ใหญ่กว่าการทดสอบแบบทั่วไปมากกว่า 7-8 เท่า ผลลัพธ์คือแบตเตอรี่ไม่มีการติดไฟหรือเกิดการระเบิดเลยแม้แต่ครั้งเดียว

AION Y Plus 490 Premium มีระยะฐานล้อที่ยาว 2,750 mm พร้อมด้วยพื้นที่วางขาด้านหลัง 1,022 mm ทำให้มั่นใจได้ถึงความสะดวกสบายของผู้โดยสาร เบาะนั่งคู่หน้าสามารถพับราบเป็นเตียงขนาดใหญ่ได้ 1.8 เมตร มอบทางเลือกในการพักผ่อนที่มากกว่าและเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางระยะไกล เบาะโดยสารด้านหลังสามารถพับลงกลายเป็นพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่มากถึง 1,200 ลิตร

AION กำลังก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC จังหวัดระยอง ด้วยเงินลงทุนสูงถึง 2.3 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะมีกำลังการผลิตมากกว่า 50,000 คันต่อปี โดยจะก่อสร้างเป็น 2 เฟส คาดว่าโครงการเฟสแรกจะแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม 2567 ปัจจุบัน AION ทำงานใกล้ชิดกับกลุ่มตัวแทนจำหน่ายหลายกลุ่มในประเทศไทย และมีศูนย์บริการแล้ว 35 แห่ง โดย 27 แห่งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และภายในสิ้นปี 2566 นี้ AION มีแผนการที่จะขยายศูนย์จำหน่ายและศูนย์บริการให้ถึง 50 แห่ง

GAC AION มุ่งมั่นที่จะให้บริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ ปัจจุบันศูนย์สต๊อกอะไหล่เริ่มเปิดให้บริการแล้ว สามารถส่งอะไหล่ได้ตลอด 24 ชั่วโมงทั่วประเทศไทย ในราคาที่เอื้อมถึงได้ง่าย

AION Hyper GT

นอกจากนี้ในงาน Motor Expo 2023 AION ยังได้นำแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ของ GAC AION มาโชว์ด้วย อย่างเช่น Hyper GT รถสปอร์ตซีดานไฟฟ้า ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ดูดุดันและสง่างาม เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา ด้วยราคาประมาณ 1,100,000 – 1,700,000 บาท (ในประเทศจีน) ทำยอดขายไปได้มากถึง 2,000 คันในเดือนแรกของการเปิดตัว

Hyper GT มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว มอบพละกำลังสูงสุด 340 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิด 320 นิวตัน-เมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4.9 วินาที ขับเคลื่อนล้อหลัง จับคู่กับแบตเตอรี่ขนาด 80 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 710 กิโลเมตร (มาตรฐาน CLTC) ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ NDA ทำงานควบคู่กับกล้อง LIDAR 3 ตัวที่สามารถปรับโฟกัสสำหรับการตรวจหาวัตถุได้ทั้งในระยะใกล้และระยะไกล พร้อมด้วยชิปประมวลผล AI คุณภาพสูงจาก Huawei 

ปิดท้ายด้วย Hyper SSR ซูเปอร์คาร์ไฟฟ้า 100% ระดับเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด ถือเป็นรถซูเปอร์คาร์สมรรถนะสูงระดับไฮเอนด์รุ่นแรก ภายใต้แบรนด์ Hyper จาก GAC AION บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ระดับแถวหน้าจากประเทศจีน

ตัวถังภายนอกผลิตขึ้นจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์คุณภาพสูง 100% ให้ความแข็งแรงและมีน้ำหนักที่เบากว่าเหล็กทั่วไปมากถึง 2.5 เท่า โดดเด่นด้วยประตูแบบปีกผีเสื้อ (Butterfly Doors) ที่สามารถเปิดหรือปิดเพียงแค่กดปุ่มบริเวณประตู, หรือเหยียบแป้นเบรกให้ลึกขึ้นในขณะจอดรถ ประตูก็จะเปิดโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบ Active Spoiler ซึ่งสามารถสร้างแรงกดบริเวณท้ายรถได้มากถึง 100 กิโลกรัม และไม่น่าเชื่อว่า Hyper SSR มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (cd) เพียงแค่ 0.146

Changan Automobile เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Deepal L07 และ S07

Changan Automobile เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Deepal L07 และ S07

Changan Automobile เปิดราคา Deepal แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า 2 รุ่นแรก Deepal L07 และ Deepal S07 อย่างเป็นทางการที่งานนี้ Deepal L07 ราคา 1,329,000 บาท และ Deepal S07 ราคา 1,399,000 บาท

CHANGAN คาดว่าจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ระดับโลกอย่างน้อย 60 รุ่นภายในปี พ.ศ. 2573

