TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessแสนสิริ รุกตลาดบ้านระดับราคาเข้าถึงง่าย ด้วยแคมเปญ “อยากได้บ้าน ต้องได้”

แสนสิริ รุกตลาดบ้านระดับราคาเข้าถึงง่าย ด้วยแคมเปญ “อยากได้บ้าน ต้องได้”

แสนสิริ รุกเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบ้านของคนทุกกลุ่มด้วยแบรนด์ที่แข็งแกร่งและเข้าถึงได้พร้อมแผนพัฒนาโปรดักส์ราคาเข้าถึงง่ายภายใต้แบรนด์สิริเพลส – อณาสิริ – สราญสิริและคอนโดมิเนียมใหม่ เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ตอบโจทย์เซกเมนต์ราคาเข้าถึงง่าย ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของแสนสิริในปีนี้คิดเป็นสัดส่วน 75%

พร้อมต่อยอดบริการที่สร้างผลงานดันลูกค้ากู้ง่าย – ได้บ้าน ง่ายที่สุดในปีที่ผ่านมา ยกระดับสู่ Sansiri Home Financial Planner  ปล่อยหมัดเด็ด “อยากได้บ้าน…ต้องได้” ประกอบด้วยออมง่ายได้บ้าน – กู้ง่ายได้บ้าน – อนุมัติง่ายได้บ้าน – ถามง่ายได้บ้าน  เชื่อมั่นผนึกแคมเปญการตลาด “แสนสิริผ่อนให้ 24 เดือน” ตอบโจทย์คนไทยมีบ้านได้ง่ายที่สุดในปี 2564 

พร้อมผนึกสถาบันการเงินชั้นนำของไทยเปิดคลินิคให้คำปรึกษา : ถามง่าย ได้บ้าน อย่างใกล้ชิด ข้ามทุกปัญหาในการซื้อบ้าน วางเป้าให้ลูกค้าแสนสิริซื้อบ้านได้ง่ายที่สุดในปี 64 และก้าวสู่เป้ายอดขาย 26,000 ล้านบาท เป้าการโอน 27,000 ล้านบาท ตามที่วางไว้ 

วรางคณา อัครสถาพร ประธานผู้บริหาร สายงานการเงิน บริษัท แสนสิริจ ำกัด (มหาชน) (SIRI) เปิดเผยว่า แสนสิริเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจในปี2564 ภายใต้ “ปีแห่งความหวัง” (The Year of Hope) ในการคืนรอยยิ้มให้ลูกค้า ครอบครัวแสนสิริ และสังคม รุกเพิ่มโอกาสการมีบ้านของคนไทยได้ง่ายที่สุด ด้วยกลยุทธ์ “Made for Life…Made for Everyone” เพื่อสร้างจุดยืนในการเป็นแบรนด์ที่จับต้องง่ายและเป็น “แบรนด์ที่ทุกคนเข้าถึงได้” 

รวมถึงมุ่งมั่นมอบไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่มากกว่า ภายใต้แนวคิด “บ้านที่ได้มากกว่าบ้าน”ด้วยแผนพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์ที่เข้าถึงง่าย อาทิ ทาวน์โฮมแบรนด์สิริ เพลส มิกซ์โปรดักส์ บ้านและทาวน์โฮมแบรนด์อณาสิริ และบ้านเดี่ยวแบรนด์สราญสิริ เป็นต้น

รวมถึงแผนการเปิดตัวคอนโดมิเนียมราคาเข้าถึงง่าย แบรนด์ใหม่ เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ในทำเลคอมมูนิตี้เมือง อาทิ รัชดา, เกษตรฯ, รามคำแหง และ บางนา ในระดับราคาเริ่มต้นเพียง 1.xx ล้านบาทเท่านั้น เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบ้านของคนทุกกลุ่มและรองรับเซกเมนต์ระดับราคาเข้าถึงง่าย ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของแสนสิริในปีนี้ คิดเป็นสัดส่วน 75%

นอกจากนี้แสนสิริยังได้ต่อยอดบริการด้านการเงิน “กู้ง่าย ได้บ้าน” ที่ช่วยให้ลูกค้าซื้อบ้านง่ายที่สุดในปีที่ผ่านมา สู่บริการ “Sansiri Home Financial Planner” หรือที่ปรึกษาเพื่อการซื้อบ้านที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ทำให้การซื้อบ้านเป็นเรื่องง่าย ตั้งแต่ “ก่อนซื้อ” และ“ระหว่างซื้อ” ภายใต้แคมเปญ “อยากได้บ้านต้องได้” เพื่อให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น 

