เมื่อโลกหมุนเร็ว การพัฒนาศักยภาพของมนุษย์จึงต้องไม่หยุดนิ่ง โดยเฉพาะในด้านการศึกษาที่จะต้องเพิ่มเติมหลักสูตรทางการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับตลาดแรงงานและรูปแบบของธุรกิจยุคใหม่ที่ปัจจุบันก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัลกันมากยิ่งขึ้น
นี่จึงเป็นที่มาของความร่วมมือกันระหว่าง บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) และ 3 สถาบันการศึกษาอย่างสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่จะมาร่วมสร้างและพัฒนา 3 หลักสูตรใหม่สำหรับการศึกษาไทยด้วยความเข้าใจในแง่ขององค์ความรู้ใหม่ ๆ ที่กำลังเข้ามาเป็นโจทย์ให้กับการศึกษาที่ต้องปรับเปลี่ยนและนำเรื่องของเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์เป็นหลักสูตรกันมากยิ่งขึ้น
ทิศทางอนาคตของการศึกษาของประเทศไทยในด้านเทคโนโลยี
รศ.ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยี ที่ทำให้การศึกษาและการทำงานต้องปรับตัวตามเพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์ที่เปลี่ยนไป นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมกับหน่วยงานเทคโนโลยี อย่างเช่น KBTG ที่เชี่ยวชาญด้านการใช้งานเทคโนโลยี และได้นำองค์ความรู้นั้นมาให้เป็นโจทย์ในการพัฒนาการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อให้อาจารย์และนักศึกษาได้ทำงานร่วมกัน และนำเอาเครื่องมือ นวัตกรรม รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการพัฒนาการหลักสูตร ซึ่งนี่ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ รศ.ดร.คมสันเน้นย้ำต่ออีกว่า “เราไม่สามารถปิดกั้นการใช้ AI ได้ ดังนั้น มหาวิทยาลัยจำเป็นที่จะต้องหาวิธีการและเครื่องมือที่จะช่วยส่งเสริมการใช้ AI ให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้บุคลากรในปัจจุบันสามารถใช้ AI เพื่อเพิ่มศักยภาพของตนเองได้ ทั้งนี้ การเรียนรู้ที่จะใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพจะทำให้ทั้งนักศึกษาและผู้ประกอบการสามารถปรับตัวได้ดีในสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมากขึ้นด้วย”
ด้าน ศาสตราจารย์ นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงบทบาทที่มีเพิ่มมากขึ้นของ AI ซึ่งเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของคนเราในหลาย ๆ ด้านมากขึ้น ทั้งในการจัดการศึกษา การทำงาน และการดำเนินชีวิตในภาพรวมทางมหาวิทยาลัยมหิดลจึงมีความตั้งใจที่จะนำ AI มาใช้ในทุกพันธกิจ (Mission) ของมหาวิทยาลัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เช่น การสอน การวิจัย การบริหาร และการดูแลนักศึกษา ซึ่งเป้าหมายจะไม่หยุดอยู่แค่การเรียนรู้หรือวิจัยในรั้วมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่ยังจะพัฒนาให้เน้นถึงการประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริงเพื่อแก้ปัญหาที่ซับซ้อนต่าง ๆ ที่โลกต้องเผชิญมากขึ้นด้วย
ศ.ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึง ความท้าทายมากมายที่โลกกำลังเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้ ทั้งสงครามการเมือง, สงครามการค้า และสงครามไซเบอร์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเศรษฐกิจในระดับโลก แน่นอนว่า ทุกคนและทุกประเทศต้องพยายามปรับตัวเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความท้าทายเหล่านี้ให้ได้มากขึ้น ศ.ดร.ศุภสวัสดิ์จึงมองว่า การพัฒนาความรู้พื้นฐาน และการสร้างความร่วมมือจะเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้การศึกษาไทยสามารถปรับตัวเข้ากับโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้และทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการต่อยอดในอนาคต และไม่หลีกเลี่ยงกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก แต่พยายามที่จะเข้าใจและปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นให้ได้มากที่สุด