Deepal L07 รถยนต์ฟาสต์แบ็คไฟฟ้าดีกรีรางวัลชนะเลิศการออกแบบผลิตภัณฑ์จากงาน Red Dot Design Award (ชื่อที่ได้รับรางวัล: SL03) ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง อัตราเร่งเต็มกำลังจากมอเตอร์เดี่ยวพลังขับเคลื่อนล้อหลังกำลังสูงสุด 190 kW (258 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 66.8 kWh มอบระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 540 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (NEDC) วางจำหน่ายในประเทศไทยทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาว (Comet White) สีเขียว (Nebula Green) สีเทา (Lunar Grey) สีดำ (Eclipse Black) และ สีน้ำเงิน (Stellar Blue)

Deepal S07 รถยนต์ SUV พลังงานไฟฟ้าที่ผสมผสานความสปอร์ตเข้ากับไลฟ์สไตล์ของครอบครัว อัตราเร่งเต็มกำลังจากมอเตอร์เดี่ยวพลังขับเคลื่อนล้อหลังกำลังสูงสุด 190 kW (258 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 66.8 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 485 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (NEDC) วางจำหน่ายในประเทศไทยทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีขาว (Comet White) สีเขียว (Nebula Green) สีเทา (Lunar Grey) สีดำ (Eclipse Black) สีส้ม (Sunset Orange) และ สีเหลือง (Cosmic Yellow)

CHANGAN พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ซื้อรถยนต์ Deepal ทุกท่าน มูลค่ารวมกว่า 250,000 บาทรายละเอียดดังนี้:

  1. ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ. ระยะเวลา 1 ปี 
  2. ฟรี โฮมชาร์จเจอร์ พร้อม บริการติดตั้ง 
  3. ฟรี สายชาร์จเคลื่อนที่ และ สายต่อพ่วงอุปกรณ์ไฟฟ้า V2L
  4. ฟรี ค่าจดทะเบียนรถ
  5. รับประกันตัวรถ 8 ปีหรือ 160,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ยกเว้น ชิ้นส่วนพิเศษ วัสดุสิ้นเปลือง และชิ้นส่วนที่สึกหรอ*
  6. รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 240,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) 
  7. ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน ตลอด 24 ชั่วโมง นาน 8 ปี 
  8. ฟรี การบำรุงรักษา 8 ปี หรือ 10 ครั้ง
  9. ข้อเสนอดอกเบี้ย 1.88% ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน สำหรับแพ็คเกจมาตรฐาน  

เผยโฉม MG CYBERSTER และ IM LS6 ครั้งแรกในอาเซียน

MG CYBERSTER

บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ส่ง 2 ยนตรกรรมกลุ่ม Premium EV มาจัดแสดงครั้งแรกในไทยและอาเซียน นำโดย MG CYBERSTER สปอร์ตโรดสเตอร์พลังงานไฟฟ้าแบบเปิดประทุน 2 ที่นั่ง และ IM LS6 รถเอสยูวีคูเป้ไฟฟ้าที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำ

MG CYBERSTER รถสปอร์ตโรดสเตอร์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรก 2 ที่นั่ง โดดเด่นด้วยประตูปีกนก (Scissor Doors) แบบปุ่มสัมผัสเปิด-ปิด ภายในห้องโดยสารให้ลุคสปอร์ตด้วยการใช้สีแดง Wine-red วัสดุคุณภาพระดับพรีเมียม พร้อมระบบการเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะมากมาย มอบความความรู้สึกแห่งการขับขี่รถสปอร์ตสไตล์ Convertible โดยรุ่นที่ปรากฏตัวภายในงานเป็นรุ่นพวงมาลัยซ้าย มอเตอร์คู่ 544 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 725 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 3.2 วินาที แบตเตอรี่ความจุ 77 kWh ช่วงล่างด้านหน้าอิสระปีกนกคู่และหลังอิสระมัลติลิงค์

ทั้งนี้ เอ็มจี ได้เปิดโอกาสให้ผู้สนใจสามารถจองสิทธิ์เป็นเจ้าของรถสปอร์ตโรดสเตอร์ไฟฟ้ารุ่นนี้ได้อีกครั้ง ภายใต้แคมเปญ MG CYBERSTER Prestige Reservation โดยสามารถทำการจองผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น* ที่ bit.ly/CYBERSTERPrestige (ไม่รับจองที่ศูนย์บริการทุกสาขา) ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 31 ธันวาคม 2566 ด้วยเงื่อนไข จอง 10,000 บาท สามารถแลกรับส่วนลดได้ 50,000 บาท 

อีกหนึ่งรุ่นที่สร้างสีสันให้กับบูธของ เอ็มจี ในครั้งนี้ คือ IM LS6 รถเอสยูวีคูเป้ไฟฟ้า อีกแบรนด์ภายใต้การร่วมทุนระหว่าง SAIC Motor กับ Alibaba และ Shanghai Zhangjiang Hi-Tech โดดเด่นด้วยงานออกแบบภายนอกตัวรถภายใต้คอนเซ็ปต์ “Gentle Sculpture” ที่พลิ้วไหว และงานออกแบบภายในที่ล้ำสมัย ผนวกกับฟีเจอร์ที่ใช้เทคโนโลยี Ai Cabin ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่จาก SAIC Motor ตอกย้ำให้เห็นถึงการพัฒนาของเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดนิ่งในการสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์ใหม่ๆ ของบริษัทแม่ของ เอ็มจี โดย IM LS6 นี้ มีขนาดมิติตัวถังที่ 4.9 เมตร ฐานล้อกว้าง 2.950 เมตร สมรรถนะของรถคันนี้มาพร้อมกับ มอเตอร์คู่ 579 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุดที่ 800 นิวตันเมตร วิ่งในระยะทาง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 3.48 วินาที

วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ร่วมนำ Pure Electric และรุ่น Plug-in Hybrid ร่วมโชว์

Motor-Expo-2023_Volvo

คริส เวลส์, กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ วอลโว่มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ด้วยแผนการเข้าสู่การเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายรถไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ สำหรับในประเทศไทยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เราได้ประกาศทิศทางการจำหน่ายรถของวอลโว่โดยจะจำหน่ายเฉพาะรถไฟฟ้าเท่านั้นภายในปี 2025 นอกจากนี้เรายังได้มีการเปิดตัวรถไฟฟ้า รุ่นที่ 3 ได้แก่ Volvo EX30 ซึ่งเป็นรถที่มีบทบาทสำคัญต่อเป้าหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซจากท่อไอเสียให้ได้ 40% ต่อคันภายในปี 2025 และเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายหลักในการเป็นบริษัทที่มีปริมาณก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2040”  

Volvo EX30 รถไฟฟ้าพรีเมี่ยม SUV รุ่นใหม่ล่าสุดจากวอลโว่ มาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ ความปลอดภัย และความบันเทิง อาทิ ระบบแจ้งเตือนการเปิดประตู dooring alert ระบบช่วยจอด Park Pilot Assist เจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด และพลังการขับเคลื่อนในแบบที่เป็นคุณจากตัวเลือก Single Motor Extended Range และ Twin Motor Performance ภายใต้การออกแบบที่คำนึงถึงการสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมทั้งภายนอกและภายในด้วยการนำวัสดุรีไซเคิลและวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่มาชุบชีวิตให้มีประโยชน์อีกครั้ง ส่งผลให้ Volvo EX30 เป็นรถที่สร้างคาร์บอนฟุตพรินท์ (carbon footprint) น้อยที่สุดที่เคยมีมาในรถวอลโว่

Volvo C40 Recharge Pure Electric Twin Motor และ Volvo XC40 Recharge Pure Electric Twin Motor เจเนอเรชั่นล่าสุด มาพร้อมพลังมอเตอร์คู่หลังขนาด 258 แรงม้า และอะซิงโครนัส มอเตอร์ขนาด 150 แรงม้าในล้อคู่หน้า จึงให้ระยะทางการขับขี่ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิม พร้อมแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้นในขนาดความจุ 82kWh ทำให้ได้ระยะทางที่ไกลขึ้น และรองรับการชาร์จที่เร็วขึ้นสูงสุดถึง 200kW DC ตัวรถมาพร้อมล้ออัลลอยด์ขนาด 19 นิ้ว ดีไซน์ 5-Spoke Black Diamond Cut ที่ช่วยเพิ่มแอโรไดนามิคส์ ไฟคู่หน้าแบบ Thor’s Hammer ที่มาพร้อมเทคโนโลยี pixel LED ให้ไฟ LED แต่ละดวงทำงานแยกจากกันเป็นอิสระ จึงสามารถปรับรูปแบบความสว่างของไฟหน้าได้อัตโนมัติตามความเหมาะสมของสภาพแวดล้อม เพื่อให้ความสว่างที่พอเพียงแก่ผู้ขับ และไม่แยงตารถที่สวนทาง

ภายในงานยังมีการจัดแสดงรถยนต์ Recharge Plug-in Hybrid ใหม่ อาทิ XC60 Recharge Plug-in Hybrid, XC90 Recharge Plug-in Hybrid, S60 Recharge Plug-in Hybrid, S90 Recharge Plug-in Hybrid และ V60 Recharge Plug-in Hybrid รุ่นปี 24 ที่ให้พลังงานการชาร์จที่เร็วขึ้นกว่าเดิมด้วยการรองรับการชาร์จไฟจาก 3.7kW เป็น 6.4kW สำหรับไฟ 3 เฟส 16 แอมป์ ทำให้ร่นระยะการชาร์จเหลือเพียง 3 ชั่วโมง และล้ออัลลอยด์แบบ 6-Spoke Black Diamond-cut ให้ความสวยงามโดดเด่น

ผู้สนใจสามารถรับข้อเสนอและสิทธิประโยชน์* Motor Expo ในรถวอลโว่ทุกรุ่น เมื่อจองและออกรถระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน – 29 ธันวาคม 2566

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

EVme ร่วมโชว์โซลูชันยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมเปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ที่งาน Motor Expo 2023

EVAT ยัน ศักยภาพอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทย พร้อมเติบโตในภูมิภาคอาเซียน

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