“จากความเชี่ยวชาญในการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้ามาตลอดระยะเวลา 36 ปี และส่งมอบไลฟ์สไตล์ที่อยู่อาศัยที่เป็น บ้าน ที่ได้มากกว่าบ้าน ให้ลูกค้ามากว่า 113,000 ยูนิต และประสบการณ์การดูแลลูกค้าตั้งแต่ ก่อนซื้อ ระหว่างซื้อ ในการยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อบ้าน ทำให้แสนสิริเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ตั้งแต่การวางแผนซื้อที่อยู่อาศัย การ เตรียมเอกสาร การติดต่อธนาคารเพื่อการยื่นกู้ ตลอดจนการติดตามผล ในวันนี้ แสนสิริจึงมั่นใจว่า จะสามารถเป็นที่ปรึกษาเพื่อการซื้อบ้านได้อย่างครอบคลุม เพื่อให้ทุกคนที่อยากได้บ้าน ต้องได้บ้าน” นางสาววรางคณา กล่าว 

ออมง่ายได้บ้าน : การให้คำแนะนำในการวางแผนการเงินเพื่อซื้อบ้าน

การซื้อที่อยู่อาศัยต้องมีการวางแผนการออมเงินส่วนหนึ่งเพื่อเป็นเงินสำรอง ค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ หรือจ่ายส่วนต่าง กรณีที่ขอสินเชื่อได้ไม่ถึงตามวงเงินที่ต้องการ เช่น ราคาบ้านหรือคอนโดฯ 3 ล้านบาท แต่กู้ได้ 2.5 ล้านบาท ซึ่งลูกค้าที่อยากได้บ้าน เพียงปรึกษาแสนสิริ จะมีทีมงานช่วยวางแผนตั้งแต่การเริ่มออมเงินสำหรับซื้อที่อยู่อาศัย เพื่อเพิ่มโอกาส

ในการได้รับการอนุมัติสินเชื่อ เพื่อการซื้อบ้าน

กู้ง่ายได้บ้าน : ที่ปรึกษาเพื่อการซื้อบ้านทำเรื่องกู้ของคุณเป็นเรื่องง่าย

ที่แสนสิริ มีทีมที่ปรึกษาเพื่อการซื้อบ้าน ที่ผ่านการอบรมจากสถาบันการเงินชั้นนำ ที่คอยให้คำแนะนำปรึกษาเรื่องของการวางแผนในการยื่นกู้ของลูกค้า ตั้งแต่การเตรียมเอกสาร แนะนำการเลือกดอกเบี้ยที่เหมาะสม การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการกู้ การติดต่อกับธนาคารพันธมิตรที่มีความชำนาญเฉพาะ ที่จะให้คำแนะนำให้ตรงใจลูกค้า จนถึงการติดตามผลอนุมัติกับทางธนาคาร และดูแลเรื่องการโอนจนถึงการตรวจรับมอบบ้านก่อนการเข้าอยู่อาศัย 

อนุมัติง่ายได้บ้าน : ช่วยประสานงานและติดตามผลการกู้ดอกเบี้ยโปรโมชั่นสุดพิเศษธนาคาร

แสนสิริมีทีมงานที่ช่วยประสานและติดตาม กับธนาคารพันธมิตรชั้นนำ อาทิเช่น SCB, KBank , BBL, KTB, GHB, GSB, UOB, TMB ที่รวมทุกอัตราดอกเบี้ย โปรโมชั่นสุดพิเศษ ที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละรายที่มีความต้องการต่างกัน และติดตามช่วยให้การยื่นกู้ของลูกค้าง่ายขึ้น

ถามง่ายได้บ้าน : Financial Clinic คลินิคเพื่อเรื่องการเงินสำหรับคนซื้อบ้าน

แสนสิริยังได้จับมือกับพันธมิตรธุรกิจด้านการเงิน ธนาคารชั้นนำ ที่จะร่วมให้คำปรึกษาทุกเรื่องการเงินในการซื้อที่อยู่อาศัยอย่างใกล้ชิด โดยการเปิดคลินิคให้คำปรึกษา Financial Clinic เพื่อข้ามทุกปัญหาในการซื้อบ้าน ทุกคำถามมีคำตอบ สำหรับคนซื้อบ้าน มี LIVE INTERVIEW กับกูรูด้านการวางแผนการเงิน และ ธนาคารชั้นนำ ที่จะเปลี่ยนเรื่องการเงินที่ยุ่งยากให้เป็นเรื่องง่าย ตอบคำถามเรื่องเงินของคนซื้อบ้าน รวมถึงเทคนิคการกู้ซื้อบ้านที่คนอยากมีบ้านต้องรู้ 

