Story of Business • Technology • Sustainability
Share on
×

Share

AI สูบไฟเท่าญี่ปุ่น The Grid คอขวดชี้ชะตาสงคราม AI

AI สูบไฟเท่าญี่ปุ่น The Grid คอขวดชี้ชะตาสงคราม AI

โลกกำลังเผชิญหน้ากับความเป็นจริง 2 ด้านที่ไม่อาจปฏิเสธได้ นั่นคือ การเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กำลังเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง และความสำเร็จของ AI นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญอย่างพลังงาน ประเด็นนี้ทำให้ความยั่งยืนไม่ใช่แค่ทางเลือกที่มีก็ดีอีกต่อไป แต่คือรากฐานของความสามารถในการแข่งขันและการอยู่รอดในระยะยาว

Shan Shan Guo ประธานเจ้าหน้าที่แบรนด์องค์กร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ อิ้งค์ ได้นำเสนอประเด็นสำคัญที่ค้นพบจากการร่วมมือกับ Economist Impact ในการสำรวจผู้บริหารระดับสูงกว่า 600 คนทั่วโลก (โดย 40% เป็นระดับ C-level) เพื่อทำความเข้าใจความท้าทายและโอกาสของ AI ที่ยั่งยืน

ผลสำรวจได้ชี้ให้เห็นช่องว่างครั้งสำคัญในตลาด ที่เปรียบเสมือนสัญญาณเตือนที่ดังและชัดเจน พบว่า 96% ของผู้ใช้งาน AI (AI Users) คาดหวังให้ซัพพลายเออร์ของตนมีเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่ชัดเจน แต่ในทางกลับกัน มีซัพพลายเออร์เพียง 59% เท่านั้น ที่มีแผนจะกำหนดเป้าหมายเหล่านี้ในอนาคตอันใกล้ ช่องว่างนี้กำลังส่งสัญญาณชัดเจนว่าผู้ที่ลงมือก่อนจะเป็นผู้กำหนดทิศทางและกติกาของตลาดนี้ และตอกย้ำว่าประสิทธิภาพด้านพลังงานได้กลายเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจที่สำคัญไปแล้ว

ความท้าทายทวีคูณ: เมื่อการเติบโต AI สูบพลังงานมหาศาล

การเติบโตของ AI นั้นเป็นไปอย่างก้าวกระโดด (Exponential Growth) โดยมีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรม AI ทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 2.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2032 เติบโตเกือบ 37% ต่อปี และหาก AI เป็นประเทศ ในปี 2032 จะมีขนาดใหญ่กว่า GDP ของทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมกัน

แต่การเติบโตนี้ก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ต้องทวีคูณเช่นกัน ประเด็นที่น่ากังวลที่สุดคือความต้องการพลังงาน องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) รายงานว่า ความต้องการไฟฟ้าของดาต้าเซ็นเตอร์จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 2030 แตะระดับ 945 เทราวัตต์ชั่วโมง ซึ่งเกือบเท่ากับปริมาณการใช้ไฟฟ้าของญี่ปุ่นทั้งประเทศในปัจจุบัน

นี่จึงไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องของพลังงาน สภาพภูมิอากาศ และอนาคตของมนุษยชาติ

ไทยเดิมพันสูงสู่เป้าหมายผู้นำ AI

ในขณะที่โลกกำลังขับเคลื่อนด้วย AI ประเทศไทยก็ไม่ได้เป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ Guo ระบุว่า รัฐบาลไทยได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะลงทุนมากกว่า 15 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในโครงสร้างพื้นฐาน AI ภายในปี 2047 รวมถึง 2.7 พันล้านดอลลาร์สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์และบริการคลาวด์

นี่คือการประกาศจุดยืนว่าไทยจะไม่ใช่แค่ ผู้บริโภค เทคโนโลยี แต่จะเป็น ผู้สร้าง ผู้กำหนดทิศทาง และ ผู้นำ

เจาะลึกอุปสรรค: ไม่ใช่ต้นทุนแต่คือโครงข่ายไฟฟ้า (Grid)

หลายคนอาจคิดว่าต้นทุนคืออุปสรรคหลักในการมุ่งสู่ความยั่งยืน แต่ผลการศึกษาของ Delta กลับให้ภาพที่ต่างออกไป โดยผลสำรวจชี้ว่าต้นทุนถูกจัดเป็นอุปสรรคในลำดับสุดท้าย ขณะที่สิ่งที่ผู้บริหารให้ความสำคัญมากกว่า คือการวิเคราะห์วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์และคาร์บอนฟุตพรินต์ การประเมินโครงสร้างพื้นฐานและพลังงาน และการตรวจสอบพลังงานแบบเรียลไทม์ ส่วนปัญหาที่แท้จริง (The Elephant in the Room) กลับกลายเป็น โครงข่ายไฟฟ้า (The Grid)

