อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) และ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เตรียมเดินหน้าพัฒนาต่อยอดงานวิจัยและพัฒนากระท่อม และ สารสกัดจากกระท่อม เพื่อนำไปสู่ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ทั้งอาหารเสริม โภชนบำบัด ยา และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานและเป็นประโยชน์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านการเกษตรการแพทย์และ อุตสาหกรรมชีววิทยาศาสตร์ สอดรับยุทธศาสตร์ชาติ ในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของความเป็นเลิศด้านการแพทย์และสุขภาพ
ดร.ตฤณวรรธน์ ธนิตนิธิพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อินเตอร์ ฟาร์มา ลงบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพราะเล็งเห็นคุณประโยชน์ของกระท่อมและสารสกัดจากกระท่อม ที่สามารถนำมาผลิตเป็นอาหารเสริม โภชนบำบัด ยา และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ด้านสุขภาวะให้กับประชาชนที่ยังเข้าถึงไม่ถึงผลิตภัณฑ์ เวชภัณฑ์ โดยทางอินเตอร์ ฟาร์มา เข้ามาร่วมมือในหลากหลายมิติ ทั้งห้องปฏิบัติการ สมทบงบประมาณในการทำงานวิจัย บุคลากร เป็นต้น
- NT ขับเคลื่อน Digital Transformation ด้วย AWS Outposts
- INET ชวนลูกค้า VIP ร่วมลงทุน ในกองสินทรัพย์ศูนย์ Data center
“ซึ่งทางอินเตอร์ ฟาร์มา เชื่อมั่นว่า หากผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากความร่วมมือในครั้งนี้ผลิตออกสู่เชิงพาณิชย์ จะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายด้านการเกษตรการแพทย์ โดยใช้เทคโนโลยีทางชีววิทยาศาสตร์ อีกทางหนึ่ง
- กรุงไทย ออก 5 มาตรการช่วยลูกค้าฝ่าโควิด-19 รวม 9 หมื่นลบ.
- NT ขับเคลื่อน Digital Transformation ด้วย AWS Outposts
ด้าน ผศ.ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า “ม.สงขลานครินทร์มีวิสัยทัศน์ในการเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อนวัตกรรม และสังคม เป็นกลไกหลักในการพัฒนางานวิจัยของภาคใต้ และประเทศ ครั้งนี้นับเป็นโอกาสอันดีและยินดีที่ทางบริษัทอินเตอร์ ฟาร์มา ได้ร่วมสนับสนุนงานด้านวิชาการและงานวิจัย รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่เชิงพาณิชย์ ซึ่งจะเกิดประโยชน์ได้จริงและเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนมาก ภายใต้ข้อตกลงร่วมการใน MOU ฉบับนี้”
ทั้งนี้ อินเตอร์ ฟาร์มา และ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เห็นพ้องร่วมกันว่า การเดินหน้างานวิจัยและพัฒนากระท่อมและสารสกัดจากกระท่อมในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านการเกษตรการแพทย์และ อุตสาหกรรมชีววิทยาศาสตร์ พร้อมทั้งเกิดประโยชน์กับประชาชนที่ยังเข้าไม่ถึงกระท่อมแล้ว ยังสอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ ในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของความเป็นเลิศด้านการแพทย์และสุขภาพ