TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnist“ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ฟื้นคืนชีพ

“ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ฟื้นคืนชีพ

ทันทีที่รัฐบาลจีนเปิดประเทศให้คนจีนเดินทางออกนอกประเทศได้เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เริ่มมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาประเทศไทยจำนวนมาก จนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงท่องเที่ยวและการกีฬาแห่งประเทศไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ดี๊ด๊าดีใจ ว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 25 ล้านคน ส่วนใหญ่จะยังคงเป็นนักท่องเที่ยวจีนเช่นเคย

แต่น่าเป็นห่วง เมื่อมีข่าวจากคนในวงการว่า “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ที่หายไปกับการแพร่ระบาดโควิด-19 กำลังฟื้นคืนชีพตามมาหลอนธุรกิจท่องเที่ยวไทยอีกครั้ง หลังจากหายไปราว 3 ปี อย่างที่รู้ ๆ กันว่าทัวร์ศูนย์เหรียญไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีมานานตั้งแต่ก่อนโควิด เคยเฟื่องฟูในยุคท่องเที่ยวไทยกำลังบูมเป็นช่วงเวลาเศรษฐกิจจีนจีดีพีโตด้วยเลข 2 หลัก

ตอนนั้นทัวร์ศูนย์เหรียญได้สร้างปัญหาให้กับธุรกิจท่องเที่ยวไทยมากมาย กระทั่งในปี 2557 ที่คสช.ยึดอำนาจเข้ามาบริหารประเทศ มาตรการหนึ่ง คือ ปราบขบวนการทัวร์ศูนย์เหรียญ จนทำให้บริษัทนำเที่ยว บริษัทรถทัวร์รายใหญ่ของประเทศรายหนึ่งตกเป็นผู้ต้องหาว่ามีส่วนพัวพันธ์กับขบวนการนี้ จนธุรกิจต้องพังพินาศเสียหายนับพันล้าน 

แต่ในที่สุด ค.ส.ช.ก็ยอมยกธงขาวเงียบหายไปดื้อ ๆ แต่ทัวร์ศูนย์เหรียญยังคงอยู่กระทั่งสถานการณ์โควิด-19 ทุกประเทศทั่วโลกรวมทั้งไทยและจีนต่างปิดประเทศ คนออกเดินทางท่องเที่ยวไม่ได้ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวต้องปิดตัว ทำให้ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ต้องชะงักงันไปด้วยเพราะไม่มีลูกค้า ส่วนโรงแรม ร้านค้า บริษัททัวร์ รถทัวร์ ร้านอาหาร ธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่น ๆ ต้องปิดกิจการ ไกด์ทัวร์หลายพันคนไม่มีงานทำ 

หลายคนอาจจะเคยได้ยินแต่ไม่รู้ว่า “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” หรือ Zero-Dollar Tour คืออะไร ส่งผลกระทบกับธุรกิจท่องเที่ยวไทยอย่างไร อธิบายง่าย ๆ ทัวร์ศูนย์เหรียญ คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวในที่นี้คือ “นักท่องเที่ยวจีน” ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยซื้อทัวร์จากประเทศของตนเองในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน ก่อนที่บริษัททัวร์เหล่านั้นจะส่งลูกทัวร์ทั้งกรุ๊ปมาให้บริษัททัวร์ในประเทศไทย โดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าทัวร์แฟร์ อันเป็นค่าใช้จ่ายในการพาเที่ยวที่เก็บมาจากลูกทัวร์ให้กับเอเยนต์ฝ่ายไทยแม้แต่เหรียญเดียว (ส่วนใหญ่ก็เป็นของคนจีนใช้คนไทยบังหน้า) จึงเป็นที่มาของคำว่า “ศูนย์เหรียญ” 

ที่ร้ายกว่านั้น ยังมี “ทัวร์คิกแบ็ก” คล้ายกับทัวร์ศูนย์เหรียญ เพิ่มเติม คือ บริษัททัวร์ในเมืองไทยไปซื้อจำนวนหัวนักท่องเที่ยวจากบริษัททัวร์จีน เช่น 100 คน คนละ 5,000 บาท บริษัทจีนก็จะส่งนักท่องเที่ยวเข้ามา โดยบริษัททัวร์ในไทยจะรับจ่ายค่าที่พัก ค่าทัวร์ แล้วก็พาลูกทัวร์ไปช้อปปิ้ง ดูโชว์ และหากำไรจากรายการเหล่านี้ ซึ่งก็มีพฤติกรรมคล้าย ๆ กับทัวร์ศูนย์เหรียญ 

ของฟรีย่อมไม่มีในโลก นักท่องเที่ยวจีนที่หลงกลบริษัททัวร์จะมีวิธีเรียกเงิน ความจริงต้องเรียกว่า “รีดไถ” นักท่องเที่ยวสารพัดวิธีเพื่อเอาทุนคืน ไม่ว่าจะเป็นการพาไปดูโชว์ลามก หรือการพานักท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่าง ๆ ที่ต้องจ่ายเงินในราคาที่แพงกว่าปกติ เช่น ร้านอาหาร ร้านขายสินค้าที่ระลึก มีการหลอกขายเครื่องประดับในราคาที่แพงกว่าปกติหลายเท่าและรีดไถเอากำไรในส่วนต่างที่ไม่สมควรจะเรียกเก็บ หากไม่ยอมจ่ายหรือจ่ายน้อยก็จะถูกกดดันด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น ไม่ให้กุญแจห้อง ยึดพาสปอร์ต บางทีร้ายแรงถึงขั้นลงไม้ลงมือทำร้าย หรือลูกทัวร์อาจจะถูกลอยแพไปเลย