อลงกต บุญมาสุข ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายพัฒนาธุรกิจผลิตภัณฑ์บัตรและสินเชื่อบุคคล ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การซื้อที่อยู่อาศัยต้องมีการวางแผนการออมเงินส่วนหนึ่งเพื่อเป็นเงินสำรองในการกู้ซื้อบ้าน นอกจากเงินดาวน์ประมาณ 10 – 20% ของราคาบ้านที่ต้องเตรียมพร้อมแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการกู้ซื้อบ้านที่ต้องเตรียม

โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ค่าใช้จ่ายของธนาคาร เช่น ค่าประเมินหลักทรัพย์ (ขึ้นอยู่กับธนาคารกำหนด) ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้ และค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย (ขึ้นอยู่กับมูลค่าบ้าน) และค่าใช้จ่ายของกรมที่ดิน เช่น ค่าธรรมเนียมการจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ และค่าธรรมเนียมการโอน 2% ของราคาประเมิน

ดังนั้น ต้องไม่ลืมที่จะเตรียมเงินออมสำหรับดาวน์บ้านและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่ต้องคำนึงถึง เช่น ค่าใช้จ่ายในการซื้อเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน การตกแต่งเพิ่มเติมด้วยอีกส่วนนึงที่จะตามมาภายหลังการซื้อบ้าน

สำหรับการกู้ซื้อบ้านสำหรับกลุ่มลูกค้า SME หรือพ่อค้า แม่ค้า ออนไลน์ ก็กู้เงินซื้อบ้านได้ โดยการแบ่งการออมเงินจากยอดขายที่มีเพื่อเตรียมตัวก่อนยื่นกู้ซื้อบ้าน โดยทำบัญชีรายรับ – รายจ่ายทุกวัน นับตั้งแต่เริ่มค้าขาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในความสามารถในการชำระหนี้กับทางธนาคารและธนาคารสามารถมองเห็นภาพรวมการค้าอย่างชัดเจนพร้อมประเมินความสามารถในการกู้เงินซื้อบ้านกับกลุ่มพ่อค้า แม่ค้าได้

อีกหนึ่งหลักฐานสำคัญในการกู้เงินซื้อบ้านสำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ พ่อค้า แม่ค้า นั่นคือ การรวบรวมบิลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ บิลซื้อขาย เอกสารเซ็นสัญญา (กรณีเช่าสถานที่ค้าขาย) และรูปแบบทั้งสินค้า และบรรยากาศในการค้าขายเพื่อเป็นการยืนยันว่าผู้กู้ได้ค้าขายจริง จากนั้นเลือกเปิดบัญชีฝากประจำ เพื่อให้มีรายได้หมุนเวียนในทุก ๆ เดือน และเปรียบเสมือนเป็นช่องทางเดินบัญชี (Statement) ที่สม่ำเสมออีกทางเลือกหนึ่ง เสริมความสามารถทางการเงินด้วยความตรงต่อเวลาในการชำระบัตรเครดิตที่จะแสดงถึงความมีวินัยและความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งจะเพิ่มโอกาสที่จะได้รับอนุมัติวงเงินกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัย และทั้งนี้ทั้งนั้นกลุ่มผู้กู้ที่ประกอบอาชีพอิสระต้องอย่าลืมให้ความสำคัญกับการออมเงินด้วย 

กนกวรรณ ใจศรี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ผู้บริหาร สายงาน Alternative Channels กลุ่มธุรกิจ Integrated Channels ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับผู้ที่กำลังมองหาโอกาสในการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียมในช่วงนี้ นับเป็นโอกาสในการมีที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น

เพราะ​นอกจากบ้านและคอนโดจะราคาดีแล้ว หากใครต้องการกู้เงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงนี้ยังถือว่าเป็นจังหวะที่ดี เพราะสามารถขอสินเชื่อกับทางธนาคารได้ง่ายขึ้นจากปัจจัย

อาทิ ได้ดอกเบี้ยถูก จากการปรับลดดอกเบี้ยสินเชื่อแบบลอยตัวลง เช่น MRR ตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทางธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งการที่ดอกเบี้ยต่ำลง ทำให้เรามีต้นทุนการกู้ที่ถูกลง และยอดผ่อนต่อเดือนน้อยลง เข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น  ซึ่งตามปกติรายได้ขั้นต่ำของผู้กู้แต่ละรายจะอยู่ที่เดือนละ 15,000บาท แต่ปัจจุบันหากลูกค้ามีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ การกู้ร่วมก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง โดยนอกจากผู้กู้ร่วมในครอบครัวแล้ว