ทุกภูมิภาคต่างสะท้อนปัญหาเดียวกัน โดย Nvidia ระบุชัดเจนว่า ความพร้อมใช้งานของพลังงาน (Energy Availability) คือปัจจัยอันดับหนึ่งในการเลือกที่ตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ สถานการณ์ยังถูกซ้ำเติมด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่สร้างแรงกดดันใหม่ ๆ ประชาชนไม่ได้ปฏิเสธเทคโนโลยี แต่พวกเขากำลังตั้งคำถามว่าเทคโนโลยีนั้นกำลังเสริมสร้างหรือสูบทรัพยากรไปจากชุมชน

ทางออก “From Grid to Chip” ด้วยนวัตกรรมประสิทธิภาพสูง

ในฐานะที่ Delta อยู่ในระบบนิเวศนี้ และมีพันธกิจด้านการจัดหาโซลูชันพลังงานสะอาดที่มีประสิทธิภาพมาตลอด 50 ปี Guo ได้นำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพตั้งแต่ โครงข่ายไฟฟ้าไปจนถึงชิป (From Grid to Chip)

  1. สถาปัตยกรรม HVDC (ไฟฟ้ากระแสตรงแรงสูง) สถาปัตยกรรมพลังงานแบบดั้งเดิมมีการแปลงพลังงานหลายขั้นตอน ทำให้เกิดการสูญเสียพลังงานในทุกระยะ แต่สถาปัตยกรรม HVDC ของ Delta สามารถลดขั้นตอนการแปลงพลังงานลง 3-4 ขั้นตอน ส่งผลให้เพิ่มประสิทธิภาพได้ทันที 4-5% ซึ่ง Guo ย้ำว่า ในสเกลของ AI ตัวเลข 5% นั้นไม่ใช่แค่ความคลาดเคลื่อนเล็กน้อย แต่มันเทียบเท่ากับผลผลิตของโรงไฟฟ้าหนึ่งแห่ง
  2. Microgrids และโซลูชันเร่งด่วน ในขณะที่การสร้างการเชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้าหลักอาจใช้เวลา 5-10 ปี แต่ AI ไม่สามารถรอได้ โซลูชันอย่าง Microgrids ระบบกักเก็บพลังงาน พลังงานหมุนเวียน จะช่วยให้การปรับใช้ AI ทำได้รวดเร็วและยืดหยุ่น
  3. Containerized AI Data Centers (ดาต้าเซ็นเตอร์ AI แบบตู้คอนเทนเนอร์) นี่คือนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความกังวลเรื่องการขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะ เป็นระบบที่สมบูรณ์ทั้งการประมวลผล พลังงาน และการระบายความร้อน โดยมีจุดเด่นคือสามารถจัดส่งได้ภายใน ไม่กี่สัปดาห์ แทนที่จะเป็น หลายปี เพียงแค่ “เสียบปลั๊ก เปิดเครื่อง และประมวลผล” ซึ่งช่วยนำ AI ไปสู่โรงงาน โรงพยาบาล หรือประเทศที่กำลังสร้างอธิปไตยทางดิจิทัลของตนเอง

“AI จะเป็นตัวกำหนดศตวรรษหน้า แต่ความยั่งยืนจะเป็นตัวตัดสินว่าศตวรรษนั้นจะอุดมสมบูรณ์หรือไร้สมดุล” ซึ่งการขับเคลื่อนปัญญาประดิษฐ์ไปพร้อมกับความรับผิดชอบด้านพลังงาน คือภารกิจที่ต้องทำร่วมกัน

การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ AI กำลังเผชิญความท้าทายด้านพลังงานอย่างรุนแรง โดยผลสำรวจสำคัญโดย Delta และ Economist Impact ได้ชี้ให้เห็นถึงช่องว่างมหาศาลในตลาด กล่าวคือ 96% ของผู้ใช้งาน AI คาดหวังให้ซัพพลายเออร์มีเป้าหมายด้านความยั่งยืน แต่ซัพพลายเออร์ส่วนใหญ่ยังไม่พร้อมตอบสนอง

คุณ Shan Shan Guo ย้ำว่า อุปสรรคที่แท้จริงในปัจจุบันไม่ใช่ต้นทุน แต่คือความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐานและเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้า ซึ่ง Nvidia ยืนยันว่าเป็นปัจจัยอันดับหนึ่งในการเลือกที่ตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ ดังนั้น นวัตกรรมประสิทธิภาพสูง เช่น สถาปัตยกรรม HVDC ที่เพิ่มประสิทธิภาพได้ 4-5% และ Containerized AI Data Center ที่ติดตั้งได้ในไม่กี่สัปดาห์ จึงเป็นทางออกสำคัญที่จะทำให้ AI เติบโตต่อไปได้โดยไม่ทำลายสมดุลของโลก

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

DELTA ทุ่มลงทุนใหญ่ในไทย ขยาย 4 โรงงาน-ศูนย์ R&D รับ AI Data Center บูม

CKPower กำไร 9 เดือนพุ่ง 234% แตะ 1.6 พันล้าน ชี้อานิสงส์ ‘น้ำ-ดอกเบี้ย’

×

Share

ผู้เขียน