Pomelo ตั้งเป้าเป็นผู้นำแพลตฟอร์มเสื้อผ้าแฟชั่นออนไลน์ที่สร้างประสบการณ์ลูกค้าผ่านกลยุทธ์ Omni Channel ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- โควิด-19 แช่แข็งเม็ดเงินโฆษณาดิจิทัลปี 63 อยู่ที่ 19.6 พันล้านบาท
- ZAAP PARTY ชี้อีเวนต์ต้องปรับตัว เน้นขายไอเดียสร้างความแตกต่าง
- เกือบ 9 ใน 10 ของผู้บริโภคชาวไทย สนใจทำธุรกรรมการเงินดิจิทัล
Pomelo สตาร์ตอัพที่ใช้เทคโนโลยีของ Amazon Web Service (AWS) เป็นโครงสร้างหลัก ทำให้รองรับการขยายขีดความสามารถของธุรกิจได้และรองรับปริมาณการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะช่วงพีคโหลด
Localisation คือ กลยุทธ์หลักของ Pomelo ที่จะทำให้ประสบความสำเร็จใน SEA ได้ กลยุทธ์นี้จะทำให้ Pomelo รู้จักความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันตามภูมิภาค ซึ่งระบบวิเคราะห์ข้อมูลของ AWS เข้ามาช่วยให้ Pomelo สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Paulo Almeida, Regional VP of Engineering ของ Pomelo Fashion กล่าวว่า ยอดขายของ Pomelo เพิ่มขึ้น 2 เท่าทั้งก่อนและหลังโควิด-19 ซึ่งยอดออฟไลน์อาจลดลงบ้าง แต่ยอดขายออนไลน์เพิ่มมาทดแทนได้ แต่โดยรวมแล้ววิกฤติเป็นช่วงจังหวะที่สามารถนำนวัตกรรมมาสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าได้
แฟชั่นเป็นเรื่องเฉพาะ ทุกคนมีความต้องการเรื่องแฟชั่นไม่เหมือนกัน ดังนั้น Personalization จึงมีความสำคัญกับ Pomelo ที่นำ data point มาหา preference และความพี่ในการเข้าชมเว็บไซต์ ซึ่งลูกค้าแต่ละคนจะหน้าเว็บของ Pomelo ที่ไม่เหมือนกัน การแสดงข้อมูลสินค้าจะตรงตามความชอบของแต่ละคน
Personalization ใช้ใน Feed ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมของผู้ซื้อ ไม่ว่าจะเป็นเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมล่าสุด หรือประวัติการซื้อ หรือเสนอสินค้าที่ match กับ preference ของลูกค้า
AWS ทำ model ให้ tool และ engine ให้ Pomelo ไปทำการเทรน model ของได้ ซึ่ง Pomelo มีการเปลี่ยนพารามิเตอร์ในการสร้าง model ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อ Pomelo ใช้ Personalization แล้ว สามารถเพิ่มยอดขายได้ 10-20 เท่า
ซึ่ง Personalization ของ AWS เป็น machine learning ไม่ใช่สถิติ ทำให้สามารถวิเคราะห์แบบ multi-layer และสามารถทำเทรนนิ่งได้ ประโยชน์ของการใช้ฟีเจอร์ Personalization ของ AWS คือ ช่วยลดระยะเวลาในการตัดสินใจ เทรนโมเดลต่าง ๆ ให้ดียิ่งขึ้น
ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า Personalized เป็นบริการ AI ที่เกิดจากความต้องการของลูกค้า ความสามารถในการสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าแต่ละคนให้เป็นเอกลักษณ์และแตกต่างกันเป็นจุดแข็งของ Pomelo ร้านปฏิบัติลูกค้าแบบรายบุคคล ซึ่งการมอบประสบการณ์แบบนี้ได้ จะต้องมีฐานข้อมมูลขนาดใหญ่ มีระบบวิเคราะห์ข้อมูลที่ชาญฉลาด
Personalization เป็น API-based service เพิ่มความสามารถในการใส่ฟีเจอร์ personalisation ให้กับ Pomelo โดยที่ไม่ต้องใช้ data scientist จำนนวนมาก ที่สำคัญสามารถทำเวลาสู่ตลาด (time-too-market) ได้อย่างรวดเร็ว
Paulo Almeida กล่าวว่า Pomelo ใช้ฟีเจอร์ Personalization มาปีครึ่งแล้ว ซึ่งเป้าหมายของธุรกิจ Pomelo มียอดดาวน์โหลด 10 ล้านตั้งแต่ปี 2015 ฟีเจอร์ Personalization เข้ามาช่วยเรื่องสินค้าแฟชั่น ซึ่งลูกค้าสามารถหาสินค้าที่ต้องการเจอได้ง่ายมากขึ้น”
“เรามองว่ากลยุทธ์ Omni-Channel สำคัญ ทั้งการเพิ่ม touch point และ loyalty ของลูกค้า พยายามขยายร้านแบบออฟไลน์มากขึ้น และจะเน้น Omni-Channel มากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า เพราะสินค้าเสื้อผ้า ลูกค้าอาจจะอยากจับสัมผัสเนื้อผ้า ดังนั้น Omni-Channel จึงช่วยทั้งเรื่อง awareness, retention และ trust” Paulo Almeida กล่าว
Pomelo ขาย 23 ประเทศ แต่เน้น 4 ประเทศ คือ ไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ลูกค้าที่ซื้อแล้ว (Paying Customer) ของ Pomelo คือ 500,000 คน ในจำนวนนี้ ประมาณ 60- 70% เป็นคนไทย Pomelo กำลังจะขยายไปฟิลิปปินส์ รายได้ใน SEA ไม่สามารถเปิดได้ แต่รายได้เติบโตสองเท่าแล้ว รายได้ออฟไลน์กลับมาก่อนเกิดโควิด-19 แล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่ประมาณ 98% เป็นผู้หญิง กำลังจะมีโปรเจคใหม่ชื่อ Pomelo Man
ความท้าทายของธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น คือ การบริหารจัดการ การ forecast ซึ่งไซเคิลเสื้อผ้าของ Pomelo อยู่ที่ 45 วัน Pomelo มีการเปิดสินค้าใหม่สัปดาห์ละ 50 ชิ้น ปัจจุบันมีสินค้าทั้งหมดประมาณ 8,000 รายการ ซึ่งจะเพิ่มเป็น 20,000 รายการในอนาคต รวมถึงสินค้าของพันธมิตรด้วย ซึ่ง GMV ตอนนี้เกินเป้าที่ตั้งไว้ ที่ไม่สามารถบอกได้ เป้าหมายของ Pomelo คือ การส่งมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ให้ลูกค้า
นอกจากนี้ Pomelo ยังได้ทำ Live Stream เป็นความสำเร็จอย่างมาก ช่วยเรื่อง engagement และ brand awareness อย่างมาก ในอนาคตจะเปิด Live Stream ยาว 8 ชั่วโมง ซึ่ง Pomelo จะเพิ่มการใช้งานฟีเจอร์อื่น ๆ ของ AWS อีกย่างแน่นอน
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