สถานที่ที่บริษัททัวร์หรือไกด์พาไปก็จะมีกลุ่มทุนจีนเป็นเจ้าของโดยใช้คนไทยเป็น “นอมินี” หรือ “หุ่นเชิด” ไม่ว่าจะเป็นบริษัทรถทัวร์ รถตู้ โรงแรม ร้านอาหาร สถานบันเทิง ร้านขายของที่ระลึก ทุกวันนี้ยิ่งหนักเพราะทุนจีนเข้ามาทำธุรกิจ แทบทุกอย่างในย่านท่องเที่ยวทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต ทำให้สะดวกยิ่งขึ้น เรื่องนี้หากปล่อยไว้ก็จะยิ่งทำให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยเสียหายหนัก 

ต้องบอกว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวที่มากับทัวร์ศูนย์เหรียญก็จะเป็นนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อต่ำเพราะนักท่องเที่ยวที่มีรายได้สูงกำลังซื้อสูงจะไปเที่ยวญี่ปุ่น หรือไปช้อปปิ้งยุโรป ช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด ว่ากันว่านักท่องเที่ยวจีนที่มาไทยกับทัวร์ศูนย์เหรียญจำนวนไม่น้อยที่เป็นชาวนา กรรมกรโรงงาน พวกนี้มีกำลังซื้อต่ำ จะพักโรงแรม3ดาวแถบชานเมือง ซื้อของกินของใช้ร้านสะดวกซื้อก็มี

ทันทีที่เริ่มมีสัญญาณว่า ทัวร์ศูนย์เหรียญกำลังฟื้นคืนชีพ บรรดาผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่เป็นคนไทย ต่างออกมาส่งสัญญาณเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวของไทย ให้รีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เตรียมมาตรการป้องกันทัวร์ศูนย์เหรียญกลับเข้ามาหากินในไทย คาดว่าจะทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียรายได้ ปีละ 1 แสนล้านบาทเลยทีเดียว

แต่ที่น่าห่วงยิ่งกว่า นั่นคือ ผลกระทบที่จะได้รับในระยะยาว จะทำให้ประเทศไทยจะเสียภาพลักษณ์นักท่องเที่ยวไม่ว่าจีนหรือต่างชาติจะมองว่าประเทศไทยเป็น “จุดหมายปลายทางราคาถูก” หักกลบลบกันแล้วได้ไม่คุ้มเสีย เราอาจจะได้ปริมาณนักท่องเที่ยวตามเป้า แต่ไม่มีคุณภาพ 

เคยคุยกับนักธุรกิจทีเกิดเมืองจีนและผู้เชี่ยวชาญเมืองจีนระดับต้น ๆ ของประเทศบอกว่า เราไม่ควรดีใจที่มีนักท่องเที่ยวจีนเริ่มเข้ามาเที่ยวเมืองไทย เพราะนักท่องเที่ยวที่มากับบริษัททัวร์นั้น ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่มากับ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” คนกลุ่มนี้ จะซื้อทุกอย่างจากร้านคนจีนเป็นเจ้าของ รายได้จากการท่องเที่ยวแทนที่จะตกอยู่กับคนไทยแต่ไปตกอยู่ในกระเป๋าคนจีนขนกลับประเทศ ไทยแทบไม่ได้อะไร จะได้บ้างก็แค่เศษ ๆ

เขายังแนะนำให้หน่วยงานที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวของไทย ควรเน้นส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวคุณภาพให้มาเที่ยวเมืองไทยมากกว่าเน้นปริมาณ ต้องเลิกส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านบริษัททัวร์หรือเอเย่นต์ทัวร์ในประเทศจีน เพราะคนที่มากับบริษัททัวร์หรือเอเยนต์ทัวร์เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อต่ำ อยู่สั้นจ่ายน้อย ควรจะดึงนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงเข้ามาแทน กลุ่มนี้ไม่นิยมมากับบริษัททัวร์แต่จะเดินทางมาเอง มาเป็นครอบครัว หรือกลุ่มเล็ก ๆ เพราะพูดภาษาอังกฤษดี มีรสนิยมสูง กินหรูอยู่สบาย กลุ่มนี้จะอุดหนุนร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรมของประเทศนั้น ๆ มากกว่าจะอุดหนุนคนจีน เพราะมองว่าไม่ได้คุณภาพแต่ราคาแพง เพียงแต่ไทยต้องหาจุดขายให้ได้ คนกลุ่มนี้ในจีนมีไม่ต่ำกว่า 300 ล้านคน หากมาเที่ยวไทย 3-4% ดีกว่าคนจีนมากับทัวร์ศูนย์เหรียญหลายเท่า

นักธุรกิจท่านนั้นยังบอกอีกว่า ประเทศไทยยังมีจุดขายให้กับนักท่องเที่ยวจีนกระเป๋าหนักหลายอย่าง เช่น อาหารจีนในประเทศไทยในสายตาของคนจีนได้ชื่อว่าเป็นอาหารจีนที่อร่อยที่สุดในโลก ถ้าเราชูเป็นจุดขายก็จะดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เข้ามาเที่ยวได้ ประเทศไทยควรเลิกขายของถูกได้แล้ว 

อย่างไรก็ตาม ทัวร์ศูนย์เหรียญเป็นวงจรอุบาทว์ที่ทำให้การท่องเที่ยวของไทยบอบช้ำมามากแล้ว ต้องจับตาดูว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสนใจแก้ปัญหาหรือไม่หรือ ช่วงเลือกตั้งเกียร์ว่างกันหมด ธุรกิจท่องเที่ยวไทยจะพังพินาศก็ไม่เป็นไร

ตรวจแถวการเมือง … วัดกึ๋นทีมเศรษฐกิจ

SVB ถึง Credit Suisse … วิกฤติความเชื่อมั่น

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