เพื่อตอกย้ำการยอมรับความแตกต่างและอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียม ไทยพาณิชย์ยังได้ร่วมมือกับแสนสิริพร้อมช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าทุกกลุ่มที่ต้องการกู้ซื้อบ้านเพื่อสร้างครอบครัวร่วมกันอีกด้วย นอกจากนี้สำหรับคนที่อยากกู้ซื้อบ้านของตัวเองเป็นหลังแรก ช่วงนี้ยังนับเป็นโอกาสดีเพราะอาจขอกู้กับธนาคารได้เต็มมูลค่าบ้านหรือคอนโด (สำหรับที่อยู่อาศัยไม่เกิน 10 ล้าน) จากเดิมที่สูงสุด 90 – 95% ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย ซึ่งธนาคารต้องพิจารณาข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย เช่น รายได้ อาชีพ ภาระผ่อนหนี้เดิม ประวัติการผ่อนชำระ เป็นต้น

เคลวิน ฟู ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน)เปิดเผย เทคนิคของผู้ที่สนใจซื้อบ้าน เพื่อตรวจสอบความพร้อมตนเองด้วยหลักง่าย ๆ 5 ข้อ ข้อแรกที่ควรคำนึง คือ การประมาณการความสามารถของลูกค้าเอง โดยคำนวณราคาบ้านให้สอดคล้องกับกำลังที่ตนเองมี โดยปกติไม่ควรเกิน 60% ของรายได้

ข้อที่ 2 ลูกค้าควรเตรียมความพร้อมก่อนยื่นคำขอสินเชื่อบ้าน เช่น การเตรียมเอกสารรายได้/การเดินบัญชีสม่ำเสมอผ่านธนาคารไม่น้อยกว่า 6 เดือน กรณีมีหนี้เดิม ควรชำระหนี้ให้ตรงเวลา ไม่มีประวัติการค้างชำระ ลดภาระหนี้ที่ไม่จำเป็น เช่น การซื้อสินค้าเงินผ่อน เป็นต้น

ข้อที่ 3 ลูกค้าควรมีการเก็บออมเงินและผ่อนดาวน์ไม่น้อยกว่า 10 – 20% ของราคาบ้าน โดยอาจเก็บออม/ลงทุนในรูปแบบต่างๆ เช่น LTF, RMF, SSF, ประกันชีวิตสะสมทรัพย์, กองทุนตราสารทางการเงินอื่น หรือ การลงทุนอื่นๆ เช่น ทองคำ, อสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ เป็นต้น 

ข้อ 4 กรณีความสามารถไม่เพียงพอ ให้หาผู้กู้ร่วม ส่วนสิ่งสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้ข้ออื่นๆ คือ ลูกค้าควรเลือกบ้านในโครงการที่น่าเชื่อถือ ทำเลที่ต้องการ  มีระดับราคาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการ ซึ่งหากลูกค้าพิจารณาตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้น ก็จะมีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสการมีบ้านได้ง่ายขึ้น สอดคล้องกับแผนธุรกิจของแสนสิริในปีนี้ 

วรางคณา กล่าวเพิ่มเติมว่า แสนสิริยังมีบริการให้คำแนะนำที่ครอบคลุมถึงการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ทั้งระยะสั้นและระยะยาว

“เราเชื่อมั่นว่า “Sansiri Home Financial Planner” ภายใต้แคมเปญ “อยากได้บ้านต้องได้” ที่ได้รับความร่วมมือและสนับสนุนจากสถาบันการเงินชั้นนำ ที่จะมาร่วมให้คำปรึกษาจะทำให้การซื้อบ้านเป็นเรื่องง่ายขึ้น ซึ่งเมื่อผนึกกับแคมเปญ “แสนสิริผ่อนให้ 24 เดือน” ที่ช่วยให้ลูกค้ามีบ้านง่าย ไม่มีภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนที่อยู่อาศัย สามารถนำเงินไปใช้จ่ายอื่นๆได้ สบายใจได้นานตลอดระยะเวลา 2 ปี เพราะแสนสิริผ่อนให้ ทั้งต้น ทั้งดอก นานสูงสุด 24 เดือน โดยในปีนี้ได้ขยายความสุข ให้คนไทยได้มี บ้านและคอนโดใน 59 โครงการคุณภาพพร้อมอยู่ทั่วประเทศ ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.59 ล้านบาท จะตอบโจทย์ให้คนไทยมีบ้านได้ง่ายที่สุดในปี 2564 ผลักดันให้แสนสิริก้าวสู่เป้าหมายยอดขาย 26,000 ล้านบาท และยอดโอน 27,000 ล้านบาทในปีนี้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้” 

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