ในด้านเรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) มองว่า การศึกษาคือการสร้างคน และคนเหล่านี้จะเป็นผู้สร้างอนาคตต่อไป ดังนั้น จำเป็นต้องเริ่มต้นจากการสร้างบุคลากรให้มีศักยภาพเพื่อสามารถเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยยังขาดบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ KBTG เข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนและพัฒนาบุคลากรทางด้านนี้ โดยการสนับสนุนทั้งเครื่องมือและเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้การศึกษาเป็นสิ่งที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในอนาคต
ความร่วมมือของ KBTG Kampus และสถานศึกษากับการพัฒนา 3 หลักสูตรในระดับปริญญาโท
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ศาสตราจารย์ ดร.สิทธิพล เครือรัฐติกาล ประธานกรรมการบริหารหลักสูตรวิทยาลัย สหวิทยาการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึง การพัฒนาหลักสูตรศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต วิทยาลัยสหวิทยาการของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มุ่งเน้นการบูรณาการความรู้หลายศาสตร์ และเน้นการวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ที่ตอบโจทย์ภาคธุรกิจและสังคม โดยมีโครงสร้างการเรียนการสอนรวมแล้ว 36 หน่วยกิต ซึ่งแบ่งเป็นวิชาเรียน 6 หน่วยกิต และงานวิจัย 30 หน่วยกิต หลักสูตรนี้จึงมี Coursework ที่น้อย เนื่องจากต้องการให้นักศึกษาทุ่มเทไปกับการทำวิจัยเป็นหลัก เพื่อให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาความสามารถในเชิงวิชาการและการปฏิบัติงานได้อย่างลึกซึ้ง และยังสามารถเรียนจบได้ภายใน 1 ปี (ประกอบด้วย 2 ภาคการศึกษาและ 1 ภาคฤดูร้อน) ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความพร้อมและการทุ่มเทของนักศึกษาด้วย
นอกจากนี้ ในด้านความร่วมมือกับ KBTG ก็มีการออกแบบหลักสูตรให้มีการเชื่อมโยงด้านโจทย์วิจัยที่เกี่ยวกับภาคธุรกิจจาก KBTG มากขึ้น ทำให้นักศึกษาสามารถเห็นผลลัพธ์จากการวิจัยและการนำไปใช้งานจริง และที่สำคัญหากหัวข้อวิจัยที่เสนอตรงกับจุดประสงค์ของทาง KBTG นักศึกษาจะได้รับการสนับสนุนพิเศษจากทาง KBTG เช่น ทุนการศึกษา และการสนับสนุนด้านบุคลากรที่มีประสบการณ์ในการทำงานจริงอีกด้วย
- สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
รศ.ดร. วรพจน์ กรีสุระเดช คณบดี คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว จึงได้พัฒนาหลักสูตรปริญญาโทของมหาวิทยาลัยซึ่งร่วมมือกับ KBTG ออกมาทั้งหมด 2 หลักสูตร ได้แก่
- หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ – เน้นการเพิ่มพูนความรู้และทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) โดยครอบคลุมตั้งแต่ด้าน Strategy ไปจนถึงด้าน Engineering โดยจะเน้นให้สร้างองค์ความรู้ใหม่และนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ด้วยการทำวิจัยในเชิงลึก และการนำทักษะที่ได้ไปประยุกต์ใช้งานจริง
- หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาปัญญาประดิษฐ์เพื่อการวิเคราะห์เชิงธุรกิจ – หลักสูตรนี้เน้นไปที่การใช้ AI เพื่อการวิเคราะห์เชิงธุรกิจในหลายมิติ โดยแบ่งออกเป็น 2 แผนการเรียน คือ แผน ก. ที่เน้นการวิจัยและพัฒนาโมเดล AI ใหม่ ๆ เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการทางธุรกิจและอุตสาหกรรม และแผน ข. เน้นการสอนเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ AI เช่น การแนะนำสินค้าด้วย AI หรือการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Computer Vision เป็นต้น
การพัฒนา 2 หลักสูตรนี้ร่วมกับ KBTG ต้องมีการคิดค้นและพัฒนาโซลูชันที่สามารถตอบโจทย์ตลาดดิจิทัลในอนาคตให้ได้ ซึ่งเป็นงานที่ท้าทายมาก เนื่องจากทั้งอาจารย์และนักศึกษาต้องร่วมกันพัฒนาแนวคิดที่สร้างสรรค์และสามารถนำไปใช้ได้จริงในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็ช่วยให้ได้รับประสบการณ์จริงจากการลงมือทำกลับมาด้วย
มหาวิทยาลัยมหิดล

ผศ. ดร. ธนพล นรเสฏฐ์ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายการศึกษา คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาความมั่นคงไซเบอร์และการประกันสารสนเทศ ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มหาวิทยาลัยมหิดลได้พัฒนาร่วมกับ KBTG ทั้งในด้านการบริหารบุคลากร การพัฒนาหลักสูตร และการพัฒนาผลงานวิจัยของนักศึกษาให้สามารถต่อยอดไปสู่การเป็นผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรมที่สามารถนำออกขายได้จริง
หลักสูตรนี้ของทางมหาวิทยาลัยจึงมุ่งเน้นการเรียนการสอนด้านไซเบอร์เทคโนโลยี และความมั่นคงทางไซเบอร์ที่ในปัจจุบันตลาดแรงงานยังขาดแคลนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และทักษะที่จำเป็นในการป้องกันและจัดการภัยคุกคามทางไซเบอร์ ทำให้นักศึกษาที่จบออกไปมีโอกาสในการทำงานที่สูง ส่วนในด้านการเรียนการสอนก็เน้นทั้งการวิจัยและการปฏิบัติจริง โดยแบ่งเนื้อหาการเรียนรู้ออกเป็น 2 เรื่องหลัก คือ
- การวิจัย: เน้นการสร้างองค์ความรู้และพัฒนานวัตกรรมด้านความมั่นคงทางไซเบอร์
- การประยุกต์ใช้งาน: เน้นการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้งานในสถานการณ์จริง เพื่อให้ผู้เรียนมีความสามารถในการแก้ไขปัญหาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในโลกจริงได้
สำหรับในฝั่งของดร.เจริญชัย บวรธรรมรัตน์ Senior Principal Visionary Architect บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับบทบาทของ KBTG ในการสนับสนุนการศึกษาและการพัฒนาบุคลากรผ่านการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทยด้วยเช่นเดียวกัน โดยดร.เจริญชัยได้เน้นย้ำว่า KBTG ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาหลักสูตรปริญญาโทที่มีคุณภาพ และสามารถสร้างบุคลากรที่มีความสามารถเพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศ ทาง KBTG เองก็มีความพร้อมและความสามารถที่จะเข้ามาร่วมพัฒนาหลักสูตรในด้านที่เชี่ยวชาญได้ และยังสามารถสนับสนุนงบประมาณ เช่น ทุนเพื่อการศึกษาวิจัยและการพัฒนาบุคลากร โดยมุ่งมั่นที่จะช่วยกันผลิตบัณฑิตที่มีศักยภาพออกสู่ตลาดแรงงานได้มากขึ้น และสุดท้ายทาง KBTG เองก็คาดหวังว่าผลงานวิจัยที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือจะสามารถนำไปต่อยอดและใช้งานได้จริง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์หรือการสร้างนวัตกรรม ได้มากขึ้นจากการร่วมมือกันในครั้งนี้ และคาดหวังว่าจะสามารถขยายผลความร่วมมือออกไปได้อีกในอนาคต
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ศักยภาพและโอกาสในอุตสาหกรรม Blockchain แรงขับเคลื่อนไทย สู่การเป็นฮับของอาเซียน




